รบกวนช่วยสรุปกระบะ2012ทีครับ
avatar
ปริญญา


สนใจกระบะแค็ปหรือ4ประตูออโต ตามนโยบายรัฐที่ลดหย่อนให้100000 รบกวนผู้รู้ขอรายละเอียดรุ่นและคาดการว่าจะออกสู่ตลาดด้วยครับ



ผู้ตั้งกระทู้ ปริญญา :: วันที่ลงประกาศ 2011-09-13 09:23:57 IP : 61.90.105.241


1

ความคิดเห็นที่ 3 (3306992)
avatar
ปริญญา

เคียล์เลยครับ จริงๆน่าจะให้รถมือ2ด้วย ไม่น่าให้แต่มือ1เลย

ผู้แสดงความคิดเห็น ปริญญา วันที่ตอบ 2011-09-14 21:36:00 IP : 58.9.3.167


ความคิดเห็นที่ 2 (3306921)
avatar
อ๊อฟ

มันลดได้"ไม่เกิน 1 แสน" นะครับ คือตามภาษีที่จ่ายจริงไม่ใช่ลดได้ 1 แสนเลย

-------------------------------------------------

เคาะงบปี55สูง2.33ลล.บาทคืนภาษีรถ1แสนบาทมีผลทันที16กันยาฯนี้
Source - บ้านเมือง (Th
Wednesday, September 14, 2011  08:01
      ครม.เคาะงบปี 55 วงเงิน 2.33 ล้านล้านบาท คาดรายได้ 1.89 ล้านล้านบาท งบดุล 3.5 แสนล้านบาท ขณะที่ไฟเขียวแล้วคืนภาษีรถคันแรก เริ่ม 16 ก.ย.ถึงสิ้นปีนี้ คาดมีรถ 5 แสนคันร่วมใช้สิทธิ์กันสุดคึกคักแน่ สำหรับรถยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี. ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทพร้อมอุ้มดีเซลออกไปอีก 3 เดือน หวังลดภาระค่าครองชีพประชาชน
          นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เรื่องมาตรการทางภาษีสนับสนุนการมีรถยนต์คันแรก โดยกรมสรรพสามิตจะดำเนินการคืนเงินภาษีให้สำหรับรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี. และมีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งสามารถขอคืนภาษีสรรพสามิตได้จากฐานการคำนวณภาษี โดยมีอัตราสูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาทต่อคัน อาทิ หากเป็นรถยนต์อีโคคาร์ จะมีอัตราการเสียภาษีสรรพสามิตรถยนต์อยู่ที่ 17% ของราคาขายประมาณ 5 แสนบาท จะมีอัตราภาษีอยู่ที่ 8 หมื่นบาทต่อคัน ขณะที่รถยนต์กระบะธรรมดา อัตราภาษีอยู่ที่ 3% ส่วนรถยนต์ดับเบิลแคบ จะมีอัตราภาษีอยู่ที่ 12% ก็จะให้คำนวณตามฐานภาษีสรรพสามิตดังกล่าว แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท
          ทั้งนี้ มีเงื่อนไขว่าผู้ซื้อรถยนต์คันแรกที่จะได้รับประโยชน์นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 21 ปีบริบูรณ์ และห้ามมีการโอนเปลี่ยนมือผู้ถือครองรถยนต์ดังกล่าว เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยมาตรการดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.54-31 ธ.ค.55
          "จากเดิมกระทรวงการคลังจะเสนอให้เริ่มมาตรการภาษีรถยนต์คันแรก ในวันที่ 1 ต.ค.54 แต่ที่ประชุม ครม.เห็นว่าหากประกาศใช้มาตรการในวันที่ 1 ต.ค.54 จะส่งผลทำให้เกิดการชะลอการซื้อขายรถยนต์ในขณะนี้ ดังนั้นที่ประชุม ครม.จึงมีมติให้เริ่มมาตรการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.54 ไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.55" นายบุญทรง กล่าว
