จอดรถปิดกระจกอุณหภูมิเท่าไรครับ

ถึงความเห็นที่ 9 ขอแก้ไขว่า กระบะ all new Ford,Mazda bt50 Pro นำกล่อง ECU มาไว้ที่ห้องเครื่องครับ

   ขอเสริมเรื่อง ECU นะครับ ปัจจุบันเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ก้าวหน้าไปมาก เช่น สายเน็ตที่เป็นสายใยแก้ว เราก็สามารถใช้เล่นเน็ตความเร็วสูงได้ โดยที่ความยาวของสายไม่ได้เป็นอุปสรรคในเรื่องของสัญญาณเลย ถ้าเป็น Hi-Speed Internet หรือปัจจุบัน Wi-Fi ที่กำลังมาแรง โดยไม่ต้องใช้สาย ก็สัญญาณแรงไม่แพ้กัน (3G เมืองไทยถ้าทำให้ดีจะดีมากๆๆ เพื่อนบ้านเราเค้าใช้ 3G จนเบื่อแล้ว แต่พี่ไทยยังไม่ไปไหน)เลย
  คราวนี้มาถึงกล่อง ECU ของรถยนต์ที่มักวางในเครื่องเกือบทุกค่าย ความจริงแล้วมันสามารถเอาไปวางไว้ใต้คอนโซลห้องโดยสารได้ เรื่องสายไฟไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะเต็มที่มันก็ยาวเพิ่มไม่เกิน 30 เซน และปัจจุบันเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มันพัฒนาไปไกลมาก เรื่องความยาวของสายจึงตัดปัญหาไปได้เลย เพียงแต่ปัจจุบันนี้ ทางผู้ผลิตยังกั๊กเทคโนโลยีไว้อยู่ ไมยอมนำมาใช้ ประมาณว่าต้องการขายของ พูดง่ายๆ คือ การตลาดล้วนๆ
   มีแต่ผู้บริโภคอย่างเราๆ ที่ต้องก้มหน้าก้มตาใช้ สิ่งที่ผู้ผลิตยัดเยียด โดยไม่มีสิทธิ์เลือก และทางผู้ผลิตเองก็โฆษณาว่ามันดีอย่างโน้นอย่างนี้ (พูดความจริงไม่หมด ไม่พูดจุดด้อย)

   สุดท้ายผมขอยืนยันว่า กล่อง ECU เทคโนโลยีมันไปไกลมากแล้ว ด้วย ควรที่ผู้ผลิตไม่ต้องนำมาไว้ที่ห้องเครื่อง เพื่อแค่ต้องการขายของ ซึ่งในความเป็นจริงตัว ECU แค่อยู่ใต้คอนโซลห้องโดยสาร แอร์เย็นๆ แค่นี้ก็ใช้ได้เป็นสิบๆ ปี เหมือนกับ CPU ของคอมพิวเตอร์ ขอยืนยันว่าอยู่ได้เป็นสิบปี และที่สำคัญมันไม่ต้องการ การบำรุงรักษาอะไรเลย เพียงแค่อย่าอยู่ในห้องเครื่องซึ่งอุณหภูมิสูงมากๆ และความชื้นด้วย เพราะแผงวงจรพวกนี้ มันไม่ถูกกับพวกนี้

  สุดท้ายจริงๆ ผมต้องการจะบอกว่าตราบใดที่มันคือธุรกิจ ผู้ผลิตก็ต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อกอบโกยเงินเข้ากระเป๋าให้มากที่สุด ซึ่งผมเองได้คุยกับวิศวกรยานยนต์ท่านหนึ่ง เขาบอกว่า "ปัจจุบันนี้ รถยนต์เขาผลิตมาให้บางและเสียง่าย เพื่อว่าผู้ผลิตจะได้ขายอะไหล่ได้ ถ้าเขาทำมาทนทานใช้เป็นสิบปี ไม่เสีย เขาก็ขายของไม่ได้ ยกตัวอย่าง เช่น Isuzu ที่ใช้เครื่องยนต์ตระกูลมังกร (Dragon) ทั้งหลาย เครื่องยนต์โคตรทน ไม่งอแงเหมือนเครื่องคอมมอนเรลในปัจจุบัน และจะสังเกตเห็นว่าไอ้เครื่องมังกรนี่แหละที่วิ่งเกลื่อนถนนเป็นแสนๆ คัน ไม่ได้เชียร์อีสุสุ เพียงแค่ยกตัวอย่างเท่านั้น
   แค่อยากมาแบ่งปันและเปิดโลกทัศน์ให้กว้าง ให้กับผมเองและทุกท่านครับ

