อนาคตของน้ำมันไบโอดีเซลในแง่มุ...

อนาคตของน้ำมันไบโอดีเซลในแง่มุมของผู้ผลิตน้ำมันปาล์ม
คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ	เมื่อวันอังคารที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ผมได้ไปเยี่ยมชมกิจการของบมจ. ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม (UVAN) ที่ จ. กระบี่ โดยได้รับการต้อนรับจากคุณ จอห์น ฮาร์วีย์ เคลนดอน กรรมการผู้จัดการและทีมงานผู้บริหาร โดยได้ไปเยี่ยมชมสวนปาล์มน้ำมัน หน่วยงานวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ปาล์มน้ำมัน โรงกลั่นน้ำมันปาล์มและโรงผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ โดยได้พูดคุยครอบคลุมปัญหาต่างๆคือ สภาวะตลาดน้ำมันปาล์มดินตั้งแต่รัฐบาลประกาศใช้มาตรการที่จะใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี 2 แล้วเพิ่มมาเป็น บี 3 และ บี 5 กระทรวงพลังงานได้มีการวางแผนมาเป็นอย่างดีที่ได้ปรับสัดส่วนการผสมน้ำมันไบโอดีเซลให้เพิ่มขึ้นมาเป็นระยะๆไป ทำให้การปลูกต้นปาล์มและผลิตน้ำมันปาล์มให้รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นสามารถทำได้อย่างมีระบบและไม่ทำให้เกิดการขาดแคลน เพราะก่อนหน้านี้มีผู้บริโภคจำนวนมาก กังวลว่าการที่นำเอาน้ำมันปาล์มมาใช้เพื่อการทดแทนน้ำมันดีเซลบ่างส่วนนั้น จะทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำมันปาล์มเพื่อใช้ในการบริโภค ซึ่งมาถึงวันนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้น ส่วนการที่ราคาน้ำมันปาล์มปรับตัวสูงขึ้นในระยะนี้นั้น เกิดจากการที่ผลปาล์มในปีการผลิตใหม่ ยังไม่ออกสู่ตลาด จึ้งทำให้มีปริมาณผลปาล์มออกสู่ตลาดน้อย ซึ่งคาดว่าเมื่อถึงฤดูการผลิตผมปาล์ม ราคาก็จะกลับลดลงมาเหมือนเดิม ส่วนความกังวลว่าปริมาณน้ำมันปาล์มดิบจะไม่เพียงพอนั้น ขอให้หมดกังวลไปได้ เพราปัจจุบันนี้ ตลาดยังดำเนินการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบไปต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้าความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อที่จะเอาไปทำการกลั่นเป็น B100 เพิ่มขึ้น ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบก็มีสินค้าพร้อมรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในทันที นโยบายที่รัฐบาลจะใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี 10 จากการพูดคุยพอที่จะสรุปได้ว่า ภาครัฐคงจะใช้นโยบายแบบเดิมคือค่อยๆเพิ่มอัตราการผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์หรือ B100 ลงไปในน้ำมันดีเซล เช่น อีกสามถึงสี่ปีข้างหน้า เปลี่ยนน้ำมันไบโอดีเซลจาก บี 5 ไปเป็นไบโอดีเซล บี 7 และเมื่อครบปีที่ 10 ก็เปิดตัวน้ำมันไบโอดีเซล บี 10 เป็นต้น โดยคาดว่ากว่าที่เราจะมีน้ำมันไบโอดีเซล บี 10 ใช้จริงๆก็คงจะต้องรอต่อไปอีกเป็นเวลาอย่างน้อย 10 ปี เพื่อให้อุตสาหกรรมรถผลิตเครื่องยนต์เพื่อออกมารองรับน้ำมันไบโอดีเซล บี 10 และทางภาคการผลิตน้ำมันปาล์มสามารถเพิ่มพื้นที่การผลิตผลปาล์มและเพิ่มจำนวนโรงกลั่นเพื่อผลิตน้ำมันปาล์มดิบให้สูงขึ้นเพื่อสนองความต้องการของตลาด