S560e : นุ่ม สบาย หลงรักเลย
ตั้งแต่เด็กๆ มาแล้วหนึ่งในรถยนต์ที่ผมอยากมีไว้ครอบครองไว้ใช้งานก็คือเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส คลาส ด้วยภาพความทรงจำที่จำได้อย่างแม่นยำว่าเป็นรถยนต์ที่กว้างขวาง ใหญ่โต นั่งสบายมาก และที่สำคัญคือการขับขี่ก็ดี มีความโอ่อ่าอยู่ในตัวแบบครบๆ ความหรูหราก็ไม่น้อยหน้าใคร มองไปในยุคหนึ่ง เอส-คลาส เป็นเครื่องแสดงออกถึงความมีฐานะของผู้ที่เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี ด้วยเพราะราคาค่าตัวที่แตะระดับสิบล้านบาท แต่วันนี้ต้องบอกว่าเมื่อหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป ทำให้ เอส-คลาส น่าสนใจมากขึ้นและที่สำคัญเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นด้วย
เดิมที เอส-คลาส นั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 รุ่นคือ S350d Exclusive ราคา 6,390,000 บาท และ S350d AMG Premium ราคา 6,999,000 บาท แต่เมื่อมีการมาของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดทำให้มีการปรับรุ่นของ เอส-คลาส โดยให้คงตัว S350d Exclusive ไว้แต่รุ่น S350d AMG Premium ถูกแทนที่ด้วย S560e AMG Premium ที่เราเอามาทดสอบกันคราวนี้นั่นเอง
S 560e AMG Premium นั้นเป็นรถยนต์ที่น่าสนใจหลายอย่าง แน่นอนว่าอย่างแรกคือในเรื่องของความหรูหรา สะดวกสบาย ที่เป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับการยอมรับของ เอส-คลาส โดยเฉพาะกับเบาะนั่งด้านหลัง ที่ยังคงสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้นั่งสัมผัสอย่างลืมไม่ลง หรือจะบอกว่านั่งแล้วไม่อยากลุก นั่งแล้วไม่อยากนั่งรุ่นอื่นอีกเลยก็ได้ เบาะนั่งด้านหลังซ้ายสามารถปรับเอนได้ แบบที่นั่งชั้นบิสิเนสคลาสบนเครื่องบิน เพียงแค่กดปุ่มปรับเอน ระบบจะทำงานโดยอัตโนมัติ เริ่มจากเบาะนั่งด้านหน้าซ้ายจะเลื่อนขึ้นหน้าไปจนสุด พนักพิงจะปรับเอนไปด้านหน้า พร้อมกับพนักพิงศีรษะจะพับลง เพื่อไม่ให้บดบังทัศนวิสัยของผู้ขับ มีที่วางเท้าเลื่อนออกมาเพื่อความสบาย สามารถยืดขาได้สุด ส่วนเบาะนั่งด้านหลังซ้ายจะปรับเอียงไปด้านหลัง เพื่อให้ผู้โดยสารที่นั่งอยู่เอนหลังพักผ่อนได้เต็มที่ และยังมีที่รองขาเลื่อนขึ้นมาให้อยู่ระนาบเดียวกับเบาะเพื่อรองรับต้นขา ถ้าการนั่งเอนหลังสบายๆ ยังไม่พอล่ะก็ จอแยกด้านหลังพร้อมหูฟังส่วนตัว และรีโมทส่วนตัวก็พร้อมที่จะมอบความเพลิดเพลินให้กับคุณอยู่แล้ว
ห้องโดยสารด้านหลังนี่ถ้าจะเทียบกันตรงๆ ต้องบอกว่า ในความรู้สึกส่วนตัวที่ลองมา เอส-คลาส นั่งสบายมากกว่า BMW 7 (รุ่นเดิม) แต่เรื่องของอุปกรณ์การใช้งานต่างๆ ดูว่าซีรีส์ 7 จะพยายามใส่มาให้มากกว่านะ ก็ต้องแล้วแต่คนชอบว่าจะเลือกแบบไหน ส่วนซีรีส์ 7 ใหม่ ที่เป็นปลั๊กอินไฮบริดนั้นยังไม่ได้ลองต้องรอก่อนแล้วจะเทียบกันอีกที
เรื่องของการขับนั้นก็สบายครับเพราะ S560e คันนี้ มีกำลังรวมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์ได้มากถึงเกือบๆ 500 แรงม้า แรงบิดระดับ 900 นิวตันเมตร เผลอเหยียบคันเร่งนิดเดียวก็แตะ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยที่แทบไม่รู้สึกตัวเพราะความแรงของรถที่มาแบบนุ่มๆ เนียนๆ และช่วงล่างแบบถุงลมที่นั่งยังไงก็นุ่ม ขับไปเจอคอสะพานถนนขรุขระก็ยังนั่งสบายทั้งคนขับและผู้โดยสาร ที่สำคัญกว่านั้นคือโหมดการขับที่มีให้เลือกนั้นทำงานได้อย่างน่าประทับใจโดยเฉพาะในโหมดสปอร์ต (Sport) ที่ทำให้รถยนต์หรูหราคันใหญ่โตที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีคันนี้ขับได้อย่างสนุก ตอบสนองการกดคันเร่งได้อย่างดี ระบบความปลอดภัย ระบบความสะดวกสบาย และวัสดุที่เลือกใช้ต่างๆ ก็ล้วนพิถีพิถันอย่างดีเพื่อให้สมกับราศีของ S560e คันนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นรถยนต์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดคันหนึ่ง ที่ดีทั้งกับผู้ขับ ดีกับผู้โดยสาร และแน่นอนว่าดีกับผู้ที่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของด้วย
ราคาค่าตัวจับจองเจ้าของได้ง่ายขึ้น แต่สิ่งที่เมอร์เซเดส เบนซ์ให้มาไม่ได้ลดลงเลย เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าถูกใจอะไรในรถยนต์คันนี้ ตอบสั้นๆ ได้ว่าถูกใจความเป็น เอส-คลาส ที่มีความครบเครื่อง รอบด้านแบบไร้ที่ติ จนกระทั่งเมื่อได้ทดสอบขับเสร็จแล้ว ผมก็ค้นพบว่าสิ่งที่ไม่ดีของ S560e AMG Premium นั่นคือ ลองแล้วอยากได้เป็นเจ้าของ ขับแล้วติดใจ นั่งแล้วก็ไม่อยากไปนั่งรถคันไหนอีกนั่นเอง...
Mercedes-Benz S650e AMG Premium Plug-in Hybrid
ราคา 6,999,000 บาท
เครื่องยนต์ 2,996 ซีซี เบนซิน V6 พร้อมเทอร์โบคู่ และอินเตอร์คูลเลอร์
เกียร์ อัตโนมัติ 9 สปีด (9G-Tronic)
กำลังสูงสุด 367 แรงม้า ที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,800-4,500 รอบต่อนาที
กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 122 แรงม้า
แรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้า 440 นิวตันเมตร
ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
ความยาว 5,259 มม.
ความกว้าง 1,899 มม.
ความสูง 1,491 มม.
ล้อและยาง 245/40 R20 (น.), 275/35 R20 (ล.)