เห็นด้วยกับความเห็นที่8ครับ

ECUสมัยก่อนใช้CPUที่มีความเร็วในการประมวลผลต่ำแค่8หรือ16บิต และยังมีinput/outputต่างๆไม่มากเหมือนปัจจุบัน จึงสามารถโยงสายไฟยาวๆจากอุปกรณ์input/outputต่างๆจากห้องเครื่องเจ้ามาในห้องโดยสารได้และติดตั้งกล่องECUไว้ในห้องโดยสารได้

ECUในปัจจุบันนี้ประมวลผลด้วยความเร็วอย่างต่ำก็32บิต อุปกรณ์input/outputต่างๆมีเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะเป็นECUเกียร์, ECUระบบเบรค, ECUถุงลมนิรภัย, ECUตัวถัง และส่วนควบคุมย่อยอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งECUต่างๆเหล่านี้จะต่อถึงกันและสื่อสารกันด้วยการสื่อสารแบบอนุกรมเพื่อความแน่นอนแม่นยำ ดังนั้นจึงต้องออกแบบให้มีการติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ให้ใกล้กันที่สุด เป็นเหตุให้ต้องติดตั้งECUไว้ในห้องเครื่อง

อย่างอื่นที่เป็นผลพลอยได้จากการติดตั้งECUไว้ในห้องเครื่องก็คือการลดต้นทุนของสายไฟและสายนำสัญญาณต่างๆ

ฟอร์ดกับมาสด้า ไม่ได้เอา ECU ไว้ในห้องเครื่องมาตั้งแต่ ปี 2006 แล้วครับ

ตามความเห็นผมๆ ว่าที่ต้องติดตั้งกล่องควบคุมไว้ในห้องเครื่องก็น่าจะเพราะให้การสั่งงานได้เร็ว ข้อมูลไม่ต้องเดินทางไกล... กล่องควบคุมน่าจะกลัวความชื้นมากกว่าครับ (ในห้องเครื่องน่าจะน้อยกว่าในห้องโดยสาร)

ที่จริง รถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลจะมีอุณหภูมิห้องเครื่องต่ำกว่าเบ็นซินนะครับ ฉะนั้น ก็ยังเห็นพวกรถเก๋งเบ็นซินติดตั้งกล่องควบคุมไว้ในห้องเครื่องเยอะแยะไปครับ... ดังนั้น ไม่น่าจะคิดมากตามความเห็นอาจารย์นะครับ

อาจเป็นความเข้าใจผิดนะครับ

กล่องที่เห็นในห้องเครื่องอาจเป็นกล่องควบคุมเกียร์ก็ได้ครับ รถผม Ford EV09 ก็วางกล่องคุมชุดเกียร์ในห้องเครื่อง เห็นได้ชัดเจน ส่วนกล่องคุมระบบเครื่องและอิเลคทรอนิคส์ก็เป็นอีกกล่องอยู่ในห้องโดยสารครับ

ส่วนถ้ามีรถที่วางกล่อง ECU ในห้องเครื่องจริงๆ ก็อาจเป็นเรื่องการบำรุงรักษา ที่เข้าถึงโดยไม่ต้องรื้ออย่างอาจารย์ว่ามาก็เป็นได้ครับ(แต่ก็ อ่ะนะ กล่องควบคุมก็ควรจะออกแบบมาให้ไม่ต้องบำรุงรักษาตลอดอายุรถ) หรืออีกทีก็เรื่องความยาวสายไฟต่างๆ ที่อาจมี limit ของอุปกรณ์ว่าถ้ายาวเกินจะมีปัญหา ก็เลยย้ายกล่องมาใกล้ๆ เพราะแก้ที่วงจรยังไม่สำเร็จ ต้องเอามาขายก่อน... ก็เป็นได้เหมือนกันครับ กรณีนี้เห็นตัวอย่างชัดๆ เช่น เครื่อง scanner คอมฯ บางรุ่น ถ้าเปลี่ยนใช้สาย USB ยาวๆ กว่าที่แถมมา เวลาใช้งานมันจะแฮงค์ได้ง่ายๆ เลยล่ะครับ

