เห็นด้วยครับคห6

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณกล้วยครับ....

สงสารคนไทยนะ ไม่ค่อยจะคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองก่อนเอะอะก็ให้แรงเขาไว้  ขายต่อราคาไม่ตก เดี๋ยวนี้รถกะบะเขาผลิตในประเทศไทยกันหมดแล้วครับ  ไม่ต้องกลัวอะไหล่แพงหรอก ชีวิตคนมันไม่ได้เปลี่ยนบ่อยได้เหมือนรถนะ รถสมรรถนะที่ดีมันต้องดีมาจากสายการผลิต ไม่ใช้คนซื้อต้องมาปรับเปลี่ยนนั้น เปลี่ยนนี้ แล้วมันจะมีมาตรฐานได้อย่างไร

555+ ขอโทษทีครับ พอดี Copy มาวางลืมตัดออกครับ.... รุ่น 3.2 = 470 นิวตัน-เมตรครับผม

แรงบิดมาช้ากว่า Vigo จริง แต่ค่าแรงบิดมันต่างกันเยอะครับ Vigo มีแค่ 343 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400 - 3,200 รตน. (น้อยกว่า Ranger ตั้ง 127 นิวตัน-เมตรครับ...เหมือนได้เครื่องรถ Eco Car มาเสริมอีกเครื่องอะครับ)...บวกเกียร์ Powershift คลัตช์คู่ 6 จังหวะ รับรองแรงคนละชั้นแน่นอนครับ ไม่ต้องห่วง

ฟอร์ด 3.2

  -แรงบิด375/470 หมายความว่าอย่างไรครับ

  -แรงม้าสุดที่ 3000 รอบ ต่ำจังเครื่องคงสึกหรอน้อย

  -แรงบิดมาช้าและหมดเร็วกว่าวีโก้อีก น่าจะสู้ได้นะ

ดีแฮะมีความเห็นขัดแย้งกัน ผมใช้ ต้า ไทเกอร์ ปีนี้ปีที่ 12 แล้ว ไม่จุกจิก แต่ 0 ให้เปลี่ยนอย่างเดียวเลย มันก็ทุก 0 แหละท่าน อะไรไม่ดีให้เปลี่ยนหมด คห.4 ลองมา ต้า สาขาลำปลายมาศดูซิ แล้วจะซึ้งเลยว่า ไม่ได้ดีไปทุก 0 หรอกครับ เจอกับตัวผมเองหลายเคสแล้ว เจ๊งกระบ้งครับ ซื้อรถที่ไม่จุกจิกดีกว่า เดี๋ยวนี้มาตรฐานไม่ต่างกันหรอก เอาความปลอดภัยดีที่สุดครับ ไม่ร่อนไม่แกว่ง หักหลบกระทันหันแล้วไม่หมุนหรือพลิกจะเยี่ยมสุดครับ

กด like คห.ที่ 6 การใช้รถ เน้นความปลอดภัยในชีวิต  มาเป็นอันดับ 1   คุณภาพของรถ

มาเป็นอันดับ 2   ส่วนปัจจัยอื่นๆเป็นเรื่องรอง ลงมาครับ. เช่น คิดว่าขายต่อราคาตก จริงๆ

ราคามันตกตั้งแต่ขับออกมาจาก showroom แล้วครับ. ขาดทุนมากหรือน้อยแค่นั้นเอง.

(รถมันก็ ลด สมชื่อละครับ)  ส่วน ศูนย์บริการ ตามตัวจังหวัดเริ่มมีมากขึ้นแล้วครับ เพื่อรอง

รับการขยายตัวของสินค้าแต่ละยี่ห้อ.(นี่ไม่นับช่างซ่อมเก่งๆนอกศูนย์อีกเยอะ)

ปล. เป็นความเห็นส่วนตัวครับ. เรื่องของความคิดเห็น ไม่มีใครผิด ใครถูก ครับ.

เห็นด้วยกับคุณ Non Wacharakiat ครับ

อีกอย่างคือผมชอบรถที่แต่งได้ทั้งเครื่องเสียง เครื่องยนต์ ชอบแรงบิดสูงมากกว่าแรงม้าสูงเพื่อการเร่งแซงที่มั่นใจแต่ไม่เน้นความเร็วสูง ในความคิดผม กระบะที่มีม้า150 แรงบิด400+- นี่น่าจะเหลือๆสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน คือในราคาที่เท่ากันสำหรับเรนเจอร์2.2กับอีซูซุ3.0 ผมเลือกอีซูซุ แต่ถ้าในราคาที่เท่ากัน เป็นตัวเรนเจอร์3.2กับอีซูซุ3.0 ผมเอาเรนเจอร์

ผมกลับมองที่ราคาซื้อที่ต้องจ่ายและ0บริการ ไม่ได้มองราคาขายต่อเพราะผมเป็นคนใช้รถนานเป็น10ปีเช่นกันคือใช้จนคิดว่าซ่อมไม่คุ้ม

ที่มองที่ราคาซื้อ คือดูความคุ้มค่าของราคาที่จะต้องจ่ายว่าได้อะไรบ้าง ซึ่งเน้นความสะดวกสบายมากกว่าเพราะไม่ใช่คนขับรถกดหมดไมล์ ที่มองที่0 เพราะเคยไปตจวด้วยรถที่ไม่ใช่รถตลาด เกือบกินข้างลิงบนเขาใหญ่ ต้องลากเข้ากทมอย่างเดียว

555+ ตัวเล็กอีกแล้ว....แก้ตัวอีกทีนะครับ...