และถ้าเกิดผลการผลิตปาล์มในประเทศไม่เพียงพอเพราะอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศละ ภายในเดือนธันวาคมนี้ ประเทศเพื่อบ้านของไทยจะเริ่มโครงการปลูกปาล์มจำนวน หนึ่งแสนห้าหมื่นไรและจะสร้างโรงหีบปาล์ม โรงผลิตกระแสไฟฟ้าแบบชีวภาพ และโรงกลั่นน้ำมันปาล์มให้แล้วเสร็จภายในสี่ปีนี้ ดังนั้นเรื่องปริมาณของน้ำมันปาล์มจึงไม่น่าเป็นห่วงว่าจะขาดแคลนเพราะถ้าขาดแคลน เราก็สามารถนำเข้าได้จากประเทศเพื่อนบ้าน การเพิ่มพื้นที่เพื่อการผลิตปาล์มเป็นต้นเหตุให้มีการบุกรุกป่าเพิ่มขึ้น จริงหรือไม่ ไม่จริง เพราะปัจจุบัน บางจังหวัดในภาคใต้ซึ่งเป็นพื้นที่ๆเหมาะสมกับการปลูกปาล์มเพราะสภาพอากาศที่เหมาะสม ได้มีชาวนาจำนวนมากที่ได้หยุดการทำนาและปล่อยที่ดินทิ้งว่างเอาไว้ เพราะปลูกข้าวไม่คุ้มทุนเพราะข้าวราคาตก ได้เริ่มหันมาทำการปลูกปาล์มแทน ซึ่งคาดว่าภายในปลายปีนี้ เราจะได้เห็นการปลูกปาล์มที่เพิ่มขึ้นในจังหวัดนครศรีธรรมราชอย่างแน่นอน และในปีหน้า จะมีการสร้างโรงหีบปาล์มในจังหวัดนครศรีธรรมราชอีกด้วย การที่ภาครัฐอ้างว่าการที่เราใช้น้ำมันไบโอดีเซลนั้นจะช่วยเกษตกรเป็นเรื่องจริงหรือไม่ จากการพูดคุยกับเกษตรกรที่มาเป็นลูกจ้างรายวันให้กับทางบริษัทยูนิวานิช ทราบว่า ทางบริษัทว่าจ้างคนงานโดยจ่ายเป็นรายวันคนละ 300 บาทต่อวัน ถ้าเป็นคนงานชายก็จะนำไปใช้แรงงานหนักเช่นตัดผลปาล์ม ขับรถตัดหญ้าเป็นต้น ส่วนสุภาพสตรีก็จะจ้างเพื่อมาทำการเตรียมถุงเพาะชำกล้าปาล์ม เรียงถุงต้นปาล์ม เป็นต้น ส่วนเด็กๆ ทางบริษัทจะว่าจ้างเด็กๆในพื้นที่เขามาช่วยงานในวันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดเรียนและช่วงปิดเทอม เพื่อเป็นการสร้างรายได้ช่วยพ่อ-แม่ โดยงานส่วนใหญ่จะเป็นงานเบาๆเช่นเก็บลูกปาล์มที่สุกแต่หล่นในระหว่างเก็บเกี่ยวเพื่อนำเอาไปเพาะชำในโรงเพราะชำ หรือไม่ก็มาช่วยมารดามาทำถุงเพาะชำ ซึ่งทางบริษัทจ่ายค่าจ้างในอัตราเดียวกันกับที่จ้างผู้ใหญ่คือวันละ 300 บาทต่อคนเช่นกัน ดังนั้นคนท้องถิ่นจึงได้รับประโยชน์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงๆ สำหรับอดีตชาวนาที่มีที่ดินว่างเปล่าเพราะไม่ได้ทำนาแล้ว ก็สามารถเอาที่ดินเข้ามาร่วมโครงการปลูกปาล์ม ซึ่งที่ผ่านมามีปริมาณเพิ่มขึ้นตลอดเวลาและผู้ที่พึ่งเริ่มได้ผลผลิตจากการปลูกปาล์มครั้งแรก ต่างพอใจกับผลที่ได้เป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลดังกล่าว ชาวบ้านในจังหวัดนครศรีธรรมราชจึงได้ส่งตัวแทนขึ้นมาทำการอบรมที่กระบี่เพื่อที่จะลงไปอบรมเกษตรกรที่นครศรีธรรมราช เพราะเขาเห็นแล้วว่าคนรากหญ้าได้ผลจริงและเต็มเม็ดเต็มหน่วย ที่ดินที่วางเปล่าของพวกเขา ไม่ได้สร้างรายได้ให้พวกเขาเลย แถมคนหนุ่มสาวก็หนีไปตำงานที่กรุงเทพกันหมด แต่พอเอาที่ดินมาทำการปลูกปาล์ม คนหนุ่ม-สาวก็ได้เดินทางกลับมาทำสวนปาล์มเหมือนก่อนหน้านี้
ผู้ตั้งกระทู้ คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ :: วันที่ลงประกาศ 2010-08-24 08:42:09 IP : 58.8.81.232

แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *

ผู้แสดงความคิดเห็น *
อีเมล
	ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล