|
การใช้แก็สสลับกับเบนซิน | |
ไพฑูรย์ | รถเก๋งติดแก็ส LPG ขอเรียนถามว่า 1. หากจะถนอมเครื่องยนต์โดยสลับใช้เบนซิน(แกสโซฮอล์)ในการขับขี่ ระหว่างการสลับมาใช้น้ำมันในช่วงที่การจราจรติดขัดมากๆ กับการใช้น้ำมันในช่วงที่วิ่งได้ยาวๆโล่งๆ การใช้น้ำมันในช่วงไหนจะช่วยถนอมเครื่องยนต์ได้มากกว่ากันครับ 2. การใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพสูง เช่น สังเคราะห์ 100% จะมีส่วนช่วยลดการสึกหรอของวาล์วหรือไม่ครับ ถ้าไม่เกี่ยวกันขอคำแนะนำว่ามีวิธียืดอายุการใช้งานของวาล์วอย่างไรในกรณีรถใช้ LPG ครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
|
ผู้ตั้งกระทู้ ไพฑูรย์ :: วันที่ลงประกาศ 2015-09-04 16:15:03 IP : 110.77.132.7 |
1 |
ความคิดเห็นที่ 10 (3406828) | |
ไม่มั่ว | คห. ที่ 9 คุณสงครามนี่และครับ ของแท้แน่นอน ทดสอบ ด้วยตัวเองจริง ๆ ได้ผลที่แท้จริง ไม่ได้มั่วซั่ว ซี้ซั้วแสดงความเห็นแบบบาง คห. ครับ ขอบคุณครับ คุณสงคราม |
ผู้แสดงความคิดเห็น ไม่มั่ว วันที่ตอบ 2015-09-11 09:37:31 IP : 118.173.77.144 |
ความคิดเห็นที่ 9 (3406784) | |
สงคราม | กลับเข้ามาอ่านอีกครั้ง...ก็เลยขอเพิ่มเติมดังนี้ 1. อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น ขณะใช้น้ำมัน (จากโน้ตบุค) ไม่ต่างกันกับแก๊สเลย ของผม x-trail 82 องศา ของเก่าก่อนเปลี่ยนวาล์วน้ำ 85 องศา saab 93 ss 93 องศา saab 95 95 องศา saab 9000cse 95 องศา ส่วนพัดลมจะทำงานถี่ขึ้นหรือไม่ ไม่แน่ใจ....อุณหภูมิที่ฝาสูบ ไม่ได้วัดและเปรียบเทียบ... |
ผู้แสดงความคิดเห็น สงคราม วันที่ตอบ 2015-09-09 12:46:35 IP : 49.49.250.82 |
ความคิดเห็นที่ 8 (3406768) | |
ละอ่อน | แหวนลูกสูบจะเปราะและแตกหัก เพราะเปลีี่ยนจากแก๊สเป็นน้ำมันนี่ หูเท่าหูช้างผมก็ไม่เชื่อ ด้วยเหตุที่ว่าอุณหภูมิต่างกัน แต่ถ้าคุณบอกว่า จานดิสเบรคอาจบิดเบี้ยว เพราะโดนน้ำฝน เนื่องจากเวลาเบรคแล้วแผ่นจานมันร้อน พอมาโดนน้ำเย็นแล้วงอตัว ข้อนี้ผมเชื่อครับ ... ท่านลองคิดดูตามความเป็นจริงละกัน แก๊สและน้ำมัน ต่างก็เป็นเชื้อเพลิง จุดระเบิดให้พลังงาน ให้ความร้อนเหมือนกัน ลูกสูบวิ่งขึ้นลงด้วยความเร็วมองตามไม่ทัน แล้วอุณหภูมิมันจะต่างกันมากจนทำให้แหวนลูกสูบหักเลยหรอครับ งงกับทฤษฎีนี้จังเลยครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น ละอ่อน วันที่ตอบ 2015-09-08 19:21:52 IP : 1.0.232.205 |
ความคิดเห็นที่ 7 (3406762) | |
Ongamo | ผมนี่ตามติด น้ายินดี เลย อยากทราบจริงๆ ว่าแหล่ง "ความรู้" มาจากไหน ผมไม่คุ้นเลยแม้แต่น้อย |
