รถคันแรกเฮ16ก.ย.ซื้อเลย จ่อเพิ่มดาวน์กรณ์ชี้ไม่คุ้ม
Source - เดลินิวส์ (Th) Thursday, September 15, 2011 07:01
คนซื้อรถคันแรกกระอัก ธุรกิจเช่าซื้อเล็งเพิ่มเงินดาวน์หวั่นคนทิ้งรถหลังได้เงินภาษีคืน คลังแจงนโยบายทั้งซื้อเงินสดและเช่าซื้อได้สิทธิเหมือนกัน กรมสรรพสามิตนำรายละเอียดทั้งราคา ภาษี วิธีขอเงินภาษีคืนขึ้นเว็บไซต์ www.excise.go.th 16 ก.ย.นี้ย้ำต้องส่งเอกสาร 7 อย่าง "กรณ์" ชี้รัฐบาลใช้เงินภาษีไม่คุ้มค่า ส่วนการเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท ส่อฝันสลาย "ประภัสร์" ระบุ เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง พร้อมดับเครื่องชนปลัดคมนาคมให้สัมภาษณ์สื่อล้ำเส้น
ที่กระทรวงการคลัง เวลา 10.00 น. วันที่ 14 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง ได้เชิญ 4 หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินมาตรการคืนภาษีรถยนต์คันแรก ทั้งกรมสรรพสามิต ตัวแทนจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย และสมาคมประกันวินาศภัย ชี้แจงแนวทางปฏิบัติ และรับทราบปัญหาที่อาจเกิดขึ้น โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชม. ทั้งนี้ในที่ประชุมได้ถกเถียงกันมาก โดยเฉพาะบริษัทเช่าซื้อ (ลิสซิ่ง) ได้สอบถามอย่างมาก ว่าจะดำเนินการอย่างไร จะยึดวันเริ่มต้น หรือวันจบโครงการจากเอกสารตัวใด รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกรณีที่กรมการขนส่งทางบกไม่มีข้อมูลของผู้จดทะเบียนรถย้อนหลังตั้งแต่ปี 49 ลงไป และการโอนเปลี่ยนสิทธิถือครองก่อน 5 ปี
นายบุญทรง กล่าวว่า ที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่า รัฐบาลจะเริ่มดำเนินโครงการอย่างเป็นทางการ (คิกออฟ) ในวันที่ 4 ต.ค. นี้ เป็นต้นไป แต่นโยบายมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. โดยยึดจากใบจองรถว่า ต้องเป็นใบจองซื้อรถที่ลงวันที่ตั้งแต่ 16 ก.ย. เป็นต้นไป จึงมีสิทธิเข้าร่วมโครงการดังกล่าว จนถึงวันสิ้นสุดโครงการที่ 31 ธ.ค. 55 โดยยึดถือว่า รถที่มีเอกสารครบทั้ง 7 รายการที่มายื่นในวันสุดท้ายนี้ จึงมีสิทธิเข้าร่วมโครงการอยู่ แม้ยังไม่ได้รับรถก็ตาม เมื่อมีผู้ไปสั่งจองรถ ธุรกรรมก็เกิดขึ้น และดำเนินการไปตามกลไกของภาคเอกชน รัฐบาลไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย แต่เป็นหน้าที่ของผู้ซื้อที่ต้องนำเอกสารมายื่นที่กรมสรรพสามิตให้ครบตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ จึงจะได้รับเงินคืน โดยรัฐบาลลดหย่อนภาษีสรรพสามิตให้สำหรับรถกระบะเชิงพาณิชย์ เริ่มเก็บภาษีสรรพสามิตที่ 3% ดับเบิลแค็บ 12% อีโคคาร์ 17% และรถยนต์นั่งกว่า 120%
"ผู้ซื้อรถโดยกู้เงินจากบริษัทลิสซิ่งนั้น รัฐบาลจะตีเช็คจ่ายคืนภาษีให้ผู้ซื้อรถ ในฐานะเป็นผู้ครอบครองรถ ไม่ใช่จ่ายให้บริษัทลิสซิ่ง ที่เป็นเพียงเจ้าของกรรมสิทธิ์รถแต่อย่างใด หากผ่อนไม่ไหวจนถูกยึดรถ ถ้าคืนรถอย่างถูกต้องจะให้ลิสซิ่งช่วยตามทวงภาษีคืนจากผู้ซื้อรถให้รัฐบาลด้วย แต่ถ้าละทิ้งรถเลย กรมสรรพสามิตก็จะตามเรียกคืนภาษีอยู่ดี
นโยบายดังกล่าวนี้ ทำเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนผู้เริ่มต้นทำงาน ผู้มีรายได้น้อย ดังนั้น ต้องคืนเงินให้ผู้ซื้อ ไม่ใช่ให้สถาบันการเงิน เราต้องแยกเป็น 2 ส่วน โดยให้การดำเนินธุรกรรมซื้อขายรถยนต์เป็นไปตามปกติ แต่แยกในส่วนของการคืนภาษีออกมา ซึ่งเป็นภาระของผู้ซื้อเองที่ต้องมาขอคืนภาษีที่สรรพสามิตทั่วประเทศ และต้องทำตามเงื่อนไขที่กำหนด หากทำไม่ได้ก็จะถูกเรียกเงินคืนย้อนหลัง
