รถถูกชน เสียหายทั้งคัน
avatar
phichee


เรียนสอบถาม รถถูกชนได้รับความเสียหายทั้งคัน ประกันจ่ายตามวงเงิน แต่ไม่คุ้มกับราคารถ รถใช้งานไม่ถึง 1 ปี ฟ้องเรียกร้องคู่กรณีได้หรือไม่ ขั้นตอนยุ่งยากหรือไม่ มีหลักฐานบันทึกกรณีถูกชน คู่กรณ๊ยอมรับว่าผิดขับรถโดยประมาทแต่เป็นพนักงานขับรถของบริษัทเอกชน ฟ้องส่วนเรียกส่วนต่างตามราคารถมีโอกาสได้หรือไม่  ขอบคุณมาก



ผู้ตั้งกระทู้ phichee :: วันที่ลงประกาศ 2012-01-04 15:34:09 IP : 61.47.64.8


1

ความคิดเห็นที่ 5 (3322119)
avatar
ขับ estate เก่าๆ

 ขอเตือนอีกอย่างว่า อย่าทำการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง(ตกลงกันเอง)เพราะบางครั้งจะเป็นเล่ห์กลทำให้คดีขาดอายุความ

 ในทางปฏิบัติหลังจากคุณฟ้องเป็นคดีแพ่งแล้วศาลจะมีการนัดไกล่เกลี่ยกันก่อน ทนายทางประกันเขาจะมีวงเงินที่ยอมรับได้มาระดับหนึ่ง ถ้าคุณรู้จักกับผู้ใหญ่ทางนู้น หรือคนในคปภ. ก็ให้เขาช่วยพูดให้ได้ จบง่ายจ่ายเร็ว วันเดียวเช็คออก ถ้ายังไม่พอใจให้ดูที่นายจ้างต่อดูว่านายจ้างจะจ่ายได้เท่าไหร่ผ่อนได้ไหม ถ้านายจ้างท่าทางกิจการง่อนแง่นก็ให้หาคนมาค้ำประกัน ไม่จำกัดวงเงินเผื่อดอกมันจะงอกในวันข้างหน้า พิพากษาตามยอมไป  หรือหาทรัพย์มาจำนองเป็นประกันหนี้ทั้งต้นทั้งดอก ส่วนจำนำนั้นวุ่นวายกับคุณอย่าได้ทำ... ส่วนคนขับรถได้ไม่ได้ไม่ต้องซีเรียสเพราะมักไม่ค่อยมีตังค์อยู่แล้วให้ทำแบบเดียวกับนายจ้าง หากตกลงกันได้ศาลจะพิพากษาตามยอม คดีส่วนใหญ่มักจะจบกันตรงนี้

  หากตกลงไม่ได้ศาลจะนัดสืบพยาน คดีน่าจะเสร็จในเวลาไม่เกิน 1 ปี เว้นแต่จะอุทธรณ์ ฎีกา

ผู้แสดงความคิดเห็น ขับ estate เก่าๆ วันที่ตอบ 2012-01-05 21:10:45 IP : 171.7.215.143


ความคิดเห็นที่ 4 (3322101)
avatar
ขับ estate เก่าๆ

ประการแรกถ้ายังไม่แจ้งความให้ไปแจ้งความก่อน แต่ผมเข้าใจว่ากรณีเช่นนี้ตำรวจน่าจะรับเป็นคดีแล้วเพราะประกันยอมจ่ายค่าสินไหมทดแทน ส่วนแจ้งไว้ทำไมผมจะเอาไว้เล่าที่หลัง

ไม่ทราบว่าประกันของใครครับ? ถ้าเป็นประกันของคู่กรณี คุณอย่าเซ็นสัญญาประนีประนอมยอมความเด็ดขาดครับ สำคัญมากๆ   หากคุณเซ้นสัญญาประนีประนอมยอมความถือว่าค่าเสียหายส่วนอื่นเป็นอันระงับ คุณไม่มีสิทธิฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายใดๆได้อีก ถ้าเซ็นไปแล้วต้องนำสัญญามาศึกษาให้ละเอียดว่าพอจะเหลือใครที่ฟ้องได้บ้าง
   แต่ถ้าเป็นประกันฝ่ายของคุณค่าเสียหายส่วนที่่ประกันฝ่ายคุณออกให้ เขาจะไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากคู่กรณี อันนีี้เรียกว่าช่วงสิทธิ แต่คุณก็สามารถเรียกค่าเสียหายส่วนต่างระหว่างความเสียหายจริงกับค่าสินไหมที่คุณได้รับได้ 

    ในการฟ้องร้องคดีให้คุณฟ้องร้องฐานละเมิดมาตรา 420 ปพพ. โดยฟ้องคนขับรถเป็นจำเลยที่ 1 ส่วนบริษัทที่เป็นนายจ้างของคนขับรถเป็นจำเลยที่ 2 เพราะนายจ้างต้องร่วมรับผิดในละเมิดที่ลูกจ้างได้กระทำในทางจ้างงาน และฟ้องบริษัทประกันของคู่กรณีคุณเป็นจำเลยที่ 3 ฐานเป็นผู้รับประกัน

    ส่วนบรรยายฟ้องคุณก็บอกว่าจำเลยที่ 1 ขับรถชนคุณและประมาทอย่างไร เขายอมรับผิดอย่างไร มีเอกสารที่มีเนื้อหายอมรับผิดหรือไม่ แล้วก็บรรยายว่าจำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างลูกจ้างกันหรือไม่ จำเลยที่ 1 ได้กระทำการในการจ้างหรือไม่ ส่วนจำเลยที่ 3 เป็นประกันภัยก็บอกว่ารับประกันภัยกันอย่างไร การฟ้องคดีต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับตั้งแต่เหตุเกิด มิเช่นนั้นขาดอายุความ

