ครบถ้วนกระบวนความ บทสรุปคือสรุปยังไม่ได้  เพราะมีปัจจัยประกอบหลายๆ อย่าง ต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง  ขอบคุณท่านกูรูรถทุกๆ ท่านครับ

เห็นด้วยกับคุณคนว่างฯ ครับ ผมลองเจ้า FORD Ranger 2.2 XLT เกียร์ธรรมดาแล้วก็เร่งต่อเนื่องดี ไม่วืด ขณะที่ CHEVROLET Colorado 2.8 ลิตร 180 แรงม้า 470 นิวตัน-เมตร อัตราเร่งกลับเป็นรอง น่าจะมาจากการทดเกียร์ เฟืองท้าย ระบบส่งกำลังถ่ายทอดกำลังไม่ดีพอ (ต้อนม้าลงพื้น) คุณภาพยางก็มีส่วนค่อนข้างมากเหมือนกันครับ

เคยเตือนแล้วว่าอย่าอ่านแต่ Spec. การทดสอบรถที่ถูกต้องจะต้องทดสอบด้วยการขับรถตัวจริงที่พร้อมที่จะออกมาจำหน่าย เพื่อพิสูจน์ว่ารถที่เขาเอามาจำหน่ายนั้น มีเครื่องยนต์ที่ Match กับเกียร์และเฟืองท้ายที่เขาจัดมาเพื่อให้ทราบได้ว่ามัน Match กับน้ำหนักของตัวรถหรือไม่ ภายหลังจากการทำการทดสอบร่วมแล้ว อาการวืดหรือเค้นถึงจะออกมาให้เห็นครับ มันถึงจะบอกได้ว่ามันวืดหรือไม่ รถเครื่อง 2.5และ 2.2 ที่เห็น Spec. ในกระดาษสูงๆบอกได้ว่ามีปัญหาวืดแทบทั้งสิ้น แต่ไม่อยากที่จะออกมาพูดกันเท่านั้นแหละ  

2.2 150 แรงม้า กับ 3.2 200 แรงม้า ตัวหลังนี้ดูจะเหมาะสมกับตัวรถของฟอรด์ เพราะไม่ต้องเค้นแรงบิดมากมาย การสึกหรอต่ำแต่ 2.2  ก็ไม่ต้องเค้นอะไรมากมายเพราะมันอยู่ที่การออกแบบด้านวิศวกรรมด้านโลหะและเครื่องยนต์  ซึ่งการันตีไว้ถึง 1,000,000 กม 

ถ้าให้ผมเดานะ คนตั้งกระทู้น่าจะมองฟอร์ดเรนเจอร์ที่เครื่องยนต์ ๒.๒ ซึ่งเล็กกว่ายี่ห้ออื่น ๆ แต่แรงม้าและแรงบิดมีมาให้ามากหลายอยู่ ก็เลยลังเลว่าเครื่องเล็กจะประหยัดและทนทาน กว่าเครื่องใหญ่ไหม ก็เป็นปัญหาที่มีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ส่งผลกับเครื่องยนต์ ก็คงต้องรอให้ผู้รู้ด้านเครื่องยนต์มาตอบให้หายข้องใจ ผมเองก็ไม่แม่นเหมือนกัน

ในยุคปัจจุบัน มีการใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กที่ดูตัวเลขแล้วแรงม้าและแรงบิดดูจะสามารถสู้กับเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อเอาเครื่องยนต์ขนาดเล็กดังกล่าวมา Match กับเกียร์และเฟืองท้ายเข้าไป กอปร์กับตัวถังที่มีขนาดใหญ่ขึ้น น้ำหนักรถก็มีมากขึ้นตามไปด้วย จะพบว่าในระดับความเร็วช่วงหนึ่ง ถ้าคุณยังคงดื้อเรียกความเร็วและแรงม้าออกมา จะพบว่าเครื่องมันจะเกิดอาการวืดซึ่งหลายคนคงจะเคยพบในรถเช่นในตัว Pajero Sport ตัวเครื่อง 2.5  ที่ถามว่าทำไมมันถึงวืด นี่คือข้อด้อยอย่างหนึ่งของเครื่องเล็กที่หลายคนพยายามมองผ่านและไม่อยากที่จะพูดถึง ซึ่งขอบอกว่าถ้าคุณคิดจะใช้เครื่องดีเซลซีซีต่ำแรงม้าสูงจะต้องรู้และเข้าใจข้อด้อยตรงนี้และอย่าไปว่าผู้ผลิตเครื่องยนต์เขาครับ ผมถึงได้พูดเสมอว่าอย่าดูที่แรงม้าและแรงบิด เพราะถ้าเครื่องคุณ Match เกียร์และเฟืองท้ายเข้าไปแล้วมันไม่ Match กับน้ำหนักของตัวรถ ผลที่ตามมามันจะเห็นได้ขัดเจนคืออาการวืดครับ   

 มันมีปัจจัยมาเกี่ยวข้องกันมากกว่านั้นครับ  แต่ผมจะเปรียบเทียบอย่างนี้ก็แล้วกัน   หากความโตของกระบอกสูบเท่ากัน  แต่ช่วงชักไม่เท่ากัน  ช่วงชักที่ยาวกว่า  จะมีปริมาณ ซี.ซี. มากกว่า  แรงบิด และม้าจะมาในรอบที่ต่ำกว่า(เมื่อก่อน)  ส่วนช่วงชักที่สั้นจะทำให้รอบจัดกว่า และรอบขึ้นเร็วกว่า  ส่วนเรื่องการสีกหรอก็ต้องมากกว่าเป็นธรรมดาของเครื่องรอบจัด  แต่ในปัจจุบันมีเทคนิคเพิ่มขึ้นมากมายเป็นตัวแปรทำให้ สิ่งที่ผมอธิบายมานั้นเริ่มใช้ไม่ได้  มีการย้ายแรงบิดได้ และเร้นจ์ของแรงบิดกว้างมากขึ้น ฯลฯ ครับ

เครื่องเล็กฝูงม้าเยอะ แรงบิดมาก ที่รอบต่ำ ได้เปรียบกว่าเครื่องใหญ่ม้าน้อย แรงบิดน้อย ที่ความเร็วรอบใกล้เคียงกัน

ความเร็วรอบสูงการสึกหลอย่อมสูงตามและอัตราการใช้เชื้อเพลิงย่อมสูงขึ้นด้วยครับและราคาขายเครื่องมันก็จะสูงครับแต่ราคาต้นทุนต่ำ(กำไรมากขึ้น)

คำถามทางทฤษฎีหรือที่เรียกกันว่าคำถามเชิงคาดเดาแบบนี้ละ  ที่ทำให้เกิดการถกเถียงกันมากมาย  ผมขออนุญาตตอบว่า "ในความคิดเห็นของผมเท่าที่ได้เรียนมาบ้างเล็กน้อย" ว่า   เครื่องที่มีความจุน้อยกว่าแต่ถูกเบ่งให้มีกำลังสูงขึ้น  จะเกิดการสึกหรอมากกว่าเครื่องใหญ่  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องเล็กที่เบ่งให้มีกำลังมากในรอบสูงๆครับ