ถ้ามีรถพลังงานไฟฟ้าใช้จริงๆนะครับผมว่าสถานีไม่น่าจะเป็นปัญหาเลย

เพราะถ้าชาร์ตไฟบ้านได้ละก็  จะมีคนอยากบริการให้ชาร์ตไฟอีกเยอะแยะ

เหมาะกับใช้ทำงานต่างจังหวัดด้วย

คนอยู่ต่างจังหวัดหลายคนวันธรรมดาใช้รถไม่กี่กิโลหรอกครับ

ณ ขณะนี้ให้นั่งรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินและบนดินไปพลาง ๆ ก่อนนะครับ ไม่จำเป็นอย่างขับรถเข้าไปในเมือง กทม เลย ถ้าอยากประหยัดจริง ๆ

 ขอบคุณทุกความเห็นครับ

ตอนแรกมีชื่อมว่าได้ 5 พัน (ประกาศปลายปี)  แต่พอต้นปีมีบอกให้ไปยื่นเรื่องใหม่ เลยช่างแม่งปล่อยมันไปข้าวของไม่ได้เสียหายเก็บทัน แต่ที่บ้านประกอบธุรกิจไม่ได้เพราะน้ำท่วมครับ  ขออย่าให้ท่วมอีกก็แล้วกันครับลำบากมาก ผมอยู่เขตบางบอนมันท่วมไม่หมดเหมือนเขตปทุมเหมือนคุณลูกบอล

ขอบคุณครับคุณลูกบอล 

**รถผมไปจูนมาหายแล้วครับ ตั้งไฟให้แก่ขึ้น แล้วจ่ายก๊าซให้มากขึ้น กลับมาพุ่งเหมือนเดิมแล้ว ใช้เวลาจูนอยู่ 2 ชม. ก็โอเคที่ร้านเค้ารับผิดชอบ 300 ประกัน 3 เดือน แต่ตามจริงน่าจะจูนให้จบตั้งแต่แรกเสียเวลาวิ่งไปจูน

ผมก็คิดเหมือนคุณเอสเตส วิ่งไปชาร์ทไปเลื่อยๆ ไม่มีวันหมดจนกว่าแบตจะเสื่อม(ผมว่ามนุษย์เราทำได้อยู่แล้ว แต่ใครทำขึ้นมาคงโดนฆ่าทิ้งแน่ๆ)

คุณ ห้าจุด ยังไม่ได้ 5000 อีกหรอครับ  ผมได้มาจะเดือนแล้ว นา  ลองเชค ที่ อำเภอดูคับ ..... 

ปล. ผมอยู่ปทุม ได้แล้ว   แต่ได้หลัง กทม เกิบเดือน

     รถที่ใช้ไฟฟ้าขับเคลื่อนแล้วไม่ต้องชาร์จไฟก็มีการใช้เซลล์เชื้อเพลิงครับ คือใส่พวกเอธานอล แกสธรรมชาติ แล้วให้ผ่านเยื่อเพื่อทำให้เกิดการแยกประจุได้ไฟฟ้าไปใช้ และเหลือน้ำ ออกมา พูดง่ายๆคือติดไดนาโมไว้ในรถนั่นเอง ถ้ามีตัวนี้ก็ไม่ต้องมีแบตครับ
     แต่ถ้าเป็นลักษณะ"เครื่องจักรนิรันดร์" อันนี้ทำไม่ได้ครับ(ลักษณะคล้ายๆเครื่องรถพลังน้ำ) คือใส่พลังงานไปค่าหนึ่งแล้ววิ่งทำงานได้ตลอด ใส่แบตลูกเดียววิ่งได้ไม่หมด เพราะเอาตอนรถวิ่งชาร์จไฟกลับ อะไรทำนองนี้

รถพลังงานไฟฟ้ามันมีข้อจำกัดอยู่ที่แบตเตอรี่เก็บไฟที่ใช้ได้ไม่นานก็หมดคือรัศมีทำการขับเคลื่อนไม่ไกล เต็มที่วิ่งได้ 160 กม.ไฟก็หมด

นอกจากมอเตอร์ขับเคลื่อนแล้วยังมีคอมแอร์ เครื่องเสียง ไฟส่องสว่างต่างก็ใช้ไฟจากแบตเตอรี่แหล่งเดียวเท่านั้น  ผมว่าคงต้องรอให้การพัฒนาแบตเตอรี่ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากแต่สามารถเก็บไฟได้เยอะ และพัฒนาระบบปั่นไฟของรถให้มีกระแสไฟหมุนเวียนได้ไม่หมด หมายความว่าตัวปั่นไฟได้รับกระแสไฟมาหมุนไดชาร์ทขณะเดียวกันก็ปั่นไฟเข้าไปใช้และเก็บเข้าแบตเตอรี่ ผมคิดอย่างนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่

มีอำนาจ แล้วเงินจะตามมา ไม่งั้นมันจะแย่งชิงกันเป็นผู้บริหารทำไม คนดีๆ มักอยู่ไม่ได้นาน

ผมไม่รู้ว่าชูวิทย์เป็นคนดีหรือไม่ แต่เห็นออกมาแฉคนเลวๆ ประกาศตัวเป็นฝ่ายค้าน ไม่เคยเห็นนักการเมืองประเทศไทยเป็นแบบนี้ อยากให้คนที่มีอำนาจตั้งใจทำงานแบบนี้

