|
ไดชาร์ต-แบตเตอรี่..... | |
สงคราม | จริง ผมไม่ค่อยอยากอธิบายความเห็นส่วนตัวนัก กลัวเป็นดราม่า...แต่มีหลายคนถาม และคำตอบไม่เหมือนกัน ส่วนความเห็นนี้ ผมไม่ได้บอกว่าผมถูกนะ แต่บอกว่าผมคิดอย่างนี้ หากคุณไปอ่านเรื่องเกี่ยวกับแบตฯ หรือไดชาร์ต..ไม่ว่าที่ไหน ก็ตาม คุณจะเห็นคำอธิบายมีความหมายว่า...แบตฯ มีหน้าที่ติดเครื่อง หลังจากนั้น รถยนต์จะใช้ไฟจากไดชาร์ต แบตหมดหน้าที่ไป แต่คุณจะเห็นผมแย้งเสมอ ผมเอง ไม่ใช่ช่างยนต์ แต่พอมีความรู้ด้านไฟฟ้า และอีเล็คฯอยู่บ้าง ถึงแม้ทิ้งร้างไปนาน ก็ยังพอได้อยู่ ผมขออธิบายอย่างนี้ครับ - ไดชาร์ต ไดนาโม เจนนาเรเตอร์ ทำงานโดยการใช้ขดลดตัดกับ แม่เหล็ก มีการทำงานคล้าย ๆ กัน หากใครเคยใช้เครื่องปั่นไฟ ท่านจะรู้ เมื่อติดเครื่อง เร่งไฟให้ได้ 220 โวลท์ แล้วคุณเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า 1 ชิ้น สองชิ้น สามชิ้น.......เครื่องปั่นไฟเครื่องนั้นจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ...เมื่อโหลดมากขึ้น....ใช่หรือไม่?... ไดชาร์ตก็เช่นกัน เมื่อไรที่ต้องจ่ายไฟมากขึ้นมันก็จะหนักขึ้น (อาจะจะสังเกตไม่ได้) ไดชาร์ต มีวงจรควบคุมการจ่ายไฟ ให้ความต่างศักย์ อยู่ที่ 13.5 – 14.5 โวลท์ สมมติ แบตฯเต็ม เครื่องใช้ไฟฟ้าในรถใช้งานเล็กน้อย ไดฯจ่ายได้พอเพียงในรอบเดินเบา แต่หากใช้ไฟมากเกินไป มันจะดึงจากแบตฯมาช่วย หรือต้องเร่งเครื่องให้เดินเบาสูงขึ้น เพื่อให้พอกับการใช้ไฟ ..... - เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่นเครื่องเชื่อมสมัยก่อนที่มีการใช้พลังงานเยอะ ๆ การไฟฟ้า จะสั่งให้ติดตั้ง คาปาซิเตอร์ ซึ่งเป็นตัวเก็บประจุไฟฟ้า เพื่อให้จ่ายกระแสไฟ ในขณะที่มีแรงดึงเยอะ ๆ ไม่ให้ไฟเกิดการกระชาก(กระชากมีทั้งขึ้นและลง) ในวงจรอีเล็คฯ ก็จะมี คอนเดนเซอร์ ทำหน้าที่นี้อยู่ ส่วนในรถ แบตฯจะรับหน้าที่นี้กลาย ๆ และในรายที่ใช้กระแสเยอะมาก จำเป็นต้องมีตัวจ่ายเพิ่มเติม เขาจะตั้งชื่อ อย่างไรก็ได้ แต่มันทำหน้าที่ กันการกระชาก และทำให้กระแสเรียบ... ผมอธิบายเคร่า ๆ ว่าผมคิดอย่างไร มาถึงตรงนี้ผมไม่สรุป....ให้ท่านสรุปเอง (เพราะแต่ละคันไม่เหมือนกัน) ไดฯ ทำให้กินน้ำมันเพิ่มได้ไหม? รถเราจำเป็นต้องเปลี่ยนไดฯที่ชาร์ตไฟได้แอมป์สูงขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่า? จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตฯที่จ่ายแอมป์ เพิ่มขึ้นหรือไม่สำหรับรถแต่ละคันซึ่งการใช้ไฟฟ้าไม่เหมือนกัน? ฯลฯ |
ผู้ตั้งกระทู้ สงคราม :: วันที่ลงประกาศ 2014-09-20 10:00:10 IP : 101.108.247.175 |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 4860606 |