การตรวจสอบรถของศูนย์ISUZU
avatar
ประพันธ์


พอดีอ่านกระทู้ต่างๆ ในบอร์ดแล้ว เห็นท่านพี่คนว่างฯ และท่านอื่น ตอบคำถามและช่วยประสานไปยังศูนย์เพื่อแก้ไขปัญหารถแล้ว ผมเลยเกิดคำถามในใจตัวเองขึ้นมาว่า

หากรถที่ผมใช้ขับไปตามปกติเรื่อยๆ ขับไปนั่นมานี่ได้ เข้าศูนย์ตามระยะเวลาที่กำหนดทุก 5,000 km โดยที่ผมไม่มีความรู้ด้านเทคนิคของเครื่องยนต์อะไร แต่อยากจะรู้ว่า รถของเรามีสภาพปกติไหม ชิ้นส่วนใดที่ชำรุดบกพร่อง นอกเหนือจากที่ตรวจเช็คตามระยะอยู่แล้ว ถ้าเป็นคน ก็เปรียบเหมือน "การตรวจสุขภาพประจำปี" เราสามารถแจ้งให้ศูนย์บริการ (ผมใช้รถ ISUZU super platinum 2010) ให้ตรวจสอบและรายงานผลได้หรือไม่ครับ

เจตนาผมคือ อยากรู้ว่า ใช้รถไปสักระยะหนึ่ง เช่น ประมาณ 100,000 km แล้วอยากทราบว่า ชิ้นส่วนต่างๆ ของรถ มีชิ้นใดที่ทำงานปกติ หรือไม่ปกติ หากผิดปกติ หรือสมควรเปลี่ยน ก็จะเปลี่ยนเลย โดยไม่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายครับ



ผู้ตั้งกระทู้ ประพันธ์ :: วันที่ลงประกาศ 2010-11-04 02:02:25 IP : 110.49.29.10


1

ความคิดเห็นที่ 26 (3399543)
avatar
SARAN

 เติมที่ 40 ครับ เท่ากันทุกล้อ 

ผู้แสดงความคิดเห็น SARAN วันที่ตอบ 2015-01-14 09:40:12 IP : 49.230.184.181


ความคิดเห็นที่ 25 (3288796)
avatar
คนร้อยเอ็ด

ใช้รถรุ่น isuzu platinum 4 ประตู ควรเติมลมยางเท่าไร ( ล้อหลัง -ล้อหน้าเท่าไร)  ช่วยบอกที

เป็นรถของพี่ชายครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนร้อยเอ็ด วันที่ตอบ 2011-03-23 10:41:36 IP : 124.120.193.181


ความคิดเห็นที่ 24 (3288795)
avatar
คนร้อยเอ็ด

ใช้รถรุ่น isuzu platinum 4 ประตู ควรเติมลมยางเท่าไร ( ล้อหลัง -ล้อหน้าเท่าไร)  ช่วยบอกที

เป็นรถของพี่ชายครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนร้อยเอ็ด วันที่ตอบ 2011-03-23 10:41:12 IP : 124.120.193.181


ความคิดเห็นที่ 23 (3281384)
avatar
มือใหม่

เช็ครถกะใครอย่ามีปัญหา ปิยวาจาคือทางสะดวก ไม่จุกจิก น่ารักเข้าใว้ได้ใจช่างซ่อม ยิ้มหวานๆอ่านหนังสือรอ

-ขอเถอะครับอย่าไปทะเลาะกะช่างเหมือนเปลี่ยนชามก๋วยเตี๋ยวเด๊ยวจะโดนเยี่วรด555

ผู้แสดงความคิดเห็น มือใหม่ วันที่ตอบ 2011-01-20 18:03:10 IP : 61.19.199.142


ความคิดเห็นที่ 22 (3258389)
avatar
ขจกท

case closed, from now on

ผู้แสดงความคิดเห็น ขจกท วันที่ตอบ 2010-11-08 15:59:34 IP : 203.146.189.99


ความคิดเห็นที่ 21 (3258349)
avatar
ลูกบอล

ใจเย็น ๆ ครับ อ่านแล้วก็ไม่เห็นมีใครจะผิด เง้อออออ  ทะเลาะกันทะมาาาย งิ

 

อ่านแล้ว คนผิดมีคนเดียว  แก๊สโซฮอลลลลลลลลล   ก๊าาาา

 