ส่วนสมมุติฐานว่าออกแบบมาเพื่อ "วางยา" ให้พังภายในเวลาเท่าไหร่นั้น ผมยังสองจิตสองใจไม่อยากเชื่อครับ ถ้าเป็นมุมเอาเปรียบผู้บริโภค(บอดี้รถทำมาให้ใช้สิบปี แต่แกล้งออกแบบกล่องมาให้ใช้ห้าปี เพื่อให้เปลี่ยนรถใหม่) แต่ถ้ามองว่าการตลาดเค้าอาจเห็นว่าอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์คือรถหนึ่งคันในวันนี้ ผู้บริโภคต้องการใช้แค่ห้าปี ก็เลยออกแบบทั้งกล่องทั้งรถทั้ง accessories อื่นๆ ให้มันเสื่อมสภาพไปพร้อมๆ กันภายในห้าปี อันนี้ผมว่ามีความเป็นไปได้ เพราะลดต้นทุน แข่งขันด้านราคาได้มาก และสมเหตุผลครับ ใครจะใช้รถสิบปีก็ต้องดูการตลาดแต่ละยี่ห้อดีๆ แล้วไปเลือกยี่ห้อที่เน้นใช้นานๆ ไม่ขาย ไม่เปลี่ยน แทนครับ

นึกถึงผมตอนเป็นนักศึกษาเคยเอา Rolex ไปเปลี่ยนสายให้พี่ชาย สมัยนั้นราคาเฉพาะสายเฉียดหมื่น เลยถามตัวเองว่านาฬิกาแฟชั่นเรือนละ 99 บาทมีเยอะแยะ พัง(หรือแค่ถ่านหมด)ก็โยนทิ้งซื้อใหม่ ทำแบบนี้จนเราตายยังจ่ายน้อยกว่าค่าสายเส้นเดียวของพี่เค้าเลย หรือเอาของดีหน่อย ใช้ casio ที่โคตะระทนทั้งถ่านทั้งเรือน ห้าปีเปลี่ยนที ทำแบบนี้จนตัวตาย ก็ยังจ่ายไม่เท่าเปลี่ยนสาย rolex เส้นเดียวเหมือนกัน..... ผมว่าบริษัทรถเขาอาจเริ่มมองการตลาดแบบนาฬิกาแฟชั่นก็ได้นะครับ เพราะการตลาดแบบนาฬิกาสวิส หรือแบบรถยุโรป มันขายยาก และทำกำไรได้น้อยกว่ามาก

ก็ขอแชร์ความเห็นไว้ถกเถียงกัน(เล่นๆ) ครับ อิอิ

 ขอออกความเห็นนอกประเด็นกระทู้ครับว่า. รถปิ๊คอัพ ทำไมสร้างมาเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ (ใซ้ในการบรรทุก) อันดับแรกเลยยกสูงทำไม (กระบะสูงท่วมหัว)  ขนผักขึ้นลงก็ลำบาก แถมบรรทุกได้นิดเดียว (สองตอน) เครื่องเท่าไหร่ก็ยังว่าไม่พอ แรงบิดมากๆ ไปใช้ตอนรถเก๋งแซงไม่พ้น (ไม่ยอมให้ทางเนี่ย รถเก๋งเกิดอุบัติเหตุมามากแล้ว) ซอบเปิดไฟตัดหมอกแยงตาคนอื่น ใช้น้ำมันก็ให้เบนซินอุดหนุน, ขอระบายหน่อยเถอะครับ ถนนไม่มีจะให้รถวิ่งแล้ว ยังส่งเสริมให้ซื้อรถกันอีก บ้านยังไม่มีจะอยู่เลย แต่ขอซื้อรถก่อน หนี้ก็ท่วมหัว ไหนจะค่างวด ไหนจะค่าน้ำมัน ราคาก็ใกล้ล้านเข้าไปทุกที ไม่รู้จะให้เขาหรอกขายรวยไปถึงไหน ถ้าหน่วยงานและรัฐบาลไม่เตรียมแก้ปัญหาเหล่านี้ อีกไม่เกิน 2-3 ปี จะแก้ไม่ได้ นี่คือปัญหาที่ถูกมองข้าม (ขออภัยผู้ใช้ปิ๊คอัพที่ไม่ได้เป็นอย่างที่ว่าด้วย) 

 เห็นด้วยกับ คนสงสัยครับ (มาแรง! แต่มีสาระดี)

