http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/V3259237/V3259237.html
"ศาลสั่งคืนเงินลูกค้า "บีเอ็ม"
ได้อ่านบทความที่มีผู้อ่านที่เป็นเจ้าของรถ BMW 323 iA ที่เพิ่งซื้อมาแล้วมีปัญหา และทางเอเย่นต์ไม่ยอมเปลี่ยนให้ จนต้องมีการฟ้องร้องกันถึงขึ้นโรงขึ้นศาลกันจนในที่สุดผู้บริโภคก็พึ่งศาลไทย จนคดีชนะไปในที่สุด
โดยที่หนังสือพิมพ์ คม-ชัด-ลึก รายงานว่า "ศาลสั่งคืนเงินลูกค้า "บีเอ็ม" รถมีปัญหาไม่รับเปลี่ยน ลูกค้าได้เฮ ศาลแพ่งสั่งบริษัทรถบีเอ็มดับเบิลยูฯ จ่ายเงินคืนลูกค้า หลังถอยรถป้ายแดงออกจากอู่ พบว่าเกียร์รุถมีปัญหา ร้องขอบริษัทซื้อคืน กลับถูกบ่ายเบี่ยง ศาลสั่งจ่ายเงินคืนเต็มจำนวน 2.2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ตั้งแต่วันซื้อ
มูลนิธิผู้บริโภคระบุเป็นคดีตัวอย่างเรียกร้องให้ผู้บริโภครู้จักปกป้องสิทธิประโยชน์ของตัวเอง ทุกข์ของคนซื้อรถไปแล้วมีปัญหา แต่กลับไม่สามารถขอเปลี่ยนรถคันใหม่จากบริษัทได้ จนสร้างความปวดหัวกับเจ้าของรถ เพราะจอกจากต้องเสียเวลาในการนำรถไปซ่อมเองแล้ว ยังต้องมาควักเงินจ่ายค่าซ่อมที่เพิ่งซื้อจากบริษัทอีกจำนวนมาก
ล่าสุดศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้ บริษัท รถบีเอ็มดับเบิลยู ต้องจ่ายเงินคืนให้ลูกค้ารายหนึ่ง หลังจากซื้อรถไปแล้วมีปัญหาคืนทั้งหมด พร้อมดอกเบี้ยด้วย โดยนาวสาวพศนา บุญทองหัวหน้าศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิผู้บริโภค เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอ็มวัน จำกัด ร่วมกันรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายต่อความชำรุดบกพร่องที่เกิดขึนในฐานะตัวแทนจำหน่ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในประเทศไทย
ด้วยการคืนเงินให้กับนายทวีศักดิ์ อภิชาติมณีกุล เจ้าของรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู 323 ไอเอ (BMW 323iA) ซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 27 กรกฏาคม 2544
เพื่อขอให้บริษัททั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายต่อความชำรุด บกพร่อง ของรถยนต์ หลังจากที่ได้ตกลงซื้อรถยนต์คันดังกล่าวไปในราคา 2,280,000 บาท ตามคำโฆษณาของบริษัทที่ว่า "เป็นรถยนต์อัจฉริยะการขับขี่ และการยึดเกาะถนนให้การทรงตัวเป็นเยี่ยมทุกสภาพถนน เครื่องยนต์และระบบเกียร์เหนือระดับกว่าเครื่องที่ให้สมรรถนะดีกว่าในประมาณเชื้อเพลิงเท่ากัน"
แต่ภายหลังรับรถ นายทวีศักดิ์ พบว่ารถคันดังกล่าวที่ซื้อมามีปัญหาหลายอย่าง ตั้งแต่ระบบเกียร์ขับเคลื่อนเสีย ทำให้รถไม่มีแรงวิ่ง และทำท่าจะดับ ขณะขับก็มีเสียงดังจากใต้ท้องรถ จำต้องนำรถยนต์เข้าซ่อมที่ศูนย์บริการของบริษัทหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาให้ได้ ซึ่งจากความพยายามที่จะติดต่อขอให้บริษัทเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ให้ แต่กลับได้รับคำตอบจากบริษัทว่าบริษัทไม่มีนโยบายรับคืนหรือเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ให้กับลูกค้า ทำให้นายทวีศักดิ์ ตัดสินใจร้องเรียนไปยังหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค และฟ้องเป็นคดีต่อศาลในที่สุด
ทั้งนี้ศาลแพ่งได้พิพากษาให้บริษัทฯ จ่ายเงินคืนให้กับนายทวีศักดิ์ เป็นเงิน 2,230,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 19 พฤษาคม 2544 ศูนย์พิทักษ์ผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เห็นว่าจากกรณีดังกล่าวถือว่าเป็นความสำเร็จในการใช้สิทธิเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้บริโภค และเป็นกรณีตัวอย่างที่ควรจะได้รับการเผยแพร่ ให้กับผู้บริโภคทั่วไปได้รับรู้ ถึงการพยายามที่จะใช้สิทธิเรียกร้องเพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของตนเอง นางสาวพศนากล่าวในตอนท้าย