/me หนีไปอย่างรวดเร็ว

ผู้แสดงความคิดเห็น ลูกบอล วันที่ตอบ 2010-11-08 13:12:50 IP : 58.97.35.116


ความคิดเห็นที่ 20 (3257990)
avatar
bon บณธิ์ นาวีสัมพันธ์

ขออนุญาตครับ อ่านมาตั้งนานเพิ่งเจอครับ ทุกท่านที่สละเวลามาถามมาตอบเพื่อสังคมทุกท่านครับ ถ้าหากสังคมไม่มีคำว่าอภัยลองจินตนาการดูครับอะไรจะเกิดขึ้น อภัยเป็นทานบารมีครับท่าน สังคมไทยมีน้ำใจให้กันเสมอครับขออภัยทุกท่านหากล่วงเกินครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น bon บณธิ์ นาวีสัมพันธ์ (bonrbi-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-11-04 23:09:27 IP : 182.232.67.76


ความคิดเห็นที่ 19 (3257988)
avatar
นานๆจะโพสต์ที

ไม่เดือดได้ไงล่ะครับ ก็คุณคนว่างไปว่าเขาอย่างนั้น

ไม่ต้องย้อนถามนะครับว่าคุณไปว่าอะไรเขา วิญญูชนอ่านแล้วย่อมเข้าใจได้

ผิดก็ขอโทษกันไปครับ ให้อภัยกันได้ คนไทยใจดีครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น นานๆจะโพสต์ที วันที่ตอบ 2010-11-04 22:50:44 IP : 1.47.111.197


ความคิดเห็นที่ 18 (3257957)
avatar
ประพันธ์

โอ  กระทู้เดือดแฮะ เพิ่งกลับมาครับ เอารถไปเช็คตามระยะ 25,000 km ที่ศูนย์ISUZU จ.เลย ก่อนจะเล่าให้ฟัง ต้องขอบคุณทุกท่านนะครับ ที่ให้ความกรุณาตอบคำถามที่เป็นประโยชน์ การโต้เถียงกันด้วยเหตุผลจะเป็นประโยชน์แก่สาธารณะอย่างยิ่งครับ

ผมแค่อยากรู้ว่า นอกเหนือจากตรวจเช็คตามระยะแล้ว ในฐานะที่ผมไม่มีความรู้ด้านเทคนิคเครื่องยนต์กลไก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารถตัวเองผิดปกติไหม หรือรู้ว่าผิดปกติ แต่ไม่รู้จะบอกช่างที่ศูนย์แก้ไขยังไง ถึงบอกเขา เขาก็ยืนยันว่าปกติ ดังกรณีตัวอย่างด้านล่างที่ผมประสบเจอมาสดๆ ร้อนๆ จากศูนย์อีซูซุเลย

หากผมอยากให้ช่างของศูนย์ตรวจสอบชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ว่ายังทำงานได้ปกติหรือไม่ หรือเสื่อม ชำรุดตามระยะเวลา ชำรุดอันเกิดจากเราใช้ไม่ถูกต้อง เคลมไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้มีความปลอดภัยตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะระบบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เช่น เบรค คลัทซ์ ฯลฯ เพราะบางทีผมก็รู้สึกว่าตัวเองใช้งานไม่ถูกต้องนัก เพราะมือใหม่จริงๆ อย่างเช่น ผมชอบเหยียบคลัทซ์พร้อมกับเหยียบเบรค แล้วแช่ไว้ หรือขึ้นเขาก็ลากเกียร์ 1 ขึ้น อย่างนี้เป็นต้น ชิ้นส่วนต่างๆ ในระบบคลัทซ์และระบบเบรค จะชำรุดเสียหายหรือเปล่า นี่คือสิ่งที่ผมกังวล และอยากรู้คำตอบ แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพราะเข้าตรวจเช็คแต่ละที คนรับรถมีแต่บอกราคาค่าใช้จ่าย และพอเสร็จแล้วก็บอกให้เราไปจ่ายเงิน ไม่บอกสักหน่อยว่า รถเรามีอาการปกติหรือไม่ปกติตรงส่วนใหนบ้าง น่าจะบอกบ้าง หรือนโบบายของ ISUZU เขาบอกอยู่ แต่ผมไม่กล้าถามช่างเอง หรือถามช่างไม่เป็นเอง นี่คือสิ่งที่อยากรู้ครับ

เล่าประสบการณ์ไปตรวจเช็คตาระยะดีกว่า

1. ช่างรับรถมาจดเลขไมล์ ไม่ถามอะไรสักคำ ถามหาแต่ใบรับประกัน ก็เอาให้ แล้วบอกค่าใช้จ่ายประมาณ 1,500

