Raptor : ก็จัดว่าดีแต่รถไม่ได้มีไว้บิน

 

เป็นกระแสพูดถึงกันมาเยอะมากตั้งแต่เปิดตัวให้เห็นกันที่ประเทศไทยของเรา สำหรับรถกระบะสมรรถนะสูงอย่าง ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เรียกได้ว่าคอกระบะ ขาซิ่ง ขาโหด แฟนพันธุ์แท้ทั้งหลาย ตั้งหน้าตั้งตารอกันเลยทีเดียว สำหรับองค์ประกอบที่สำคัญนั้นก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของรูปลักษณ์หน้าตาที่มาแบบโหดๆ ดุดันเรียกความอยากที่จะมีไว้ในครอบครองจากผู้ที่พบเห็นอย่างเต็มที่ อีกส่วนหนึ่งก็คือเรื่องของสมรรถนะและเทคโนโลยีที่หลายคนบอกว่ามันโดนใจ มันล้ำสมัยมาก ทั้งเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตรเทอร์โบ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ช่วงล่างที่ได้รับการพัฒนาและเซ็ทมาให้เกาะถนนในทุกสภาพเส้นทางจากฟอกซ์ ทั้งหมดนั้นทำให้หลายคนเคลิ้มไปจนลืมคิดถึงราคาค่าตัวระดับหนึ่งล้านเจ็ดแสนบาทที่นับได้ว่าเป็นราคาที่สูงที่สุดของรถกระบะซึ่งมีจำหน่ายอยู่ในตลาดประเทศไทยในเวลานี้

  

หลังจากที่รอมานานซักพักแบบทุลักทุเลเพราะเวลาที่คลาดเคลื่อนกัน โดยทางฟอร์ดได้พาสื่อมวลชนกลุ่มหนึ่งเดินทางไปทดสอบกันถึงประเทศออสเตรเลีย เป็นการท้าทายกันตั้งแต่ออกเดินทาง ไม่ว่าจะเผชิญกับการเลื่อนเวลาเดินทางของสายการบิน การบินอ้อมไปมาจนกว่าจะถึงเมืองดาร์วิน ประเทศออสเตรเลีย จากนั้นเองก็เกิดกระแสเรื่องของกระบะบินได้ เพราะความตั้งใจของทีมงานที่ต้องการโชว์สมรรถนะของช่วงล่าง ประกอบกับสภาพเส้นทางที่เอื้ออำนวยจึงทำให้มีภาพของแร็พเตอร์ที่กระโดดลอยทั้งสี่ล้อตอนทดสอบออกมาอย่างต่อเนื่อง ยังไม่หมดเท่านั้นเพราะหลังจากบินกันจนว่อนไปที่ออสเตรเลียแล้ว ฟอร์ด ประเทศไทย ก็ยังได้จัดการทดสอบขึ้นอีกครั้งแถวนครราชสีมา เพื่อให้ได้ลองดูกันว่าแร็พเตอร์มันบินได้จริงหรือเปล่า ซึ่งการจัดการขับทดสอบในลักษณะที่ให้ขับอย่างเต็มที่ ต้องมีความรอบคอบจากทั้งทีมงาน ผู้จัด ผู้ดูแลและผู้ขับขี่ โดยต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย และข้อจำกัดในการทดสอบด้วย ความผิดพลาดนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา จึงต้องอยู่ในความดูแลที่ทั่วถึงและปลอดภัย เพื่อให้สมกับที่เป็นกระบะกระแสแรง แต่กลับเกิดเรื่องราวดราม่าขึ้นอีกในการทดสอบครั้งนี้ เมื่อจุดประสงค์ดูจะมุ่งไปที่การขับเพื่อให้ “รถบินได้” ลอย 4 ล้อขึ้นไปในอากาศเพื่อภาพสวยๆ จนทำให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายตามมา

 

ในที่สุดแร็พเตอร์ก็มาถึงมือเรา อย่างแรกที่อาจจะทำให้หลายคนผิดหวังก่อนเลยก็คือ สำหรับผมแร็พเตอร์จะไม่บินครับ มันเป็นรถใช้ขับใช้นั่ง และใช้อย่างมีสติ ไม่ได้มีไว้บินไปบินมา ลอยล่องไปมาอย่างพร่ำเพรื่อ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความผิดพลาดตามมาได้ รูปลักษณ์ภายนอกนั้นดูสะดุดตาตั้งแต่เห็นกระจังหน้าสีดำขนาดใหญ่ดูดุดัน ลวดลายรอบคันที่เสริมให้มันดูพิเศษแตกต่างจากรถธรรมดาทั่วไป ซุ้มล้อที่ใหญ่เพื่อรองรับกับยางและล้อที่ใส่มาเพื่อแร็พเตอร์โดยเฉพาะ อีกทั้งเพื่อให้สอดรับกับช่วงล่างของฟอกซ์ที่ใส่มาด้วย ส่วนภายในก็ได้รับการออกแบบเสริมจุดเด่นความเป็นแร็พเตอร์มากขึ้นทั้งเรื่องของสี เบาะที่มีความลปอร์ต ปุ่มปรับโหมดการใช้งานทั้งแบบปกติทั่วไป โหมดหินที่รองรับการใช้งานที่ต้องการความสมบุกสมบันไปด้วยความเร็วต่ำ โหมดหญ้า กรวด และหิมะ โดยระบบเกียร์จะทำงานอย่างนุ่มนวล จัดการกับแรงบิดให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิวในการขับขี่ โหมดโคลน และทราย เน้นการทำงานที่ต้องการแรงบิดสูงเพื่อผ่านอุปสรรคไปให้ได้ ที่พิเศษก็คือโหมดบาฮาที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการแข่งขันรายการ Baja 1000 ที่แข่งขันกันในทะเลทราย โดยในโหมดนี้เครื่องยนต์และเกียร์จะทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อให้การขับขี่ออฟโรดด้วยความเร็วสูงเป็นเรื่องง่าย ระบบนี้รอบเครื่องยนต์จะค้างไว้นานกว่าปกติเมื่อมีการถอนคันเร่ง และการปรับเกียร์ลงจะทำได้รวดเร็ว ส่วนการเกาะถนนนั้นเป็นหน้าที่ของโช้กหน้าและหลังของฟอกซ์ เรซซิ่งกับยาง All-Terrain จาก BF Goodrich