นายทวีศักดิ์ เจ้าของรถเปิดเผยว่าเหตุผลที่ออกมาฟ้องร้องก็เพื่อต้องการให้เป็นตัวอย่างแก่ผู้บริโภคทั่วไป ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบการซึ่งการฟ้องร้องครั้งนี้ต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปี "ผมซื้อรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 323 ไอเอ คันนี้ให้กับลูกสาว แต่เมื่อใช้งานไปได้แค่ 100 กิโลเมตร ก็เกิดปัญหาขึ้นหลายอย่าง รวมไปถึงความบกพร่องของเกียร์ จึงได้นำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์ เอ็มวัน
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้นำรถออกไปทดสอบเป็นระยะทางรวมประมาณ 200 กม. และยอมรับเป็นลายลักษณ์อักษรว่าเกียร์มีปัญหาจริง และจะดำเนินการเปลี่ยนเกียร์ให้ใหม่ แต่ผมเห็นว่าเกียร์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของรถ และมีปัญหามาตั้งแต่เริ่มต้นทำให้ไม่มั่นใจในตัวสินค้า และไม่แน่ใจด้วยว่า บริษัทจะเปลี่ยนเกียร์ให้จริงหรือไม่ หรือหากเปลี่ยนไปแล้วเกิดปัญหาอีก ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ จึงร้องขอให้บริษัทซื้อรถคืน แต่บริษัทฯ กลับบอกว่าไม่มีนโยบายซื้อคืน หรือเปลี่ยนคันใหม่ให้ ผมจึงต้องตัดสินใจฟ้องร้องในที่สุด" นายทวีศักดิ์กล่าวและว่า
ช่วงนั้นทางบริษัทก็พยายามที่จะหาทางประนีประนอม เช่นการเพิ่มระยะเวลาการประกันให้ แต่ตนต้องการเพียงแค่ได้เงินคืนเท่านั้น นายทวีศักดิ์กล่าวว่าเมื่อศาลตัดสินใจตนชนะคดีก็รู้สึกดีใจมากที่ได้รับความเป็นธรรมในครั้งนี้ และจะทำให้เกิดบรรทัดฐานใหม่ของผู้บริโภคขึ้นมา ทั้งนี้การออกมาเคลื่อนไหวของตนที่ฟ้องร้องในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อต้องการให้เป็นตัวอย่างต่อผู้บริโภคทั่วไปที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบการ
"สิ่งที่น่าเป็นห่วงของผู้บริโภคชาวไทยโดยทั่วไป ที่ซื้อสินค้าทั่วๆ ไป ไม่จำกัดเฉพาะรถยนต์ก็คือ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการฟ้องร้องทั้งหมด ซึ่งในคดีดังกล่าวผมใช้เงินไปแล้วประมาณ 1 แสนบาท ซึ่งก็ถือว่าสูงพอสมควร และก็เป็นห่วงว่าคนทั่วไปที่ไม่มีเงินมากพอจะมีปัญหาไม่สามารถฟ้องร้องได้ แต่อย่างไรก็ตามก็มีทางออกอยู่ก็คือขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง"
นายทวีศักดิ์กล่าวด้วยว่าสำหรับผู้ที่คิดจะฟ้องร้อง สิ่งที่ควรจะต้องทำเป็นอย่างยิ่งคือการเก็บหลักฐานทุกอย่างให้มากที่สุด เพื่อแสดงให้ศาลได้เห็นข้อมูลที่เป็นจริง สำหรับทางด้านบริษัทบีเอ็มดับเบิลยูขณะนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดออกมาโดยในช่วงขณะนี้ บีเอ็มดับเบิลยูกำลังอยู่ในช่วงการจัดบรรยายพิเศษเกี่ยวกับการออกแบบสินค้า พรีเมียม โดยนักออกแบบชื่อดังของบริษัท ซึ่งเดินทางมาจากเยอรมนี เพื่อบรรยายให้กับนักศึกษาและนักธุรกิจไทย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเตรียมงานดังกล่าว
ขณะเดียวกันก็อยู่ในระยะการปรับเปลี่ยนประธานบริษัทคนใหม่ซึ่งจะเข้ามารับหน้าที่ในวันที่ 1 ธันวาคม ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ "คม ชัด ลึก" ยังได้พยายามติดต่อ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อขอทราบความเห็นแต่ไม่สามารถติดต่อได้
|