พอดีอาบน้ำเสร็จแล้วนึกขึ้นได้อีกข้อ สัมภาระที่ไม่จำเป็นก็อย่าไปเก็บไว้ในรถหนักเปล่าๆก็ช่วยได้อีกทางนะครับ โชคดี

ตอบความเห็นที่ 4 การใช้งานในกรุงเทพ ถ้ารถของคุณได้ที่ 7-8 กม/ลิตร สำหรับผม ผมถือว่าปรกติ เพราะในกรุงเทพ การจราจรมันติดขัดนะครับ จะไปไหนทีไปได้ทีละคืบ ยิ่งวันฝนตก จอดจนปวดฉี่กันไปข้างหนึ่งกันเลย เวลาวิ่งต่างจังหวัด ทำได้ 12-13 กม/ลิตร ผมถือว่าปรกติสำหรับรถใน Generation ของคุณ เพราะถ้าเป็นรถรุ่นใหม่ น้ำหนักตัวของรถก็ถูกลดลงไปมาก การออกแบบเครื่องยนต์ก็แตกต่างกัน สำหรับ Altis 2.0 ได้ 10 กม/ลิตรในเมืองกับ 16-17 กม/ลิตรนอกเมืองถทอว่าปรกติครับและเป็นไปได้ เพราะเครื่องตัวนี้มันมีสัดส่วนน้ำหนักต่อกำลังเครื่องที่พอดี ทำให้รถมันไม่กินน้ำมันครับ ผมถึงพูดเสมอว่า คนไทยเข้าใจผิด คิดว่ารถเครื่องเล้กจะช่วยประหยัดน้ำมัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว รถเครื่องเล็กจนเกินไป จะเป็นต้นเหตุให้แบกน้ำหนักและจะทำให้การกินน้ำมันมากกว่าเครื่องใหญ่ครับ เพราะทุกครั้งที่จะต้องออกตัว จะต้องเร่งน้ำมันมากถึงจะวิ่งได้ครับ   

เห็นด้วยกับคุณMonกับคุณคนว่างฯ ออกตัวไม่กระแทกคันแร่งหลังติดเบาะ คูแลเครื่อง ใส่ใจลม ใช้ความเร็วคงที่ สูตรนี้ใช้ได้ผลเครื่องก็ไม่โทรมเร็ว ไม่ต้องเข้าปั๊มบ่อย ประหยัดเงินในกระเป๋าไปกินขนมได้อีก โชคดี

 ขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วย

ของผมก็กินเช่นกัน มิตซู ท้ายเบ๊นซ์ 1.8 ออโต้ วัดหลายครั้งแล้วขับในกรุงเทพ ได้เฉลี่ย 7 กว่าๆ กม./ลิตร นี่ขนาดขับแบบย่องๆแล้วนะครับ

ถ้าไปต่างจังหวัดใช้ความเร็วประมาณ 80-100 จะได้ 12-13 กม./ลิตร เข้าอู่สองครั้ง เข้าศูนย์ฯสองครั้งให้ตรวจเช็ค นำรถออกมาใช้งานก็ได้เท่าเดิม  ยังสงสัยอยู่ที่เห็นมีการทดสอบ ALTIS  2.0 ซีซี ในเมืองได้ 10 ต่างจังหวัด(ใช้ความเร็วไม่เกิน 120)ได้ตั้ง 17-18 กม./ลิตร มันเป็นไปได้หรือ

ขอบพระคุณผู้ที่มาช่วยตอบทุกท่าน เป็นข้อมูลที่ให้ความรู้ดีมากค่ะ เพราะส่วนมากจะขับได้อย่างเดียว แต่ความรู้เรื่องรถก็มีงูๆปลาๆน่ะค่ะ แล้วก็ไม่รู้จะถามใคร (กลัวโดนช่างหลอกด้วย) ถ้าท่านอื่นจะร่วมให้คำตอบด้วยก็เชิญได้นะค่ะ ยินดีรับฟังอย่างยิ่ง

ขอเสริมคุณ Mon นิดหนึ่งว่า คุณวัดการสิ้นเปลืองในช่วงเวลาไหน เช่น ถ้าคุณไปวัดในการใช้งานวิ่งในเมือง รถติด วันนี้อาจจะติดมาก วันรุ่งขึ้นติดน้อย การกินน้ำมันก็จะไม่เท่ากันแล้ว และเขาจะไม่วัดอัตราการกินน้ำมันกันในตอนใช้งานในเมืองแบบนี้เพราะรับรองได้ว่ารถไม่ว่ารุ่นและยี่ห้อไหน กินแน่นอนครับ ยกเว้นรถจักรยานนั่นแหละ เพราะฉะนั้น เวลาที่เขาจะวัดการกินน้ำมัน เขาจะตรวจวัดลมยางให้เรียบร้อยแล้วไปวัดแบบวิ่งต่างจังหวัดสัก 200-300 กม. ที่ความเร็วคงที่เช่นที่ 100 กม/ฃม. โดยการเติมน้ำมันให้เต็มถัง ตั้งเข็มวัดระยะทางให้เป็นศูนย์ วิ่งไปสัก 200-300 กม. ให้เติมน้ำมันใหม่จนเต็มถัง ดูว่าได้น้ำมันกี่ลิตร แล้วเอามาหารเลขไมล์ที่ใช้ไปที่อยู่บนหน้าปัทม์ คุณก็จะได้อัตราการสิ้นเปลืองเป็น กม./ลิตร ครับ

มันมีหลายปัจจัยมากเลยครับในกรณีเช่นนี้ แต่ส่วนใหญ่มักเกิดจากลักษณะการขับขี่ เช่นเกียร์ออโตแต่ขับ 2 เท้า (เท้าซ้ายแช่เบรคตลอด), ติดไฟแดงนานๆไม่ปลดเป็นเกียร์ N (อันนี้เปลืองทั้งน้ำมันเปลืองทั้งผ้าเบรค) , ชอบออกตัวแรงๆกลัวไล่ไม่ทันคันหน้า , ขับรถไม่รักษาความเร็วให้สม่ำเสมอ ( เร่งปล่อย-เร่งปล่อย) , ขับรถเร็วเป็นนิสัย เป็นต้น ที่เหลือก็เรื่องทางเทคนิคเช่น ไม่ตรวจสอบลมยาง , ไม่หมั่นทำความสะอาดกรองอากาศ , เครื่องยนต์หลวม , เปลี่ยนยางมีขนาดใหญ่กว่ามาตรฐานโรงงาน ลองตรวจสอบดูครับว่าอยู่ในกรณีไหน