   ด้วยความเคารพครับ อ.พัฒนเดช เท่าที่ผมทราบ เทคโนโลยีการผลิตรถกระบะก้าวหน้าไปมาก และทางผู้ผลิตก็พยายามลดต้นทุนการผลิตให้ได้มากที่สุด (คุณภาพของวัตถุดิบก็ลดลงตามไปด้วย) แต่เพิ่มราคารถทุกครั้งที่ออกรุ่นใหม่ เท่าที่ผมพอรู้มา รถรุ่นใหม่ๆ เขาผลิตมาให้บางและก็เสียง่าย เพื่อที่ว่าผู้บริโภคซื้อไปแล้ว จะต้องมาซื้ออะไหล่จากเขา  + ซ่อมบำรุง หรือบางทีปล่อยเทคโนโลยีออกมาให้คนไทยเป็นหนูทดลอง แล้วค่อยนำมาปรับปรุงในรถรุ่นหลังๆ
   กลับมาที่กล่อง ecu ซึ่งถือว่าเป็นสมองกลของรถยนต์ ควบคุมระบบต่างๆ ของรถยนต์ทั้งหมด ซึ่งตัวของมันเองเป็นระบบแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ 32 บิท ใช้หลักการเดียวกับ cpu ในคอมพิวเตอร์ โดยตัวของมันแล้ว (eecu) แถบจะไม่ต้องซ่อมบำรุงรักษาอะไรเลย (ถ้าผู้ผลิตใช้วัสดุคุณภาพดีและมาตรฐาน) แค่ไม่ต้องเจออุณหภูมิที่ร้อนมาก เช่น ห้องเครื่อง ก็สามารถอยู่ได้นานมากๆๆๆ แต่เมื่อ ecu มาอยู่ในห้องเครื่อง เจอความร้อนภายในห้องเครื่องเป็นประจำ ย่อมส่งผลให้ตัวมันเองเสื่อมสภาพลงไปเรื่อยๆ และสุดท้ายก็พัง ต้องเปลี่ยนใหม่ (หลายค่ายกำหนดอายุของ ecu มาเลยว่าพอถึงกำหนดก็พังโดยไม่มีสาเหตุ พูดง่ายๆ คือ มันหมดอายุขัยครับ

    ผมเป็นช่างอิเล็กทรอนิกส์ครับ จึงทราบดี ขนาดคอมพิวเตอร์ ตัวmainbord + cpu ในคอมรุ่นก่อนๆๆ เขาใช้วัสดุคุณภาพสูงมาผลิต มีความคงทนถาวรมาก ขนาดผ่านมา 15 ปี ยังใช้งานได้ดี ไม่ต้องบำรุงรักษา เพียงแต่อย่าให้อยู่ในที่ที่ร้อนมากๆ ให้ระบายอากาศดีๆ ขนาด cpu ของคอมยังมีพัดลม 1 ตัว เป่าอยู่ตลอดเวลา (เวลาเครื่องทำงาน) 
   ที่ผมพูดมาทั้งหมดแค่อยากแบ่งปันความรู้เล็กๆน้อยๆ เท่านั้นครับ ผมแค่อยากให้เกิดความยุติธรรมกับผู้บริโภค ไม่อยากให้ผู้ผลิตเอาเปรียบ รถคันหนึ่งราคาตั้งหลายแสน ควรทำมาให้มันคุณภาพ และสมกับราคา แล้วรถในปัจจุบันมันไม่คุณภาพหรือ บอกได้เลยครับว่า คุณภาพกับราคาไม่สมเหตุสมผลครับ (แพงเวอร์) ตัดออฟชั่นออกไปมากพอควร
   มาตรฐานที่รถกระบะควรมีในทุกรุ่น คือ ABS+EBD, AirBag, BA, VSC ประมาณนี้ แต่ในความเป็นจริงสิ่งพวกนี้มีแต่ในรุ่นท็อปเท่านั้น ความปลอดภัยในชีวิตมันต้องมาเป็นอันดับแรก มากกว่ารูปลักษณ์ความสวยงามของรถ

คิดมากไปหรือเปล่าครับ เขาเอาไว้ในห้องเครื่องเพราะมันสะดวกในการซ่อมบำรุงมั๊ง และในห้องเครื่องก็เป็นที่ซึ่งมีระบบการระบายความร้อนด้วยอากาศได้ระดับหนึ่งอยู่แล้ว  ถ้าเอาไว้ในห้องโดยสารจะเอาไว้ที่ไหนครับ  เวลาซ่อมบำรุงต้องทำอย่างไร ต้องรื้อคอนโซลเหมือนกับตู้แอร์ในรถรุ่นใหม่ๆหรือครับ 

แสดงว่าเดี๋ยวนี้เขาไม่ได้ขายคุณภาพแล้ว...กลายเป็นว่าขายของเอาตังค์จากผู้บริโภคมากกว่า....น่าเศร้าจิงๆๆๆ

สิ่งที่พี่ถามมันคือคำตอบในตัวมันครับ ถ้าทำมาทนแล้วออกแบบมาดี  บริษัท จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าโฆษณาและจ้างพนักงานครับ

ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่ชอบรถใหม่ครับ รถรุ่นเก่าๆ ทนทานอะไหล่ไม่แพงครับ