ผู้แสดงความคิดเห็น Ongamo วันที่ตอบ 2015-09-08 15:21:04 IP : 171.100.2.182 |
ความคิดเห็นที่ 6 (3406726) | |
ไพฑูรย์ | ขอขอบคุณสำหรับทุกความรู้และความคิดเห็นของทุกท่าน เป็นประโยชน์มากครับ ในส่วนที่ผมตั้งคำถามนี้ ก็เนื่องมาจากเห็นความผิดปกติบางอย่างจากการใช้ LPG เมื่อเปรียบเทียบกับคันเก่าที่เคยใช้มา คันเดิมเป็น CAMRY ปี2000 (ไฟท้ายตรง/ไม้บรรทัด) ติดตั้ง LPG ไม่เกิดปัญหาใดๆในการใช้งาน ขณะที่ตอนนี้ใช้ CAMRY ปี 2007 2.4 V (ACV40) ติดตั้ง LPG เหมือนกัน ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% เหมือนกัน แต่มีปํญหาอย่างที่คุณยินดีบอก คือ น้ำมันเครื่องพร่อง ในขณะที่คันเก่าไม่เป็น เคยถามช่างศูนย์TOYOTA ช่างบอกว่า เครื่องสองรุ่นนี้ใช้วัสดุต่างกัน ความแข็งแรงของตัวเก่ามีมากกว่า ผมเลยต้องคอยเติมน้ำมันเครื่องเป็นระยะ เคยคิดจะติดตั้งตัวเลี้ยงบ่าวาล์ว (ใช้น้ำมันออโต้ลู้ป) แต่ช่างศูนย์ติดตั้งแก๊สบอกไม่จำเป็น ช่างศูนย์TOYOTAบอกว่าอาจมีผลเสียต่อระบบกรองไอเสีย(แคทเทอไลติค) ผมเลยยังไม่กล้าติดตั้งครับ ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งที่ร่วมแชร์ความรู้กันครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น ไพฑูรย์ วันที่ตอบ 2015-09-07 13:00:53 IP : 110.77.132.7 |
ความคิดเห็นที่ 5 (3406720) | |
Non W. Presley | ผมขอแสดงความเห็นเพิ่มเติมจากพี่ๆ ด้านบนนะครับ ช่วงตั้งแต่สตาร์ทเครื่องยนต์จนยังไม่ถึงอุณหภุมิทำงานปกติและช่วงก่อนถึงที่หมายและดับเครื่องยนต์ = ใช้น้ำมัน เครื่องยนต์อยู่ในอุณหภุมิทำงานปกติ = ใช้แก๊ส ส่วนน้ำมันเครื่องน่าจะใช้รุ่นเฉพาะสำหรับเครื่องยนต์แก๊สเพราะปิล์มน้ำมันจะปกป้องได้ดีในอุณหภูมิภายในเครื่องยนต์ที่สูงกว่าครับ (ดูพวกรถกระบะ TATA Xenon 2.1 CNG สิครับว่าใช้อะไรกัน) |
ผู้แสดงความคิดเห็น Non W. Presley (elvisnon-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2015-09-07 09:28:27 IP : 203.116.87.162 |
ความคิดเห็นที่ 4 (3406710) | |
ละอ่อน | ความคิดเห็นส่วนตัวครับ ข้อที่คุณยินดีบอกว่า ถ้าสลับจากแก๊สเป็นน้ำมันแล้ว แหวนจะเปราะและแตกหักได้ง่ายเพราะน้ำมันเย็นกว่านั้น ผมว่าไม่เป็นความจริงครับ อุณหภูมิอะไรจะแตกต่างกันราวฟ้ากับดินขนาดนั้น แล้วคุณเคยวัดแล้วหรอครับว่า ขณะที่ใช้แก๊สนั้นอุณหภูมิเท่าไหร่ และใช้น้ำมันแล้วอุณหภูมิเท่าไหร่ ... ส่วนที่บอกว่าต้องคอยเติมน้ำและน้ำมันเครื่องอยู่เสมอนั้นก็ไม่เป้นความจริงครับ เพราะผมใช้เครื่อง 2J VVTI ติดแก๊ส LPG บริการส่งลูกค้าใช้ทุกวัน ๆ ละหลายชั้่วโมง หลายเดือนแล้วครับ ผมยังไม่ต้องเติมน้ำเลยสักหยด และระดับน้ำมันเครื่องของผมก็ไม่เคยลดไปแม้แต่นิดเดียวครับ นี่คือสิ่งที่เป็นความจริงไม่ได้มั่วครับผม |