2. เราถามว่า เปลี่ยนอะไรหรือไม่ ช่างรับรถตอบว่า ไม่เปลี่ยน เลยถามว่า ทำไมมีค่าใช้จ่ายล่ะ ถ้าไม่เปลี่ยนของเหลว ช่างไม่ตอบ เงียบ เลยบอกว่า มาเช็คครั้งก่อน ยังไม่ได้สลับยางให้นะ ช่างสลับยางอยู่ไหม เขารีบตอบว่า อยู่ และมีค่าใช้จ่าย โอเค ไม่เป็นไร

4. ในใบแจ้งซ่อม (เขาเรียกอย่างนี้ไหม) ที่ช่างรับรถเขียน เขาเขียนว่า ช.ทั่วไป ช..... ช.... ประมาณ 3 ข้อ ผมเข้าใจหมายถึงตรวจเช็ค  เลยบอกเขาตรวจเช็คไอจีนี่ให้ด้วย เพราะตัวอักษรบางแถวบางบรรทัดเป็นขีดยาวๆ เฉยๆ ไม่เป็นอักษรภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ เขาก็เขียนลงไปในใบแจ้งซ่อม ผมอ่านแล้วก็เซ็นตรงลายมือชื่อลูกค้า

5. ไปนั่งรอที่ห้องพักลูกค้า ประมาณ 1 ชั่วโมง เห็นเขาสลับล้อ เอาล้อหน้าไปหลัง เอาหลังไปหน้า ไม่ได้ไขว้นะ (เป็นการสลับยางที่ถูกวิธีไหมครับ) แล้วก็เอารถไปวิ่งทดสอบรอบๆ ศูนย์ 2-3 รอบ ฝ่ายการเงินก็ประกาศให้ไปจ่ายตังค์

6. ในบิลผมต้องจ่าย 1,030 บาท  เป้นค่าอะไหล่ 450 ค่าแรงหักส่วนลดแล้ว 513 และภาษีอีก 97.41  ตรงค่าอะไหล่ มันคือ น้ำยาทำความสะอาดหัวฉีด แต่ผมไม่ซีเรียสหรอก ใส่ก็ได้ ไม่ใส่ก็ได้ แต่ผมสงสัยอย่างเดียว ทำไมไม่บอกตั้งแต่รับรถเลยว่า จะเติมน้ำยานี้ให้รถเรา เพราะเหตุผลอะไรก็ว่าไป ในใบแจ้งซ่อมก็ไม่เห็นเขียนว่าเติมน้ำยาตัวนี้ (ขอบ่นนิดหนึ่ง) ค่าปรับตั้งศูนย์ 380 ค่าสลับยาง 4 เส้น 180 อันนี้ไม่ว่ากัน ชัดเจนและเข้าใจ

สุดท้าย ข้อ 7. ผมจ่ายเงินและตรวจสอบใบเสร็จแล้ว รับกุญแจคืนแล้ว ก็ไปที่รถ ขับออกมาถนนใหญ่ 4 เลน เห็นปลอดๆ รถ และเป็นทางตรง เลยต้องการทดสอบการตั้งศุนย์ล้อ เพราะตอนออกมาใหม่ๆ มีผู้รู้เขาบอกและทดสอบให้เห็นว่า ถ้าขับช้าๆ สัก 40-60 แล้วปล่อยมือจากพวงมาลัย รถจะวิ่งเป็นเสนตรง ไม่เซไปข้างใดข้างหนึ่ง ผมเลยลองปล่อยมือจากพวงมาลีย ปรากฏว่า รถเซไปทางซ้าย ซึ่งก่อนหน้าที่จะมาเช็ค และสลับล้อนี้ ผมเคยทดลองทำแล้ว มันไม่เห็นเซไปซ้ายเลยนิ งานเข้าหรือเปล่าว่ะตู หรือถนนมันเอียงซ้ายหว่า บ่นกับตัวเองมาตลอดทางที่กลับบ้าน จอดรถโทรไปถามศูนย์ ผู้หญิงรับสาย บอกว่าช่างเลิกงานหมดแล้ว ให้เอามาตรวจเช็คคราวต่อไป

จบแค่นี้ก่อนนะครับ ไปตรวจเช็คคราวหน้าจะมาพิมพ์ให้อ่านอีก ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็นอีกครั้ง