@คุณป๋องแป๋งน่าจะมีแนวคิดแบบคนใช้รถส่วนใหญ่ คือ

- ยังไม่ทันซื้อก็คิดถึงราคาขายต่อแล้ว (ผมใช้รถเกินสิบปีอยู่แล้ว ไม่คิดถึงเรื่องนี้ เน้นสมรรถนะและความปลอดภัยมาก่อน)

- เรื่องอะไหล่ถ้าเป็นยุคคอมมอนเรลก็ต้องพึ่งศูนย์ฯ ทั้งนั้น ของ FORD Ranger กับ MAZDA BT-50 ใช้ของ BOSCH ซึ่งมีศูนย์ฯ ข้างนอกด้วย....

สรุปว่า (ตามความคิดผม) ถ้ารถคุณภาพดี มันก็ไม่จุกจิกและไม่ต้องซ่อมบ่อย สมรรถนะดี (แรงม้าแรงบิดเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ต้องดูแรงม้าลงพื้นจริง ฐานล้อ โครงสร้างและการกระจายน้ำหนักรถ ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน โครงสร้างภายในเครื่องยนต์ ชนิดฝาสูบ ระยะเวลาการบำรุงรักษา ฯลฯ....มีอีกหลายปัจจัยในการพิจารณาซื้อรถครับ) ผมเน้นขับปลอดภัยอุ่นใจ มันดีกว่าที่จะมาเน้นสิ่งที่ไม่ใช่สาระสำคัญสำหรับผมในการซื้อรถมาใช้สักคัน เช่น ราคาขายต่อ ศูนย์บริการที่มีจำนวนมาก หรือ พริตตี้สวยๆ ฯลฯ...

ของดีไม่ต้องโฆษณา ของที่โฆษณามากมักไม่ดี

@คุณลูกบอล...จัดให้ครับ (ยังดีที่ผมทำใส่ MS Word แล้วลอกมาใส่ในกระทู้เลยสบายหน่อนครับผม)...

คุณลูกบอลครับ  อยากใหญ่  กด Ctrl และ +

เอาอะไรมาเป็นตัววัดหรือครับ ใช้แรงม้า กับ แรงบิด มาเป็นตัววัดหรือครับ ข้อมูลด้านอื่นไม่นำมาเป็นส่วนประกอบหรือครับ  เช่น ศูนย์บริการ อะไหล่ แท้   เทียม  ราคาขายต่อ ผมว่าพวกนี้แหละเป็นข้อมูลหลักๆ  ในการตัดสินใจ

 ด้วยความสัตย์จริงครับ  ผมอ่านคอมเมนต์ ของ พี่นนท์ ไม่เห็นครับ ถ้าถอดแว่นออกยิ่งไปกันใหญ่  จะ copy ไปวางใน notepad เหมือนแต่เก่าก่อนก็ทำไม่ได้ อีก  เง้อ 

เซ็งเป็ด ................  รบกวน พี่นนท์ revise คำตอบอีกรอบ แบบตัวใหญ่ ๆ ได้ป่ะ ครับ  แทงยู

อ้อ...ลืมไปข้อหนึ่งครับ.... FORD Ranger ลุยน้ำได้ลึกที่สุดในตลาดรถกระบะ คือ 80 ซม.ครับ (ตามข้อมูลโรงงาน สภาพเดิมๆ ไม่ได้ดัดแปลง)

ใน 3 รุ่นนี้ ผมขอเรียงลำดับความคุ้มค่าน่าใช้ (ในมุมมองของผม) จากที่ศึกษาข้อมูลในกระดาษ คร่าวๆ ดังนี้ครับ

1) FORD Ranger/MAZDA-BT-50: ใหม่หมดทั้งตัวถังและเครื่องยนต์:

- เบ็นซิน 2.5 ลิตร 4 สูบ 166 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิด 226 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รตน. เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ

- ดีเซล 2.2 ลิตร เทอร์โบแปรผัน 4 สูบ 150 แรงม้า ที่ 3,700 รตน. แรงบิด 375 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 - 2,500 รตน. เกียร์ธรรมดา/อัตโนมัติ 6 จังหวะ เพาเวอร์ชิฟท์ คลัตช์คู่

- ดีเซล 3.2 ลิตร 5 สูบ เทอร์โบแปรผัน 200 แรงม้า ที่ 3,000 รตน. แรงบิด 375/470 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 - 2,750 รตน. เกียร์ธรรมดา/อัตโนมัติ 6 จังหวะ เพาเวอร์ชิฟท์ คลัตช์คู่

ถ้าต้องการข้อมูลอัตราทดเกียร์และเฟืองท้าย ผมจะส่งให้ทางเมล์ได้นะครับ

2) CHEVROLET Colorado:

3) ISUZU D-Max:

- ดีเซล 3.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบแปรผัน 177 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตัน-เมตร

- ดีเซล 2.5 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบแปรผัน 136 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตัน-เมตร

- ดีเซล 2.5 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ 116 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตัน-เมตร

ที่แน่ๆ ผมจะไปลองขับด้วยตัวเองทุกรุ่นครับ เพราะแต่ละตัวน่าสนใจทั้งนั้น