ผู้แสดงความคิดเห็น ละอ่อน วันที่ตอบ 2015-09-06 20:26:09 IP : 1.0.253.20 |
ความคิดเห็นที่ 3 (3406708) | |
ยินดี | การใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์100% จะช่วยลดการสึกหรอได้มากกว่า น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ธรรมดา เพราะว่า น้ำมันเครื่องสังเคราะห์100% จะมีสารเคมีผสมเพิ่มเข้าไป ( แล้วแต่บริษัทนั้นๆจะใส่ เพราะทำการค้นคว้าทดลองในห้องแล็ป ) ช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ น้ำมันจะใส หล่อลื่นทันทีเมื่อเราสตาร์ทเครื่องยนต์ และทนความร้อนได้สูง ***แต่ก็มีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่ง คือ สารเคมีที่ผสมเพิ่มเข้าไป ส่วนใหญ่จะเป็นสารระเหย เมื่อมีสารระเหยมากจึงทำให้น้ำมันเครื่องระเหยเร็วกว่าน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ธรรมดา จึงต้องหมั่นตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องตอนเช้าก่อนสตาร์ท หากใช้เดินทางไกลบ่อยๆ หรือใช้ในเมืองที่การจราจรติดขัด ควรเช็คระดับน้ำมันเครื่อง1ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อความทนทานของเครื่องยนต์ได้ยาวนานขึ้นครับ ส่วนใหญ่รถติดแก๊สที่ผมเคยถ่ายฯมา10,000กม. ถ้า4ลิตรจะเหลือประมาณแค่2-3ลิตรครับ. สวัสดีครับ. |
ผู้แสดงความคิดเห็น ยินดี วันที่ตอบ 2015-09-06 19:15:38 IP : 223.207.246.24 |
ความคิดเห็นที่ 2 (3406707) | |
ยินดี | จากกรณีศึกษา เพื่อนๆที่ติดแก๊สมา และลูกค้าที่รถติดแก๊สซ่อมรถมา หลายๆคนพอจะสรุปได้ดังนี้ครับ *** เนื่องจากคุณสมบัติของน้ำมันจะชุ่มเย็นทั้งหล่อลื่นเผาไหม้และทำความสะอาดแหวนลูกสูบไปในตัว แต่คุณสมบัติของแก๊สจะร้อนมากและแห้งมากแหวนลูกสูบหัวเทียนลิ้น และชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ในห้องเผาไหม้ก็จะร้อนมากด้วยและบางทียังมีผลทำให้น้ำในหม้อน้ำอุณหภูมิสูงมากขึ้นด้วย จะเห็นว่ารถที่ติดแก๊สไม่ว่าป้ายแดงหรือรถเก่าๆก็ตามต้องคอยเติมน้ำเติมน้ำมันเครื่องอยู่เสมอ เนื่องจากแก๊สทำให้อุณหภูมิเครื่องสูงขึ้นนั่นเอง *** มีลูกค้าติดแก๊สแหวนหักมา2คน น่าจะเป็นที่สลับเป็นน้ำมัน เพราะว่าตอนสตาร์ทด้วยน้ำมัน เครื่องจะชุ่มเย็นพอรอบสูงขึ้นรถก็จะตัดเป็นแก๊ส แก๊สจะร้อนและแห้งมาก เราก็ควรวิ่งแก๊สจนถึงบ้านเลยครับ เพราะว่าถ้าสับเป็นน้ำมันแล้ว จะทำให้แหวนเกิดการเปราะหักได้ง่าย