    การพิสูจน์หลักฐานก็จะพิสูจน์ในประเด็น

ก.จำเลยที่ 1 ประมาทหรือไม่ คุณก็ต้องเอาคำรับสารภาพของจำเลยที่ 1  หรือรูปถ่ายที่เกิดเหตุมานำสืบต่อศาล

ข.จำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างจำเลยที่ 1 จริงหรือไม่ ก็คงต้องดูตามพฤติการณ์ เช่นขับรถไปส่งของ อะไรทำนองนี้ หรือถ้าได้สัญญาจ้างมาก็จะแจ่มมาก

ค.จำเลยที่ 1 ได้กระทำการในทางที่จ้างจริงหรือไม่ คือต้องพิสูจน์ว่าเขาได้รับคำสั่งจากนายจ้างมาทำงาน มิใช่ขโมยรถออกมาขับเล่น ถ้าพฤติการณ์ว่าเขาขับรถไปส่งของ หรือบริการลูกค้าอยู่ อันนี้จะง่าย

ง.รถคันที่จำเลยขับเป็นรถที่เอาประกันภัยกับจำเลยที่ 3 หรือไม่ อันนี้ขอศาลออกหมายเรียกกรมธรรม์จากจำเลยที่ 3 ได้

จ.อันนี้สำคัญ มันจะบอกว่าคุณได้เงินเท่าไหร่อาจแบ่งย่อยได้เป็น

   1.ค่าเสื่อมราคา คือทรัพย์สินของคุณลดมูลค่าไปเท่าใด อันนี้คงต้องเอาราคารถป้ายแดง และเวลาที่คุณใช้รถ สภาพของรถมาสืบประกอบ

   2.ค่าเดินทางและยานพาหนะ (ค่าเสื่อมประโยชน์จากการใช้ทรัพย์) คือระหว่างรถเสียคุณต้องนั่งแท็กซี่ไปทำงานกี่วัน วันละเท่าไหร่ก็บรรยายมา 

   3.ค่ารักษาพยาบาล ค่าขาดการงาน กรณีคุณได้รับบาดเจ็บ และ/หรือ ไม่สามารถประกอบการงานได้ช่วงประสบอุบัติเหตุ

    อันนี้เป็นหลักการกว้างๆครับ ส่วนแจ้งความไว้เป็นคดีอาญาที่ผมเล่าไว้เพราะว่าอัยการฟ้องคนขับรถเป็นจำเลยในคดีอาญา ถ้ามีการฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญาซึ่งคุณเป็นผู้เสียหาย และเมื่อชนะคดี คุณจะนำข้อเท็จจริงจากคดีอาญามามัดจำเลยที่ 1 ในคดีแพ่งว่าเขาขับรถประมาท ซึ่งบริษัทประกันจะโดนไปด้วย เหลือแต่ตัวนายจ้างที่ยังต่อสู้ในคดีแพ่งได้อยู่ ข้อความในย่อหน้านี้คุณไม่ต้องสนใจมากก็ได้ครับ ปรึกษาทนายจะดีกว่าเพราะเป็นเรื่องกระบวนพิจารณาค่อนข้างซับซ้อนยากแก่การเข้าใจ อ่านไปจะพาลท้อเปล่าๆ 

   ดูเป็นน้ำจิ้มครับจะฟ้องกันจริงปรึกษาทนายด้วยจะเป็นการดีครับ เพราะคุณจะไม่ต้องลำบากในชั้นดำเนินกระบวนพิจารณา

ผู้แสดงความคิดเห็น ขับ estate เก่าๆ วันที่ตอบ 2012-01-05 19:22:55 IP : 171.7.215.143


ความคิดเห็นที่ 3 (3321990)
avatar
.....

เหนื่อยหน่อย+เสียเวลา แต่เอาใจช่วยครับ คนงานมันไม่มีตังค์ใช้หรอกครับ เคยโดนรถสิบล้อแหกโค้งชนบ้าน(แล้วขับหนีต่อ พวกปอเต็กตึงตามจับมาได้ มันโดนลากลงมากระทึบ) มันติดคุกใช้ครับ ค่าเสียหายประกันจ่ายได้ไม่ครบ ไม่คุ้ม

ผู้แสดงความคิดเห็น ..... วันที่ตอบ 2012-01-05 07:39:35 IP : 161.200.100.2


ความคิดเห็นที่ 2 (3321953)
avatar
interestor

 มีโอกาสได้ครับ แต่ต้องแจ้งความก่อนแล้วไปเครมประกันแต่โดยปกติรถไม่ถึง 1 ปีน่าจะประกันชั้น 1 นะครับ ประกันก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดและประกันจะไปเรียกกับคู่กรณีเองนี่ครับ แต่กรณีที่ไม่ใช่ประกัน 1 หลังจากประกันซ่อมแล้วไม่พอ ให้อู่ออกบิลค่าซ่อม คุณต้องจ้างทนายต้องฟ้องศาลและเป็นคดีแพ่ง อีกยาวนาน ดีไม่ดี ไม่คุ้มครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น interestor วันที่ตอบ 2012-01-04 20:14:52 IP : 115.87.113.160


ความคิดเห็นที่ 1 (3321937)
avatar
พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ

ต้องรอผู้รู้ด้านกฎหมายแล้วละครับ  ผมไม่ทราบจริงๆครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ วันที่ตอบ 2012-01-04 17:01:32 IP : 101.109.223.126



1


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.