ตัว 3.2 เพลาหรืออะไรซักอย่างมีปัญหาในตัวทดสอบ (ไอ้ตัวที่เป็นอลูมีเนียมมันบิด) ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการแก้ไขครับ

 ตอนนี้FORD ranger เคาะราคามาแล้วครับที่ 1,049,000 บาทครับเจ้านาย

ด้วยความเคารพ ผมขอชี้แจงเพิ่มเติมนะครับ... ที่คุณคนว่างฯ กล่าวมาเรื่องความจุนั้น อัตราภาษีสรรพสามิตดังกล่าวใช้กับรถยนต์นั่ง (รถเก๋ง) ในหมวด 1 แต่ที่ผมกำลังชี้แจงเป็นอัตรารถยนต์ที่มีกระบะ (Double Cab) ในหมวด 3 ที่คิดที่ร้อยละ 12 สำหรับความจุไม่เกิน 3,250 ลบ.ซม. (ถ้าเป็น PPV จะอยู่ที่ร้อยละ 20) ถ้าเกินคิดที่ร้อยละ 50 โดยไม่ได้จำกัดที่ 220 แรงม้าเหมือนรถยนต์นั่งครับ... ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้จากลิ้งก์นี้ >>อัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์<< ครับ

เรื่องอัตราภาษีนั้น ยืนยันได้ว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้องแน่นอน เพราะเป็นข้อมูลที่ได้ตรงจากสรรพากร เพราะฉะนั้น ผมไม่ผิดแน่นอน

http://th.88db.com/th/Knowledge/Knowledge_Detail.page?kid=7316

คุณนนท์เข้าใจถูกที่ BT-50 ราคาขายไม่ถึง 1 ล้าน เพราะถอดอุปกรณ์ออกจนแทบไม่เหลืออะไรเลย แต่ถ้าลองใส่กลับเข้าไปให้เหมือนๆกับกับ Ford ดูซิ จะเป็นเช่นไร ถ้าราคามันไม่เว่อร์จนเกินไป ป่านนี้ Ford เคาะราคาออกมานานแล้วครับ ไม่มานั่นอุบอยู่อย่างทุกวันนี้หรอก 

ผมขอแสดงความเห็นในอีกมุมหนึ่งที่อาจแตกต่างจากคุณคนว่างฯ นะครับ...

ที่ว่าเหี่ยวปลายนี่หมายถึงเร็วขนาดไหนครับ เพราะความเร็วสูงสุดของรุ่นนี้ก็เกิน 180 กม./ชม. อยู่แล้ว ถ้าใช้รอบ 2,500 รตน. ก็ปาเข้าไปเกือบ 160 กม./ชม. แล้วครับ (เครื่องดีเซลทุกยี่ห้อจะมีอาการนี้เหมือนกัน ไม่มากก็น้อย เพราะไม่สามารถใช้รอบสูงๆ แบบเครื่องยนต์เบ็นซินซึ่งจะฉีกหนีตอนช่วงความเร็วปลาย)

ขนาดเครื่องยนต์อย่างเดียวไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ความทนหรือไม่ทนครับ ต้องดูองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น ชนิด/คุณภาพชิ้นส่วนภายใน ลูกสูบ ก้านสูบ เสื้อสูบ แรงบูสต์/ชนิดเทอร์โบ ฯลฯ

ภาษีที่ว่าสำหรับเครื่องยนต์ที่มีความจุเกิน 3,250 ลบ.ซม. หรือ 220 แรงม้าไม่ใช่หรือครับ?? (ไม่งั้นก็คงอ่วมตั้งแต่เจ้า Triton เครื่อง 4M41T แล้วครับ)... แต่ถ้าภาษีรายปีล่ะไม่เถียงครับ แพงแน่นอน

ส่วนเรื่องราคาเกินล้านถูกแล้วครับ แต่ไม่ใช่เพราะภาษี ดูอย่างเจ้า MAZDA BT-50 ที่ใช้เครื่องยนต์เดียวกันยังไม่ถึงล้าน เพราะอุปกรณ์ปลีกย่อยต่างกัน

คำว่าเหี่ยวปลายหรือวืดนั้น จะเกิดจากกรณีที่เจ้าของรถใช้รถผิดประเภทคือตัวรถเครื่องเล็ก แรงม้าสูง แต่เอาไปใช้งานบรรทุกหนักตลอดเวลา แรกๆไม่มีปัญหา ต่อมามันจะวีด เปรียบเสมือนการใช้แรงงานเด็กให้ขนของ แรกๆก็อาจจะไหว พอจนไปมากๆแรงหมดก็จบเห่ นั่นคือความหมายของคำว่าวืด ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผมถึงได้พูดเสมอว่าให้เลือกขนาดของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน ปัญหามันจึงจะไม่เกิดขึ้น เช่นถ้าคุณซื้อรถเพื่อใช้งานธรรมดา ไม่ได้บรรทุกหนัก ไม่ได้ขับรถเร็ว ไม่เร่งร้อน ให้ใช้เครื่องขนาดเล็ก คุณจะได้เปรียบเรื่องการสิ้นเปลืองและไม่ทำให้เครื่องยนต์โทรม แต่ถ้าคุณใช้งานหนัก บรรทุกหนัก ขับรถเร็ว ใช้ความเร็วสูงตลอดเวลา ขับรถใจร้อน ให้ใช้เครื่องใหญ่ ปัญหามันจะไม่พบครับ

ในกรณีของ Ford โปรดทราบด้วยว่าตัวเครื่อง 3.2 มีแต่ประกาศว่าตัวเองมีเครื่องนี้ แต่ยังไม่ได้เปิดตัวออกจำหน่าย ด้วยเหตุผลคือถ้าเอามาขาย รับรองได้ว่ารถคันนี้ราคาหนึ่งล้านกว่าแน่นอน เพราะจะโดนเรื่องภาษีเพราะเครื่องเกิน 3.0 ลิตร (รถที่มีขนาดเครื่องยนต์เกิน 3.0ลิตรและแรงม้าเกิน 220 แรงม้า ต้องจ่ายภาษีในอัตรา 328%) ซึ่งถ้ามันแพงเช่นนั้น ใครมันจะซื้อใช้กันครับ