สอบถามแบตเตอรีแห้งค่ะ
avatar
น้อง


หนูได้เปลี่ยนแบตเตอรีแห้ง จะสอบถามว่าจะต้องมีการบำรุงรักษาหรือให้ตรวจสอบอะไรเพิ่มหรือไม่   และอายุการใช้งานของแบตเตอรีแห้งประมาณกีปีค่ะ

ขอขอบคุณมากๆ ค่ะ

น้อง



ผู้ตั้งกระทู้ น้อง :: วันที่ลงประกาศ 2010-10-23 08:22:23 IP : 110.49.193.99


1

ความคิดเห็นที่ 3 (3256438)
avatar
123456

แบตเตอรี่รถยนต์ เป็นแบตเตอรี่ ตะกั่ว+น้ำกรดทั้งหมด  ไม่มีแบตเตอรี่แห้งหรอกครับ(หรือปัจจุบันมันมีก็ราคาแพงมาก)  ยกเว้นแบตเตอรี่ของรถไฮบริจอันี้แบตแห้งครับ

แบตเตอรี่แห้ง คือแบตเตอรี่ ไฟฉาย แบตเตอรี่มือถือ ประมาณนี้ครับ

แบตเตอรี่รถยนต์มี 3 แบบใหญ่ๆดังนี้

1.แบบเติมน้ำกลั่น รุ่นที่มีหัวจุกนูนๆไว้เติมน้ำกลั่นนั่นแหละ ที่เราๆคุ้นเคยกันดี ข้อดีราคาถูก ข้อเสีย ต้องดูแลระดับน้ำกลั่นบ่อยๆ แห้งเมื่อไหร่อีกไม่นานก็จะเสีย   ไอระเหยของน้ำกรดจะออกมาตามรูระบายอากาศปริมาณมาก สามารถติดไฟได้ และกัดกร่อนโลหะในห้องเครื่อง สูดดมเข้าไปโดยบังเอิญมันเป็นพิษต่อระบบทางเดินหายใจ ถ้าคุณขับรถประเภทที่ว่าไม่รู้จักคอสะพาน เห็นถนนเมืองไทยเรียบเหมือนกันหมด น้ำกรดในแบตเตอรี่ก็จะกระฉอกออกมาตรงรูที่หัวจุกทำให้เลอะเทอะ บางคันก็กัดจนแคล้มรัดแบตเตอรี่ที่เป็นโลหะเกือบขาด

2.แบบเติมน้ำกลั่นน้อย(ไม่ต้องเติมบ่อย) รุ่นนี้จุกเติมน้ำกลั่นจะเสมอฝาแบตเตอรี่ แบบเรียบๆ ไม่มีรูระบายอากาศที่จุกเติม แต่จะมีรูระบายเล็ๆข้างตัวแบตและบางยี่ห้อมีสายยางเล็กๆต่อไปทิ้งใต้ห้องเครื่อง(แต่ร้านหรือช่างไม่เคยใส่ให้) เปลือห่อหุ้มแบตเตอรี่จะหนาพอทนแรงอัดของก๊าซภายในแบตเตอรี่ได้ ราคาปานกลางแพงกว่าแบบที่1. ข้อดีเช็คน้ำกลั่นทุก 6 เดือนไม่ต้องดูแลบ่อย และข้อดีอืนๆ ตรงข้ามกับข้อเสียของแบบที่ 1.

3.แบบไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน เพราะไม่ทำที่เติมมาให้ แบททั้งลูกปิดหมดจะมีรูระบายอากาศเล็กมาให้ แต่ถ้าภายในแบตไม่มีแรงดันของก๊าซที่มากพอ มันก็ไม่ระบายออกมา แบตแบบนี้มีเปลือกห่อหุ้มที่หนา กว่าแบบที่1และ2    ราคาสูงหน่อย ส่วนใหญ่รถยุโรป จะใช้ ข้อดีไม่ต้องดูแลอะไรเลย

 