  

เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 213 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ดิสก์เบรกขนาดใหญ่ทั้งสี่ล้อ ตะขอคู่ที่ติดตั้งมาให้เผื่อการลากจูง บันไดข้างที่นอกจากความสวยงามแล้วก็ทำให้ใช้งานเข้าออกห้องโดยสารได้ง่ายขึ้น

 

หลังจากขับแบบใช้งานจริงทั่วไป ไม่ต้องสนใจเรื่องจะให้รถบินได้หรือลอยได้ ก็พบว่า แร็พเตอร์มีการเกาะถนนที่ดี ช่วงล่างไม่ได้มีจุดเด่นเพียงแค่การขับขี่ในทางลุยๆ หรือในโหมดบาฮาเท่านั้น ในชีวิตประจำวันกับความเร็วในการเดินทางที่ใช้ถือว่าทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจมากขึ้น เครื่องยนต์ดูเหมือนว่าจะดุดันแต่ความจริงนั้นไม่ใช่เลย เพราะระบบเกียร์จัดการทุกอย่างให้นุ่มนวล แรงแบบไม่กระโชกโฮกฮาก ตัวรถที่ใหญ่กับการขับในเมืองอาจจะต้องสร้างความคุ้นเคยสักหน่อยโดยเฉพาะเรื่องของการกะระยะในการเลี้ยวและจอด ความยากของการใช้งานแร็พเตอร์อีกอย่างก็คือ เมื่อคุณขับรถคันนี้ไปไหนมาไหนก็มีโอกาสที่จะเจอคนอยากลองเอาได้ง่ายๆ และบอกเลยนะครับว่าอย่าได้คิดยุ่งเพราะแร็พเตอร์เป็นรถยนต์ที่แรงมาจากโรงงงาน มาแบบพอดีกับการใช้งานในทุกรูปแบบ ไม่สามารถที่จะไปสู้รบปรบมือกับบรรดารถกระบะสายซิ่ง ดันราง โมกล่องได้ เพราะ 213 แรงม้าที่มี จะมาแบบเรื่อยๆ ไม่ใช่กดกันควันท่วมทุ่งแบบรถซิ่ง อย่างที่สองก็คือแรงม้าเยอะก็จริงแต่ต้องไม่ลืมว่าตัวใหญ่และหนัก ใส่อุปกรณ์ของแต่งเข้าไปขนาดนั้นต้องปล่อยคนอื่นเขาไป ส่วนเรื่องบินได้นั้นทำได้ไหม บอกเลยว่าได้ แต่จำเป็นต้องทำไหม ทำเพื่ออะไร ทำแล้วรับกับค่าซ่อมบำรุงดูแลรักษาที่จะเกิดขึ้นได้ไหม ใช้งานแบบบินบ่อยๆ รถจะสึกหรอขาดไหน คิดก่อนทำนะครับ

ถ้าจะเรียกว่า ฟอร์ด แร็พเตอร์ เป็นของเล่นของคนมีเงินน่าจะเหมาะ ต้องการความแตกต่างที่ไม่เหมือนใคร ใช้เป็นรถยนต์คันที่ 2 คันที่ 3 ถ้าอยากได้รถที่พร้อมใช้งานมาจากโรงงานเลย ไม่ต้องมาแต่งเพิ่มให้วุ่นวาย เพราะราคาระดับหนึ่งล้านเจ็ดแสนบาทถ้าคุณไม่ได้เจาะจงมาเลยหรือชอบจริงๆ แล้วล่ะก็ ตัวเลือกมันเยอะไปหมดเลยครับ......

 

Ford Ranger Raptor 

 

ราคา                                        1,699,000 บาท

เครื่องยนต์                              1,996 ซีซี ลิตร ดีเซล 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว เทอร์โบคู่อินเตอร์คูลเลอร์

เกียร์                                        อัตโนมัติ 10 สปีด

กำลังสูงสุด                             213 แรงม้า ที่ 3,750 รตน.

แรงบิดสูงสุด                          500 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รตน.

ความยาว                                 5,398 มม,

ความกว้าง                              2,028 มม.

ความสูง                                  1,873 มม.               

ระยะฐานล้อ                           3,220 มม.                                                               

ล้อและยาง                              อัลลอย 17 นิ้ว, 285/70 R17