          สำหรับการคืนภาษีสรรพสามิตรถยนต์ตามมาตรการดังกล่าว ทางกรมสรรพสามิตจะดำเนินการคืนภาษีให้ในปีถัดไป โดยจะจ่ายเป็นเช็คและมีลักษณะแนวทางเดียวกันกับการจ่ายเช็คช่วยชาติของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะมีคนเข้าร่วมโครงการดังกล่าวประมาณ 5 แสนราย คิดเป็นวงเงินงบประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
          นอกจากนั้น ในวันที่ 14 ก.ย.นี้ ทางกรมสรรพสามิตจะเชิญผู้ประกอบการรถยนต์ในประเทศทุกค่าย สถาบันการเงินที่จะปล่อยสินเชื่อ บริษัทประกันภัยรถยนต์มารับฟังการชี้แจงรายละเอียดแนวทางปฏิบัติให้รับทราบโดยทั่วกัน
          ด้าน น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวด้วยว่า คาดการณ์ว่าจะมียอดจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้สิทธิ์ในมาตรการคืนภาษีรถยนต์คันแรกประมาณ 5 แสนคัน โดยเน้นรถประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์), รถยนต์นั่งขนาดไม่เกิน 1,500 ซีซี. และรถปิกอัพที่มีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณสำหรับการชดเชยภาษีสรรพสามิต ดังกล่าวไว้ที่ 30,000 ล้านบาท และมั่นใจว่าจะไม่เป็นภาระงบประมาณ เนื่องจากมาตรการนี้จะช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งรัฐบาลจะได้ประโยชน์จากการเก็บภาษีรถยนต์เพิ่มขึ้นด้วย
          ขณะที่นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไปอีก 3 เดือน จากเดิมที่จะครบกำหนดในวันที่ 30 ก.ย.นี้ โดยการต่ออายุมาตรการดังกล่าวเพื่อเป็นการช่วยเหลือลดค่าครองชีพให้กับประชาชน และภาคขนส่ง ซึ่งเมื่อใกล้ครบกำหนดในช่วงสิ้นปีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานจะมีการหารือกันเพื่อกำหนดแนวทางที่เหมาะสมต่อไปให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
          ด้านนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 55 วงเงิน 2.33 ล้านล้านบาท โดยประมาณการรายได้ไว้ที่ 1.98 ล้านล้านบาท เป็นงบเงินดุล 3.5 แสนล้านบาท แบ่งออกเป็นงบลงทุน 3.84 แสนล้านบาท ชำระเงินกู้และดอกเบี้ย 5.81 หมื่นล้านบาท และการใช้เงินคงคลัง 5.4 หมื่นล้านบาท
          "เหตุที่ขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น เพราะต้องตั้งไว้จ่ายค่าตอบแทนบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการที่ตั้งไว้ในรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งใช้เงินคงคลังไป 5 หมื่นล้านบาท แต่หากดูตัวเลขจริง รัฐบาลนี้มีงบประมาณขาดดุลที่แท้จริง 3 แสนล้านบาท" นายธีระชัย กล่าว
          นอกจากนี้ ครม.ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงบประมาณไปหารือถึงปัญหาภาระหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูระบบสถาบันการเงิน เนื่องจากรัฐบาลต้องตั้งงบประมาณชำระดอกเบี้ยถึงปีละ 6 หมื่นล้านบาท โดยหาแนวทางว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ๊อฟ วันที่ตอบ 2011-09-14 10:19:55 IP : 61.90.147.245


ความคิดเห็นที่ 1 (3306897)
avatar
ต.ตุ้ย

ใจเย็นๆ ช่วงปลายปีนี้มีมาเยอะแน่นอน...สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น...

ผู้แสดงความคิดเห็น ต.ตุ้ย วันที่ตอบ 2011-09-14 07:20:30 IP : 124.122.171.73



1


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.