ผู้แสดงความคิดเห็น 123456 วันที่ตอบ 2010-10-23 12:09:59 IP : 115.87.38.18


ความคิดเห็นที่ 2 (3256436)
avatar
yngwie

ของผมธรรมดาดีกว่าครับ  เติมน้ำกลั่นดีกว่าเชคทุก 2 อาทิตย์  แบตเตอรี่แห้งไม่ใช่ไม่มีน้ำกลั่นนะครับ  มีเหมือนกัน  แต่มันไม่ได้ระเหยมันเป็นการระเหิดหมุนอยู่ในแบตนั่นแหละครับ เหมือนสาร fion  ในเครื่องทำความเย็นนั่นแหละครับ   แบตเตอรี่ถ้าเราเชคดูน้กลั่นไม่ให้ขาด สามารถใช้ได้ถึง 3-5 ปี  อย่าให้ขาดเพราะจะทำให้แผ่นธาตุเสียสภาพการคายประจุ และต้องไปเติมน้ำกรดใหม่เพื่อกระตุ้นให้แบตทำงานใหม่  แต่ส่วนใหญ่จะใช้ไม่ได้นาน สู้เปลี่ยนใหม่ไม่ได้  รถผม 3 ปี 2 เดือนแล้ว แบตเตอรี่ยังดีอยู่สตาร์ทได้ ติดไม่ยากเลย ชึ่งเดียวติด

ผู้แสดงความคิดเห็น yngwie วันที่ตอบ 2010-10-23 11:01:48 IP : 113.53.75.108


ความคิดเห็นที่ 1 (3256420)
avatar
คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ

เรียนตามตรงว่าราคาของแบตเตอรี่แห้งในปัจจุบันนั้นยังมีราคาสูงกว่าแบตเตอรี่เติมน้ำพอสมควรทืเดียว และถ้ารถของคุณเป็นพวกรถญี่ปุ่นที่มีที่ติดตั้งหม้อแบตเตอรี่อยู่ในห้องเครื่องยนต์  ผมจะแนะนำให้ใช้แบตเตอรี่แบบเติมน้ำคุ้มค่ากว่าครับ เพราะอายุการใช้งานของทั้งแห้งและเติมน้ำมันพอๆกัน แต่แบตเตอรี่เติมน้ำนั้น เจ้าของรถจะต้องจยันเติมน้ำอย่างน้อยหนึ่งหรือสองอาทิตย์ครั้งครับ ยกตัวอย่างแบตเตอรี่ใส่รถกะบะ DMax ขนาด 90 Amph ราคา 2,700 บาท แบตเตอรี่แห้งขนาดเดียวกันราคาจะสูงไปกว่านี้มากเกือบสองเท่า ข้อควรทราบอีกอย่างหนึ่งคือ แบตเตอรี่แห้งเขาผลิตออกมาเพื่อรถยุโรปบางรุ่นบางยี่ห้อที่ติดตั้งแบตเตอรี่เอาไว้โต้เบานั่งหลัง ซึ่งจะอยู่ภายในรถ ซึ่งการติดตั้งแบตเตอรี่น้ำเอาไว้ในรถที่มีแอร์นั้น มันจะเป้นอันตรายต่อสุขภาพมาก เขาถึงผลิตแบตเตอรี่แห้งขึ้นมาด้วยเหตุผลดังกล่าวครับ อีกประการ คุณควรที่จะทำการตรวจระดับน้ำและน้ำมันเครื่องอย่างน้อยหนึ่งหรือสองอาทิตย์ครั้งอยู่แล้ว ซึ่งเป้นระยะเวลาที่ต้องเช็คระดับน้ำในแบตเตอรี่ไปด้วยเช่นกัน เพราะประเทศไทยเป็นประเทศร้อน น้ำในหม้อแบตเตอรี่จะระเหยพร้อมกับการเดือดของมันเองจากการชารท์ไฟเข้า จึงทำให้ต้องเติมน้ำกลั่นครับ แบตเตอรี่ถ้าใช้งานเก่งๆ 2.5 ถึง 3 ปีสบายๆครับ ถ้าขี้เกรียจเติมน้ำกลั่นหรือแบตเตอรี่ลูกเล็กเกินไปเช่นพวกแบตเตอรี่ติดรถที่ออกมาจากโรงงาน อายุใช้งานเต็มที่ก็หนึ่งปีก็กลับบ้านเก่าไปแล้วครับ     

ผู้แสดงความคิดเห็น คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ วันที่ตอบ 2010-10-23 08:39:38 IP : 58.8.76.175



1


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.