เริ่มต้นจากศูนย์ สู่ธุรกิจรถยนต์มือสอง
บางคนอาจจะคิดว่ารถยนต์มือสองเป็นเรื่องไกลตัว แล้วเชื่อไหมว่าเจ้าของธุรกิจรถยนต์มือสอง “เจ มอเตอร์เทรด” ก็เป็นหนึ่งในคนที่คิดแบบนั้นเช่นกัน AUTOCAR THAILAND ฉบับนี้จะพาไปพูดคุยกับ “คุณจิ๋ว” ว่าเขามีมุมมองและวิธีการเรียนรู้การทำธุรกิจรถยนต์มือสองจากศูนย์ให้เติบโตจนมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร
ทำความรู้จักกันหน่อย
สวัสดีครับ ผมอำนาจ ดุสิตโอฬาร ชื่อเล่น จิ๋ว ครับ เรียนจบปริญญาตรี วิศวะ ที่เอแบค ปีนี้อายุ 38 ครับ ผมอยู่วงการรถยนต์มือสองมาสิบกว่าปีแล้วครับ โดยเริ่มจากการไปเป็นพนักงานที่เต็นท์รถยนต์มือสองก่อนแล้วก็ทำทุกหน้าที่เลยครับ ก็เรียนรู้เรื่อยๆ จนกระทั่งรู้ว่าหน้าที่ไหนต้องทำอะไรแบบไหนบ้าง จนรู้สึกว่าตัวเองพอดูเป็นพอทำเป็นแล้วก็เริ่มซื้อรถยนต์มาขายต่อทีละคัน เริ่มแรกคือเอารถเพื่อนมาขายก่อน ยังไม่ได้ลงทุนเต็มๆ แล้วค่อยๆ ลงทุนทีละครึ่งคันหุ้นกับเพื่อนแล้วก็ลงทุนเองสักคัน ค่อยๆ โตมาเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนนี้ก็มีรถยนต์เป็นร้อยกว่าคันแล้วครับ
รู้ตัวว่าชอบรถยนต์มือสองตอนไหน
ตั้งแต่ตอนที่ได้ไปฝึกงานนี่แหละครับ ต้องบอกก่อนเลยว่าจริงๆ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องรถยนต์เท่าไหร่นัก ตอนนั้นแค่คิดว่าไปทำงานที่เต็นท์รถมือสองก็ดีเหมือนกัน จะได้มีรายได้เสริมแม้มันจะไม่เยอะอะไรแค่หลักพันบาท ได้หัดขับรถซึ่งตอนนั้นผมยังขับเกียร์ออโต้ไม่เก่งด้วยซ้ำ แล้วก็มาหัดขับเกียร์ธรรมดาได้ก็เพราะทำงานที่เต็นท์นี่แหละครับ ซึ่งพอได้ไปฝึกดูแล้วก็รู้สึกสนุก ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แถมยังได้เปลี่ยนรถขับไปเรื่อยๆ เมื่อวานขับคันนั้นวันนี้ขับคันโน่นทำให้เรารู้สึกสนุกแล้วก็ทำให้เรามีประสบการณ์มากขึ้นด้วย ได้รู้จักรถแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ รู้ถึงความแตกต่างของรถแต่ละคัน ที่เขาว่าดีมันดีจริงไหม ที่เขาว่าไม่ดีแล้วเรามีวิธีแก้ไหม ซึ่งเราก็สามารถบอกลูกค้าได้เลยว่ารถรุ่นไหนดีหรือเหมาะกับลูกค้ายังไงบ้าง
มุมมองต่อรถยนต์มือสองในอดีตและปัจจุบันมีเปลี่ยนแปลงไปบ้างไหม
อย่างที่บอกไปก่อนหน้าผมไม่ค่อยมีความเรื่องรถมากนัก ตอนไปฝึกงานก็แค่คิดจะเก็บเป็นประสบการณ์เฉยๆ คิดว่ารถมือสองกับตัวเรานี่ห่างไกลกันมากนะ มีวิธีดูรถที่เอามาขายต่อยังไง มีขั้นตอนหลายอย่างที่ต้องปรับปรุงรถให้ดีให้สวยก่อนขาย แต่พอได้ลงมือทำจริงๆ มันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นครับ แค่ต้องตั้งใจและขยัน อย่างตอนฝึกงานเขาแค่ให้มาช่วยขายแบบนั่งอยู่ในออฟฟิศ แต่ผมอยู่ข้างนอกตลอด คอยไปล้างไปเปลี่ยนล้อไปขัดสีรถ พยายามเรียนรู้ทุกอย่างเลยครับ ซึ่งตอนแรกไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเปิดเต็นท์เองด้วยซ้ำ แต่พอผมได้ฝึกงานไปบ้างแล้วเพื่อนเห็นว่าเรามีความรู้ตรงนี้ เวลาเขาจะขายหรือจะซื้อรถก็มักจะโทรถาม เราก็คอยให้คำแนะนำ หลังจากนั้นก็เริ่มมีมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนเพื่อนไว้ใจให้เราขายต่อรถของเขาเองเลย แล้วเราก็รู้สึกว่าเราก็ทำได้ ก็เริ่มเก็บเงินจนพอมีทุนเป็นของตัวเอง แล้วก็ที่เลือกที่ตั้งตรงถนนศรีนครินทร์นี้เพราะมันไม่ไกลจากเอแบคหัวหมากครับ ที่ผมฝึกงานก็อยู่แถวนี้ เหมือนกับรู้จักพื้นที่แถวนี้อยู่แล้ว รู้จักช่าง รู้จักอู่ที่อยู่ในละแวกนี้หมด เพราะฉะนั้นถ้าเราเริ่มเปิดธุรกิจแถวนี้ก็สามารถไปต่อได้เลยครับ