เพราะจากที่ใช้แก๊สแหวนจะร้อนและแห้งมาก หากเราปรับเป็นน้ำมันแหวนก็จะเย็นตัวอย่างรวดเร็วกะทันหันเพราะคุณสมบัติของน้ำมันจะชุ่มเย็น มีผลทำให้แหวนเปราะหักง่ายเพราะร้อนมากและแห้งมาก มาเจอไอเย็นของน้ำมันทันที ทำให้อุณหภูมิที่แตกต่างกันมากมายอย่างกะทันหันนี่เองครับ *** และยังมีผลทำให้ Back Fire อีกด้วยครับ เหมือนผักบุ้งไฟแดงประมาณนั้นอ่ะครับ ถ้าท่อแก๊สเรา2-3ปีเริ่มเปื่อยไม่เปลี่ยนโอกาสท่อยางแตกและไฟไหม้รถได้นะครับ *** ถ้าท่อนำส่งแก๊สไกลจากกรองอากาศมากเกินไป กรองอากาศจะเป็นรูเลยนะครับ เนื่องจากการ Back Fire นั่นเอง เมื่อก่อนรถลูกค้าหลายๆคัน ผมคิดว่าหนูแทะซะอีกครับ. *** แต่มีลูกค้าอยู่1คน *** เขาอธิบายให้เหตุผลว่า แก๊สจะร้อนมากและแห้งมาก รถเขาติดแก๊สมา30ปีไม่ซ่อมซักบาท เขาติดตั้งตัวเลี้ยงวาล์ว จะทำให้ช่วยลดอุณหภูมิในห้องเผาไหม้ลงไปได้มาก ทำให้หัวเทียนไม่ไหม้ง่าย ผมจึงแนะนำลูกค้าติดตั้งตัวเลี้ยงวาล์วไปหลายคน เมื่อใช้แล้วลูกค้าแต่ละคนก็กลับมาบอกว่า เครื่องวิ่งดีไม่ร้อนมาก น้ำมันเครื่องกับน้ำหม้อน้ำก็ไม่พร่องมากครับ*** แล้วแต่ความคิดเห็นของแต่ละบุคคลน่ะครับ อันนี้มาจากประสบการณ์ จริงๆ ของลูกค้าหลายๆท่านครับ สวัสดีครับ. |
ผู้แสดงความคิดเห็น ยินดี วันที่ตอบ 2015-09-06 16:51:11 IP : 223.207.247.137 |
ความคิดเห็นที่ 1 (3406679) | |
สงคราม | ผมเองไม่สันทัดการใช้ lpg นัก เพราะใช้มาแค่ หกปี รวม ๆ ทุกคัน ยังไม่เกินสี่แสนโล... ผมไม่เคยสนใจสลับแก๊ส - น้ำมัน ในเมื่อผมเชื่อว่าจูนแก๊สได้สมบูรณ์แล้ว(ความเชื่อส่วนตัว)..... .....ผมเชื่อว่า การจุดระเบิดแต่ละครั้งจะต้องได้พลังงานความร้อนเท่าที่เครื่องต้องการขณะนั้น เช่น หากใช้น้ำมัน 1 ซี.ซี. แล้วได้ พลังงาน = x พอเป็น lpg หากคุณใช้ปริมาณพอ ๆ กัน พลังงานที่ได้ จะไม่เท่ากับ x เนื่องจากค่าความร้อนไม่เท่ากัน จึงต้องลดปริมาณในการจ่ายลงมา เช่น จ่ายแค่ 0.7 ซี.ซี. แล้วได้พลังงาน =x เมื่อได้พลังงานเท่ากัน ค่าความร้อนก็ย่อมใกล้เคียงกัน ผมจึงไม่ให้ความสำคัญของเรื่องนี้ รวมถึง ณ ปัจจุบัน ตัวที่วิ่งเยอะที่สุด คือ saab 9000 cse ซึ่งวิ่งกว่าสองแสนโล ก็ยังไม่ได้ทำบ่าวาล์ว ส่วนการตั้งวาล์วก็ไม่ต้อง เพราะมันเป็นไฮโดรลิควาล์ว..
ส่วนท่านอื่น อาจจะให้ความสำคัญ ก็ต้องรอฟังความเห็นของเขาแล้วนำไปวิเคราะห์ ว่าคุณเชื่อแบบใด แล้วก็ทำตามครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น สงคราม วันที่ตอบ 2015-09-05 14:55:39 IP : 49.49.251.161 |
1 |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 4864828 |