ถ้าเค้าเป็นคนไม่ดีผมก็ขออภัย ณ ตอนนี้ผมเห็นแต่ด้านดีของเค้า (ยังนึกสงสัย แม่งไม่กลัวโดนยิงหรือไง นับถือครับ)

อีกฝั่งคนเลือกเข้ามาบริหาร ดันมานั่งแตะฟุตบอลกัน

 ขอบคุณพี่ๆที่สนใจและให้ความรู้ครับ

ผมคิดว่าต้นทุนพลังงานไฟฟ้าประเทศเรา

ถ้าเอาจริงเอาจังโดยไม่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง

เราน่าจะมีพลังงานไฟฟ้าราคาสมเหตุสมผลใช้ได้

ทะเลเราก็มี เขื่อนเราก็มี ลมเราก็มี แสงแดดเราก็มี

ที่สำคัญเทคโนโลยีเราก็มี 

ผมอดคิดไม่ได้ว่าที่มันไม่เกิดขึ้นก็เพราะคนบางกลุ่มกลัวจะเสียประโยชน์จากระบบเดิมๆที่ทุกคนก็พูดตรงกันว่ามันทำลายสิ่งแวดล้อม

น่าสนครับแต่คงเป็นไปได้ยาก เอาแค่ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท กับ ป.ตรี 15,000 บาท ยังเหนื่อย  นี่เงิน 5 พันที่น้ำท่วมยังไม่ได้เลย จะ 5 เดือนแล้ว รอบใหม่กำลังจะท่วมอีกแล้ว(ฝนตกทุกวัน)  นโยบายมีแต่เงินไม่มี  คนเราถ้ามีอำนาจอะไรมันก็เป็นไปได้หมด ต้นทุนสินค้าจริงๆ มันไม่แพง แต่คนเราทำมันให้แพงเอง ใครรวย ถ้ารัฐทำอย่างต่างประเทศอเมริกาได้ก็ดี แบบที่คุณเอสเตจบอก พวกถือหุ้นปตท. จะได้เลิกแดก คนใช้รถชาร์ทไฟที่บ้าน การไฟฟ้านครหลวงได้ ไม่เข้ากระเป๋าใคร ใครใช้เยอะก็จ่ายเยอะ ไม่ใช้มาเอาเปรียบกันแบบนี้ คนใช้เยอะจ่ายถูกกว่าหรือจ่ายเท่ากับคนใช้น้อยกว่า มันไม่ยุติธรรม เช่นแท๊กซี่เติมเอ็นจีวีราคาเติม รถบ้านใช้น้อยกว่าต้องมานั่งต่อคิวแล้วจ่ายแพงกว่า หรือเอาเงินน้ำมันอันนี้มาชดเชยอันนู้น ใครทำอะไรก็ควรจะได้ผลกระทบแบบนั้น

 ก็ถือเป็นช่วงเริ่มต้นครับสำหรับการใช้รถไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์จริงๆ แต่ Roadmap พลังงานของอเมริกาเขามองข้ามรถที่ใช้แบตเตอรี่ไปนะครับ เขามองว่าพลังงานของรถในอนาคตจะมาจากเซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งจะได้เปรียบเรื่องเวลาการชาร์จไฟ และใช้พลังงานหมุนเวียนได้ เท่าที่เคยคุยกับวิศวกรยานยนต์หลายท่านก็เชื่อว่าทิศทางก็ไปทางนั้นครับ
  ขณะนี้กรมขนส่งทางบกกำลังปรับแก้ระเบียบ และตัวกฎหมายเกี่ยวกับพรบ.รถยนต์อยู่ยังไม่เสร็จสิ้นครับ ต้องรอดูทิศทางความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ณ ปัจจุบันถ้าคุณซื้อรถไฟฟ้ามาใช้น่าจะประสบกับความยุ่งยากในการจดทะเบียน และเสียภาษี 
   ปัญหาและอุปสรรครถประเภทนี้อยู่ที่ค่าไฟ และสถานที่ชาร์จครับ ค่าไฟประเทศเรามาจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นหลักทำให้ค่าไฟมีราคาแพง (ค่าไฟไทยแพงกว่าสวีเดนอีกครับ) แต่ค่าใช้จ่ายพลังงานจะถูกกว่าเครื่องยนต์ hybrid หรือน้ำมันหรือไม่ อันนี้ไม่แน่ใจครับ แต่โรงสีที่บ้านคุณยายผมตอนสร้างเลือกใช้เครื่องยนต์ดีเซลเพราะประหยัดต้นทุนพลังงานกว่าไฟฟ่าครับ นอกจากนี้เทคโนโลยีปัจจุบันยังไม่สามารถลดราคาแบตเตอรีให้มีราคาถูกได้ ทำให้คุณอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงยามเปลี่ยนแบตเตอรี
   นอกจากนี้คือโครงสร้างพื้นฐานที่ออกแบบมาสำหรับรถไฟฟ้า เช่นสถานที่ชาร์จไฟ ในตปท.เช่นอังกฤษมีตึกจอดรถที่มีระบบชาร์จไฟมามาสนับสนุนพร้อม แต่ประเทศไทยไม่มี ก็เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะชาร์จไฟได้ที่บ้านเท่านั้น
    โดยรวมผมถือว่าประเทศเรายังมีความไม่พร้อมหลายอย่าง และต้องรอดูการสนับสนุนจากภาครัฐครับ 
 ถ้าสนใจจริงๆตอนนี้จัด hybrid ไปก่อนก็ได้ครับ