ผู้แสดงความคิดเห็น ประพันธ์ วันที่ตอบ 2010-11-04 19:24:36 IP : 110.49.189.97


ความคิดเห็นที่ 17 (3257926)
avatar
123456

อื่มก็ไม่เข้าใจผมอยู่ดี

ตามคห.14 เขาเรียกว่าตรวจเช็คตามระยะครับ ไม่ว่าจะใช้ระยะ กิโลเมตร หรือระยะของเดือน ก็คือ ตรวจเช็คตามระยะ ครับอันนี้ตามเงื่อนไขการรับประกัน

 

แต่ที่ไม่เข้าใจกันคือ

 

คำว่าตรวจเช็คประจำปี  มันหมายถึง ใน 1 ปี ตรวจเช็ค 1 ครั้ง  ซึ่งผมบอกว่ามันไม่จำเป็น เพราะรถยนต์ส่วนใหญ่จะตรวจสอบใหญ่ให้ ทุกๆ 40,000 กม. หรือระยะเดือนที่ตรงกัน   ซึ่งรถยนต์ที่ตรวจเช็คตามระยะเป็นประจำมันก็เพียงพอแล้วไม่ว่าใช้มากใช้น้อย   และที่ผมกล่าวมันก็ไม่เกี่ยวข้องกับการรับประกันแต่อย่างใด เลยและที่สำคัญ มันไม่มีในรายการตรวจเช็คของคู่มือรถยนต์

 

สรุปประเด็นที่คุยกัน

         ตาม คห.6  คือ ผมบอกว่าไม่ต้องตรวจเช็คประจำปี    ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับการรับประกันแต่อย่างใด แต่ถ้าผมบอกว่าไม่ต้องตรวจเช็คตามระยะ อันนี้ผมถึงจะยอมรับว่าผมผิดเพราะมันมีผลต่อการรับประกัน

         แต่ คห.7  บอกว่า ความเห็นที่ 6 นี่แหละที่ผมกังวล เพราะคนเชื่อทีไร พอเจอปัญหา ไปขอเคลม เขาไม่ให้ก็จะแจ้ง สคบ.

 

สุดท้าย  ผมไม่ยอมรับ ความเห็น ที่ 7   เพราะข้อมูลผมไม่ผิดอะไร และไม่เกี่ยวกับการรับประกันแต่อย่างใด

คำว่า ตรวจเช็คประจำปี  กับคำว่า  ตรวจเช็คตามระยะ  ความหมายมันเหมือนกันหรือครับ

ผู้อ่านทั้งหลาย ใช้วิจารณญาณเอาเองว่า ถ้าเชื่อข้อความใน คห.6 แล้วจะมีผม ตามคห.7 หรือไม่

***********ปล.ข้อมูลในเน็ตบางครั้ง อ่านแล้ว ต้องใช้วิจารณญาณ ในการเอาไปใช้นะครับ***********

 

จบข่าว

 

ผู้แสดงความคิดเห็น 123456 วันที่ตอบ 2010-11-04 14:25:37 IP : 124.121.189.117


ความคิดเห็นที่ 16 (3257921)
avatar
คนบ้านนา

ดูจากคำถาม ผู้ถามดูเหมือนไม่เน้นตรวจเช็คปัญหา แล้ว เพื่อจะขอเคลมในระยะประกัน คงถามในลักษณะตรวจสุขภาพทั่วๆ ไป ดังนั้นการตรวจสุขภาพทั่ว ๆ ไป หากเขากำหนดให้เข้าตรวจ ก็ต้องเข้าตามระยะเวลา ปกติอยู่แล้ว แต่ถ้าหากคนใช้อยากจะตรวจพิเศษเช่น ต้องการทราบว่า หลังจากวิ่งไปขึ้นเขา ลงเขามาแล้ว 600 กม ผ้าเบรค หากไปเท่าไหร่ อย่างนี้ ก็สามารถนำเข้าไปให้ช่างเขาตรวจดูได้ แต่ช่างจะคิดเงินค่าตรวจหรือไม่ อันนี้ไม่ทราบ (กรณีอยู่ในประกัน) ไม่มีใครเขาทำกัน เขาจะรอเข้าตรวจเช็คตามระยะเลยที่เดียว หรืออีกรณี หากระยะประกันใกล้จะหมด จะนำรถเข้าตรวจก่อนก็ได้เผื่อมีอะไรต้องเคลม ซึ่งส่วนตัวผมก็จะทำแบบนี้ตลอด ซึ่งก็ได้ผล ได้ตุ้แอร์ใหม่ ได้โช๊คอัฟใหม่เป็นต้น....

