ผมขอสาปแช่งไอ้พวกปาหินใส่รถ สักวันมันอาจจะปารถ พ่อ แม่ พี่ น้อง มันเข้าสักวัน

   ดูคดีตัวอย่างตามลิงค์

    http://www.decha.com/main/showTopic.php?id=1357

ฟ้องแพ่งพ่อแม่ผู้ปกครองมันด้วย  เอาผิดอาญาในฐานะไม่เลี้ยงดูให้ดี  ปล่อยให้เยาวชนหรือคนในปกครองออกไปกระทำผิด

ถ้าจะไล่ความผิดก็สามารถฟ้องกันได้หลายกระทงเลยละครับ เช่น

ทางแพ่ง สามารถฟ้องได้ในความผิดฐานทำละเมิด

มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฏหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพทย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาดูความผิดทางด้านอาญากันบ้าง

การพยายามกระทำความผิด

มาตรา 80 ผู้ใดลงมือกระทำคสวามผิดแต่แต่กระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผลผู้นั้นพยายามกระทำความผิด

                ผู้ใดพยายามกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฏหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

มารตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี

 ดังนั้นการที่จะมีความผิดฐานพยายามฆ่าได้นั้นจะต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดคือ มีเจตนาฆ่า ผู้กระทำผิดอาจจะอ้างต่อศาลว่า เขาไม่ได้มีเจตนาฆ่าก็ได้ มีเพียงเจตนาทำร้ายหรือทำให้เสียทรัพย์ แต่เราก็สามารถนำสืบต่อศาลได้ว่า การที่เขาทำนี้ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าจะทำให้ผู้อื่นตาย ที่เหลือก็จะเป็นการวินิจฉัยของศาลท่านละครับ

ความผิดต่อร่างกาย

มาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอัตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข้อนี้จะเป็นข้อต่อสู้ของผู้กระทำผิดว่า เขาไม่ได้มีเจตนาฆ่านะ มีเพียงเจตนาทำร่ายร่างกายซึ่งมีโทษเบากว่า แต่ถ้าเจตนาจะทำร้ายร่างกายแต่คนนั้นดันตายขึ้นมาก็จะมีโทษตาม

มาตรา 290 ผู้ใดมิได้เจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี

  จะเห็นว่าความรับผิดน้อยกว่าเจตนาฆ่าโดยตรง ถ้าผู้กระทำผิดทำให้ศาลเชื่อว่ามีเพียงเจตนาทำร้ายร่างกาย

แต่ความผิดที่สามารถเรียกได้แน่นอนคือ ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

มาตรา 358 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  แต่ถ้ามีการลักทรัพย์ด้วยก็จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน 6 พันบาท เห็นได้อีกว่าโทษเบาอีกแล้ว

สรุป ผมเห็นด้วยว่าควรมีการแก้กฏหมายให้มีบทลงโทษหนักมากกว่านี้ในความผิดกระทงเดียวครับ

แต่มันโยงมาถึงความผิดนี้ด้วยถ้าไปปารถที่ใช้ในการขนส่งสาธารณะคือ

มาตรา 359ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 358 ได้กระทำต่อ

(3) ยวดยานหรือสัตว์พาหนะที่ใช้ในการข่นส่งสาธารณะหรือในการประกอบกสิกรรมหรืออุตสาหกรรม หรือ

(4) พืชหรือพืชผลของกสิกร

ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

เห็นได้ว่าการออกกฏหมายนี้มาในสมัยที่รถยนต์สาธารณะยังไม่มีแกงค์ขนวบการปาหิน ทำให้กฏหมายไม่ครอบคลุมพอ

คือถ้าผู้กระทำผิดปาหินอย่างเดียวแล้วหนี มีความผิดแค่ทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งโทษน้อยมากคือจำคุก 3 ปี ถ้าตายก็บวกเข้าไปอีกกระทงเป็นจำคุกไม่เกิน 20+3= 23 ปี ตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต

ตอนนี้เรื่องปาหินใส่รถระบาดค่อนข้างหนัก เพราะการบังคับใช้กฏหมายยังไม่ดีพอ

ในกรณีที่ไม่มีคนเจ็บ หรือมีเจ็บแต่ไม่มาก และตำรวจจับคนร้ายได้ การลงโทษมักจะค่อนข้างเบา คนที่ทำมักจะอ้างไปในทำนองคึกคะนอง

ผมเห็นว่าหากจับคนร้ายได้ ตำรวจควรจะตั้งข้อหาให้หนักเพื่อเป็นตัวอย่างแด่ผู้ที่คิดจะกระทำ เพราะการกระทำดังกล่าวไม่ต่างจากการพยายามฆ่าคนเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของเหยื่อ และเพื่อเป็นตัวอย่างในใครก็ตามที่ต้องการจะกระทำอย่างนี้พึงสังวรณ์

ไม่ทราบว่าเพื่อนๆชาวเวปมีความเห็นว่าอย่างไรกันบ้าง

ผมละหนักใจกับพวกนี้มากครับ ไปไหนมาไหนก็ไม่สบายใจเหมือนเมื่อก่อน ยิ่งเวลาขับเข้าไปในถนน 2 เลนส่วนกันตามต่างจังหวัดด้วยแล้ว ตำรวจก็ไม่มี รถก็น้อย แต่ก็ต้องเข้าไป มันจะหาทางไหนที่จะห้ามให้เขาปาได้นอกจากจิตสำนึกของเขาเอง ดูจากเส้นทางแล้วข้อ 1 3 6 ผมผ่านบ่อยเลยละครับ  สงสัยต้องเก็บเงินซื้อ S 600 Guard ละกระมังครับ