มีวิธีการโปรโมทธุรกิจอย่างไร
ช่วงแรกๆ ที่เริ่มขายในอดีตคือแทบจะไม่มีใครรู้ราคากลางจริงๆ ของรถเลยนะครับ ฉะนั้นจะขายได้หรือเปล่านอกจากตัวสินค้าเองแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับตัวพนักงานเซลล์ด้วย ขึ้นอยู่กับวิธีการพูด ถือเป็นทักษะเฉพาะตัวของใครของมันเลยนะครับ จนประเทศไทยเริ่มใช้อินเตอร์เน็ตกันมากขึ้น ซึ่งตอนนั้นแทบจะไม่มีรถมือสองประกาศขายอยู่เลย ผมก็ใช้ประโยชน์ตรงนั้นลงโฆษณาสินค้าเรา ค้นหายังไงก็จะขึ้นชื่อเต็นท์ผม เพราะช่วงแรกๆ การโปรโมททางอินเตอร์เน็ตยังไม่ค่อยได้รับการสนใจจากเจ้าของรถยนต์มือสองเจ้าอื่นๆ นัก ผมก็คอยถ่ายรูปรถของผมลงบ่อยๆ คนก็เริ่มโทรมาเรื่อยๆ ขายได้เรื่อยๆ แทบจะไม่มีคู่แข่งเลยในโลกออนไลน์ แต่ปัจจุบันเว็บไซต์ขายรถมือสองออนไลน์ก็เติบโตขึ้นก็ต้องยอมรับว่ามีตัวเลือกให้ลูกค้าเลือกเยอะมากขึ้น ค้นหารถสักรุ่นก็มีให้เลือกเป็นหลักพัน เราเลยต้องเน้นที่ฐานลูกค้าเก่าๆ ของเรา บริการให้ดีให้เขาไปบอกต่อกันเองด้วยครับ
สิ่งที่ดึงดูดใจลูกค้า
จริงๆ ปัจจุบันนี้เต็นท์ต้องพัฒนาตัวเอง คุณภาพรถต้องให้เทียบเท่าป้ายแดง การบริการก็สำคัญ ต้องให้ลูกค้ามั่นใจในตัวเรา รถต้องไม่มีชนหนักหรือน้ำท่วมหรือตัดต่อ ต้องมีวารันตี 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปีไปเลย ยังไงก็ต้องมี ไม่อย่างนั้นเราก็สู้เจ้าอื่น ลูกค้าก็จะไม่มีความเชื่อมั่นเราแล้วนะครับ ผมมีรถยนต์ให้เลือกเยอะหลากหลายรุ่นยี่ห้อ รถต้องสวย เน้นรถใหม่ไม่เกิน 5 ปี 10 ปี และที่สำคัญเลยคือตอนนี้ต้องมีโปรโมชั่น พวกดอกเบี้ยต่างๆ การจัดไฟแนนซ์ต่างๆ ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีให้ไม่เหมือนกัน มันก็ทำให้ผมขายได้เยอะกว่าเจ้าอื่นๆ
ที่สำคัญคือต้องไม่ลืมเรื่องการบริการ ตั้งแต่แรกที่ลูกค้าเข้ามาเราจะต้องพูดคุยกับเขายังไงบ้าง ซึ่งผมคิดว่าลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการคำปรึกษาหรือวิธีแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเราสามารถให้คำปรึกษาหรือแก้ปัญหาที่ลูกค้าติดขัดได้ผมเชื่อว่าเราจะขายได้แน่นอน ผมก็บอกน้องๆ ให้พยายามคุยกับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง คุยให้รู้ว่าเขาต้องการอะไรและหาทางออกให้เขา นั่นแหละเขาจะเชื่อใจเราไว้ใจเราจนซื้อรถกับเราเองครับ เพราะฉะนั้นต้องไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ ต้องพัฒนาทั้งตัวเองและคุณภาพรถต่อไปครับ ผมเองก็คิดว่าต่อไปจะขยายธุรกิจให้มากขึ้น อยากจะเปิดให้ครบวงจร เหมือนที่ศูนย์บริการต่างๆ มี ทั้งซื้อขายอะไหล่ ซ่อมบำรุง และคาร์แคร์ เพราะถ้าเราทำแบบครบวงจร รายได้มันก็จะหมุนอยู่อย่างนี้แหละครับ
ฝากถึงมือใหม่ที่กำลังหารถยนต์มือสอง
ถ้ามือใหม่จริงๆ ผมแนะนำให้ไปดูตามงานที่เขาจัดรวมรถยนต์มือสองเลยครับ อย่างงาน Fast Auto Show ที่กำลังจะจัดปลายเดือนนี้ก็ได้ครับ เพราะในงานนี้คือคุณมั่นใจได้เลย ยิ่งมีอาจารย์พัฒนเดช อาสาสรรพกิจการันตีอีก มันน่าเชื่อถือกว่าคำพูดของผมหรือเจ้าของรถมือสองเจ้าอื่นๆ อีกนะครับ ถ้ามีชนหนัก พลิกคว่ำ หรือปัญหาร้ายแรงอื่นๆ อาจารย์เขาไม่ปล่อยอยู่แล้ว ถ้าติดปัญหาโอนไม่ได้ยิ่งแล้วใหญ่เลยทางงานเขาซื้อคืนก่อนอยู่แล้ว ถ้าไม่มีความรู้เรื่องรถยนต์จริงๆ ผมแนะนำงานนี้เลยครับ