ประสบการณ์ตรงเลยค่ะ ถ้าเขาซื้อเงินสด เอกสารก็ตามที่ข้างบนบอกค่ะ แต่ถ้าเขาจะซื้อโดยเขาขอสินเชื่อจากบ.เงินกู้ เวลาเซ็นต์สัญญาคุณต้องดูดีๆ แต่อันดับแรกต้องตกลงกันก่อนว่า ค่าโอนใครจะจ่าย ดิฉันเคยขายรถให้คนคนหนึ่ง เขาบอกเขาขอสินเชื่อจาก บ. กรุง...วันทำสัญญาเขาให้เราเซ็นต์ในเอกสารอ่านดูแล้วประหลาดมากเลย ค่าจ่ายรถงวดแรก ค่าประกันภัยชั้นหนึ่ง ค่าโอน ค่า พรบ. ให้ผู้ขายเป็นคนจ่าย แปลกมั๊ย ไม่เข้าว่าทำไมเขาเขียนอย่างนั้น ดิฉันเลยขอระงับการขาย (พูดง่ายคือ ไม่ขาย ยกเลิก) แต่คนที่จะซื้อบอกว่า สัญญาเขาเป็นแบบนั้น แต่ในทางปฏิบัติเขาจะเป็นคนจ่าย ดิฉันว่า เราไม่ได้รู้จักมักคุ้นกัน ขนาดคนเห็นกันทุกเมื่อเชื่อวันยังโกงกันได้ เอาอย่างนี้ก็แล้ว ดิฉันจึงเสนอเขาว่าให้ทำสัญญาประกบขึ้นอีกฉบับหนึ่ง คือเงินทีซื้อขายรถคันนี้ ราคาเท่านี้ และผู้ขายจะต้องได้รับเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ หากไม่ได้ ผู้ขายมีสิททธิ์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ และค่าดำเนินการผู้ซื้อจำต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และให้ตำรวจระดับสัญญาบัตรเซ็นต์เป็นพยาน คือซื้อขายรถนี้ต้องระวังนะคะ ต้องรอบคอบ ศึกษาให้ดี คนที่จะบอกเราได้มากที่สุดคือ เจ้าหน้าที่ขนส่งค่ะ  ไปหาเขาแล้วขอคำปรึกษาว่าต้องทำยังไง เคยได้ยินมั๊ยค่ะ ขายรถไปแล้ว อยู่ๆก็มีหมายจากตำรวจว่า เราขัยรถชนคนตาย ระวังไว้ก็ดีนะ

 หลักฐาน -สมุดคู่มือรถ -สำเนาทะเบียนบ้านสำเนาบัตรปชช.ของทั้ผู้ซื้อและผู้ขาย -ใบซื้อขายรถ -ใบคำขอโอนรถ(ของขนส่ง)ต้องมีลายเซ็นของทั้ผู้ซื้อและผู้ขาย

      ค่าใช้จ่าย -ค่าธรรมเนียมการโอน105บาท- ค่าอากรคิดจากราคารถแสนละ500บาท -ค่าภาษีประจำปีและอาจมีค่าตรวจสภาพอีกไม่เกิน200

-               

 หลักฐาน -สมุดคู่มือรถ -สำเนาทะเบียนบ้านสำเนาบัตรปชช.ของทั้ผู้ซื้อและผู้ขาย -ใบซื้อขายรถ -ใบคำขอโอนรถ(ของขนส่ง)ต้องมีลายเซ็นของทั้ผู้ซื้อและผู้ขาย

      ค่าใช้จ่าย -ค่าธรรมเนียมการโอน105บาท- ค่าอากรคิดจากราคารถแสนละ500บาท -ค่าภาษีประจำปีและอาจมีค่าตรวจสภาพอีกไม่เกิน200

-