อย่างไรก็ดี รัฐบาลจะคืนภาษีให้ในอีก 1 ปีข้างหน้า ดังนั้น ระหว่างที่ยื่นขอคืนภาษีไว้แล้วนั้น กรมสรรพสามิตจะเป็นผู้ตรวจสอบเองว่า ผู้ที่มาขอคืนภาษีนั้น มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดหรือไม่ อย่างไร ทั้งนี้รวมถึงกรณีที่กรมการขนส่งทางบกระบุว่า ไม่มีฐานข้อมูลการตรวจสอบรายชื่อทะเบียนย้อนหลังตั้งแต่ปี 49 ลงไปนั้น กรมฯ จะหาแนวทางตรวจสอบเอง แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่หากพบว่ามีคุณสมบัติไม่ตรงตามที่กำหนดนั้น กรมฯ จะติดตามเรียกเงินภาษีคืน ซึ่งยอมรับว่าการคืนภาษีครั้งนี้ ไม่มีกลไกตามภาษีคืน และไม่มีค่าปรับเงินเพิ่ม เหมือนกับการไม่จ่ายภาษีกรมสรรพากร รัฐบาลต้องใช้กฎหมายแพ่งตามฟ้องเรียกภาษีคืนจากผู้ซื้อรถเป็นราย ๆ ไป
"เรายืนยันว่ามาตรการนี้มาถูกทางแล้ว เพราะต้องการให้โอกาสกับคนที่ต้องการเริ่มต้นชีวิต และหากยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นเศรษฐกิจจะดีขึ้น ส่งผลให้รัฐบาลจัดเก็บรายได้มากขึ้นตามไปด้วย และไม่ได้สวนทางกับการประหยัดพลังงาน เพราะได้กำหนดที่รถยนต์ประหยัดพลังงาน ประเภทอีโคคาร์ รวมถึงเครื่องยนต์ขนาดไม่เกิน 1,500 ซีซี ที่ไม่ได้ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มากนัก"
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า วันที่ 16 ก.ย. นี้ กรมสรรพสามิตจะนำรายละเอียดจำนวนเงินภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่ผู้ซื้อจะได้คืนขึ้นบนเว็บไซต์ www.excise.go.th ให้ผู้ซื้อรถตรวจสอบ และหากมีผู้มาขอคืนภาษีเกินวงเงิน 30,000 ล้านบาท กรมฯ จะขออนุมัติเงินงบประมาณเพิ่มจากรัฐบาลอีกครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคต แต่เบื้องต้นคาดว่าจะเพียงพอ เพราะประเมินจากสถิติการซื้อขายรถยนต์ในปีที่ผ่าน ๆ มารวมถึงเงินภาษีที่จัดเก็บด้วย
ทั้งนี้ ผู้ซื้อต้องส่งหลักฐาน 7 อย่าง ได้แก่ แบบคำขอคืนภาษีฯ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาหนังซื้อเช่าซื้อ สำเนาคู่มือการจดทะเบียนรถ หนังสือยินยอมสละสิทธิการโอนภายใน 5 ปี และหลักฐานการซื้อรถยนต์ ให้ที่กรมสรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งกรมฯจะใช้เวลา 7 วัน ยืนยันการได้รับคืนภาษี และผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนภายหลัง 1 ปีนับจากวันที่ซื้อ
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กล่าวว่า นับเป็นนโยบายที่ดีในการช่วยกระตุ้นการซื้อขายรถยนต์ และภาพรวมเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น อีกทั้งการเลื่อนวันมีผลบังคับใช้ให้เร็วขึ้น แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเข้าใจการทำงานของภาคเอกชนที่จะช่วยไม่ให้ธุรกิจสะดุดจากมาตรการของรัฐบาล ส่วนกรณีที่มีการจองซื้อรถไว้ก่อนหน้าวันที่ 16 ก.ย.ซึ่งอาจจะไม่ได้รับสิทธิจากมาตรการดังกล่าวนี้ ไม่น่าเป็นปัญหา เพราะว่า การจองซื้อนั้น ยังไม่มีพันธะสัญญา สามารถยกเลิกแล้วสั่งจองใหม่ได้ เพราะในการยื่นเอกสารขอรับสิทธิฯนั้น ต้องมีสัญญาซื้อขายด้วย
นายชลิต ศิลป์ศรีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ ในฐานะรองประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย กล่าวว่า มาตรการคืนภาษีสรรพสามิตไม่เกิน 1 แสนบาทสำหรับผู้ซื้อรถยนต์คันแรกนั้นจะทำให้ธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อมีเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อสูงกว่าปกติ โดยเฉพาะเงื่อนไขการวางเงินดาวน์รถ ซึ่งคงไม่สามารถให้เงินดาวน์ที่ 0% เหมือนกับลูกค้าปกติได้ เพราะภายหลังจากที่ครบ 1 ปี เมื่อผู้ซื้อได้รับเงินภาษีคืนไปแล้ว 1 แสนบาท อาจกระตุ้นให้ผู้ซื้อเลิกผ่อนชำระต่อ ดังนั้นธนาคารจึงต้องเพิ่มเงินดาวน์เพื่อลดความเสี่ยงหลังจากผ่าน 1 ปีไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลว่า มาตรการนี้อาจกระตุ้นให้ผู้เช่าซื้อกลุ่มใหม่ที่มีกำลังซื้อไม่มากพอ เข้ามาซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น หรืออาจสวมสิทธิซื้อแทนกันเพื่อหวังได้รับการคืนภาษี
นอกจากนี้ยอมรับอีกว่า ในกรณีที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระจนกลายเป็นหนี้เสียหลังจากที่ได้รับการคืนภาษีไปแล้ว ทางธนาคารจะต้องติดตามทวงหนี้ในส่วนของธนาคารก่อนเป็นลำดับแรก หากมีส่วนเหลือถึงอนุญาตให้ผู้เช่าซื้อนำเงินที่ได้รับจากมาตรการคืนภาษีของรัฐบาลไปคืนกรมสรรพสามิต
นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีเงา กล่าวว่า ถือว่าเป็นการใช้เงินภาษีที่ไม่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับนำเงินไปใช้ในด้านอื่นที่มีความจำเป็นมากกว่า เพราะต้องใช้เงินมากถึง 30,000 ล้านบาท และก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยประกาศนโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แต่ขณะนี้ยังไม่ดำเนินการ หากนำเงินภาษีจากนโยบายรถคันแรกไปลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า จะทำให้คนจำนวน 5 แสนคนต่อวัน ได้นั่งรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสายไปเป็นเวลา 30 ปี
ขณะที่ นายสรรเสริญ สมะลาภา ส.ส.ปชป. ในฐานะ รมช.คลังเงา กล่าวว่า นโยบายการคืนภาษีสรรพสามิตรถคันแรก ไม่ได้เป็นนโยบายช่วยคนจน รัฐบาลควรนำเงิน 3 หมื่นล้านบาท ไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมและรอความช่วยเหลือจากรัฐบาลในขณะนี้จะดีกว่า รัฐบาลต้องแก้ไขผลกระทบจากนโยบายภาษีรถคันแรก เรื่องปัญหาการจราจรที่จะมีรถเพิ่มบนท้องถนนถึง 5 แสนคัน ปัญหามลพิษ การประหยัดพลังงาน และการบิดเบือนโครงสร้างราคารถยนต์ ที่จะตามมาภายหลัง
ด้าน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม เปิดเผยหลังการประชุมหัวหน้าหน่วยงานเพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายว่า ที่ประชุมได้พิจารณาการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แต่นายประภัสร์ จงสงวน กรรมการผู้ช่วยรมว.คมนาคม ให้ข้อสังเกตว่า อาจทำไม่ได้ เนื่องจากบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีเอ็มซีแอล และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หากรัฐบาลเข้าไปประกันรายได้ อาจเป็นการเข้าข่ายไปจำกัดรายได้ของผู้ถือหุ้น อาจเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมกลับไปทบทวนใหม่ว่าจะทำได้หรือไม่ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะได้ข้อสรุป หากทำไม่ได้ก็ต้องจบอย่างมีเหตุมีผล คาดว่าประชาชนน่าจะเข้าใจได้ และจากนี้คงต้องมีรายงานตรงต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
นายประภัสร์ กล่าวว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทยประกาศไว้ชัดเจนว่า จะจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสายเมื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าเสร็จทั้ง 10 สาย แต่เนื่องจากปลัดกระทรวงคมนาคมไปให้ข่าวผ่านสื่อว่า จะเร่งทำนโยบายนี้ก่อน ซึ่งตนเห็นว่า เพื่อต้องการแสดงให้เห็นว่ากระทรวงคมนาคมพร้อมจะสนองนโยบายของรัฐบาล แต่ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องของผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่มีข้อสังเกตจากนายประภัสร์ แต่ขั้นตอนขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางความเป็นไปได้ว่าหากจัดเก็บค่าโดยสาร 20 บาทในขณะนี้จะส่งผลกระทบอะไรหรือไม่อย่างไร หากดำเนินการแล้วเกิดปัญหาตามมาก็พร้อมที่จะทบทวน เรื่องนี้คงต้องไปดูในรายละเอียดว่าจะทำได้หรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างประมาณการผู้โดยสาร คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ธ.ค. นี้. | 
