Mitsubishi ชวนทดสอบ Xpander และ Xpander Cross HEV ฟูลไฮบริดครั้งแรกของแบรนด์
ในยุคที่เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริดแบบ HEV พัฒนามาไกล ต้องยอมรับว่ากว่าทาง Mitsubishi Motors จะโดดเข้ามาร่วมวงด้วยก็นับว่าช้ามากแล้ว จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่าแล้วระบบขับเคลื่อน HEV ของ Mitsubishi ที่ว่านั้นมีดียังไง วันนี้เราเลยได้รับคำเชิญจากทาง Mitsubishi Motors ให้มาพิสูจน์กันกับรถ Mitsubishi Xpander HEV และ Mitsubishi Xpander Cross HEV
โดยกิจกรรมเริ่มต้นขึ้นด้วยการแข่งขันวัดความเร็วอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ระหว่างคุณมาซาฮิโระ ทามูระ จากทีม Mitsubishi R&D กับตัวแทนสื่อที่มาร่วมทดสอบ ซึ่งโชว์ศักยภาพในอัตราเร่งของเครื่องยนต์ HEV ในเจ้า Xpander และ Xpander Cross ให้เห็นกันจะจะ แต่บอกได้เลยว่าที่เห็นมากกว่าอัตราเร่ง 9.7-10.3 วินาที (จากสื่อที่ทดสอบในวันนั้น) ก็คือความนิ่มนวลของรถขณะเร่ง บอกได้เลยว่ารถเร่งได้นิ่งมากๆ
ตัวรถถูกติดสติกเกอร์พรางไว้ เพราะทดสอบกันก่อนวันเปิดตัวจริง
หลังจากนั้นก็เข้าสู่เส้นทางทดสอบที่ทาง Mitsubishi จัดมาให้ได้ลองกัน ซึ่งมีให้ลองกันทั้งเส้นทางแบบออนโรดและออฟโรด โดยเราจะได้ทดสอบ 7 โหมดการขับขี่กันแทบจะครบทุกแบบ เริ่มจากการขับ Xpander HEV ออกตัวกันในโหมด Normal ให้ได้สัมผัสกับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันก่อน แต่เชื่อไหมว่าแค่ออกตัวไปทีแรกก็รู้แล้วว่าตัวรถที่ผ่านการปรับช่วงล่างและระบบกันสะเทือนมาใหม่มีความเฟิร์มขึ้น การโคลงตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจุดนี้ทาง Mitsubishi ให้ข้อมูลกับเราว่ามีการปรับในส่วนของโช้กอัพและสปริงใหม่ แต่อีกส่วนที่ช่วยเรื่องความละมุนละไมในการขับขี่นี้คือส่วนของตัวถังที่ปรับความแข็งแรงใหม่ให้ทดทานกับแรงบิดที่เพิ่มขึ้นจากมอเตอร์ไฟฟ้า
จบช่วงแรกของโหมด Normal เราก็ปรับเข้าโหมด EV Priority เพื่อดูอัตราเร่งแบบ EV ในทางตรง ผ่านพื้นที่ถนนเปียกที่จำลองไว้ให้ดูอาการไถลของรถ แล้วเข้าสู่จุดเริ่มต้นรอบสอง ตรงนี้เราจะได้ลองใช้โหมด Tarmac (หรือโหมด Sport ในรถคันอื่น) กัน จะเห็นทันทีเลยว่าคันเร่งตอบสนองไวขึ้น พวงมาลัยหนักขึ้น การเข้าโค้งคมขึ้นจากระบบ AYC ที่ทำงานเต็มรูปแบบ ขับวนไปจนถึงก่อนเข้าช่วงทางเปียกเราจะได้ปรับเป็นโหมด Wet แล้วเราก็พบว่าการเข้าโค้งถนนลื่นๆ ไม่ยากเลยเมื่อโหมดการขับมันช่วยให้รถเกาะถนนแน่นสนิทขนาดนี้ (แต่ก็อย่าใช้ความเร็วบนถนนเปียกชื้นกันนะ)
เสร็จแล้วก็ถึงเวลาเปลี่ยนรถไปใช้เจ้า Xpander Cross HEV ลุยทางออฟโรดกัน โดยลักษณะการทดสอบก็ยังเป็นแบบเดิม คือเราจะได้ใช้โหมด Normal กันก่อนเพื่อดูว่าหากขับปกติโดยไม่ปรับโหมดเป็นอย่างไร จากนั้นเราก็เปลี่ยนมาลองใช้โหมด Gravel เพื่อดูความแตกต่างที่เกิดขึ้น ซึ่งตัวรถจะมอบการควบคุมที่สูงขึ้นแต่จะปล่อยให้ตัวรถไถลไปกับพื้นผิวได้ระดับหนึ่ง ทำให้บังคับควบคุมบนผิวถนนลูกรังได้ดีขึ้น เสร็จแล้วเราก็ลงไปลุยโคลนต่อในโหมด Mud ซึ่งจะลดความไวคันเร่งลงและส่งกำลังให้ผ่านพื้นผิวแบบหล่มโคลนไปได้
ซึ่งการทำงานทั้งในส่วนของระบบขับเคลื่อน HEV อันประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร (จากโมเดลเดิม 1.5 ลิตร) กับมอเตอร์ไฟฟ้า รวมกับ 7 โหมดการขับขี่ และ AYC หรือ Anti Yaw Control ของ Mitsubishi นี้จะถูกนำเสนอรวมกันในชื่อ Mitsubishi e:MOTION นั่นเอง
ต้องบอกเลยว่าถึงฟูลไฮบริดของ Mitsubishi จะมาช้า แต่ก็มาแบบพร้อมรบด้วยอาวุธครบมือจริงๆ ไม่ว่าจะอัตราเร่งที่ดี ความสะดวกสบายขณะขับที่ยอดเยี่ยม ความประหยัดในแบบเครื่องยนต์ฟูลไฮบริด นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องรับประกันที่ Mitsubishi มอบความมั่นใจให้ผู้ใช้ด้วยการรับประกัน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง แถมด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ขับเคลื่อน 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ยิ่งทำให้มันดูน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก
ถ้าอยากลองสัมผัส Mitsubishi Xpander HEV และ Mitsubishi Xpander Cross HEV อย่างที่พวกเราได้ลองสัมผัสกันวันนี้ ก็ติดต่อสอบถามไปที่โชว์รูมของ Mitsubishi ได้เลย Mitsubishi พร้อมบริการทุกท่านอย่างเต็มที่แน่นอน