ผู้แสดงความคิดเห็น คนบ้านนา วันที่ตอบ 2010-11-04 13:37:54 IP : 118.174.106.173


ความคิดเห็นที่ 15 (3257920)
avatar
หนุ่ม

ใจเย็นๆ ครับพี่ๆ และน้องๆครับ  เราเข้ามาเพื่อช่วยคุณ ประพันธ์  กันนะครับ

 

        ตามที่ ....

เจตนาผมคือ อยากรู้ว่า ใช้รถไปสักระยะหนึ่ง เช่น ประมาณ 100,000 km แล้วอยากทราบว่า ชิ้นส่วนต่างๆ ของรถ มีชิ้นใดที่ทำงานปกติ หรือไม่ปกติ หากผิดปกติ หรือสมควรเปลี่ยน ก็จะเปลี่ยนเลย โดยไม่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายครับ....

  แบบนี้ง่ายครับ ศูนย์ฯ ชอบครับ(ยิ่งบางยี่ห้อยิ่งชอบ....  แค่ไม่ได้บอกอะไร ก็ยังแถม หัวเชื้อในน้ำมันเครื่องมาให้)  อันนี้ต้องระวังครับ แถวบ้านเรียกว่า หมูวิ่งชนบังตอ

ผู้แสดงความคิดเห็น หนุ่ม วันที่ตอบ 2010-11-04 13:36:51 IP : 203.151.15.245


ความคิดเห็นที่ 14 (3257908)
avatar
คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ

ถ้าคุณยึดคำตอบอยู่ที่ "ช่างจะทำการตรวจสอบที่ 40000 กม." แต่ในกรณีที่รถใช้งานน้อย เขาจะยึดที่"ระยะเวลา" เช่น ทุก 3 เดือน  6 เดือน 9 เดือน 12 เดือน ฯลฯ เลขไมล์ในตอน 3 เดือน 6 เดือน เก้าเดือน 12 เดือนนั้นจะเป็นเท่าไร ไม่มีความสำคัญครับ เพราะเวลาครบ เขาจะเช็คตามนั้นทันที เช่น 3 เดือน 2000 กม. ก็จะเช็คว่าที่ 3 เดือนจะมีรายการอะไรที่ต้องเช็คตามที่กำหนดในคู่มือ 6 เดือน 4000 กม. ในรายการหกเดือนมีอะไรที่ต้องเช็ค เป็นต้น  

ผู้แสดงความคิดเห็น คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ วันที่ตอบ 2010-11-04 12:32:48 IP : 58.11.74.61


ความคิดเห็นที่ 13 (3257904)
avatar
123456

ตามคห.12 ผมก็ดูแล้วครับ ซึ่งมันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับคำตอบของผม

อันนี้เป็นประโยคของผู้ถาม

///////ชิ้นส่วนใดที่ชำรุดบกพร่อง นอกเหนือจากที่ตรวจเช็คตามระยะอยู่แล้ว ถ้าเป็นคน ก็เปรียบเหมือน "การตรวจสุขภาพประจำปี" \

 

...."การตรวจสุขภาพประจำปี" มันไม่มีในคู่มือในเงื่อนไขการรับประกันและไม่มีในรายการตรวจเช็คระยะ  การตรวจเช็คระยะมันก็มีทั้งเลขกิโลเมตรและจำนวนเดือนมันก็ตรวจตามระยะนั่นเองแต่ว่าจะเอาระยะไหนก็ว่ากันไป 

 ผมก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพประจำปี เพราะช่างตรวจสอบให้ในระยะทุก40,000กม.อยู่แล้ว

แต่ผมต้องการทราบว่าผมให้ข้อมูลอะไรผิดโปรดชี้แนะด้วยครับ

 

***********ปล.ข้อมูลในเน็ตบางครั้ง อ่านแล้ว ต้องใช้วิจารณญาณ ในการเอาไปใช้นะครับ***********

ผู้แสดงความคิดเห็น 123456 วันที่ตอบ 2010-11-04 12:09:33 IP : 124.121.189.117


ความคิดเห็นที่ 12 (3257900)
avatar
คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ

แล้วคุณดูหรือยังละครับว่ามันมีทั้งระยะเวลาและระยะทางที่เก็นข้อกำหนดเข้ามาเกี่ยวข้อง

ผู้แสดงความคิดเห็น คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ วันที่ตอบ 2010-11-04 11:41:13 IP : 58.11.74.61


ความคิดเห็นที่ 11 (3257897)
avatar
123456

 

ผม 123456  จาก คห.6และ คห.9 

อ่านจาก คห.10 ผมก็ยังไม่รู้ว่าผมให้ข้อมูลอะไรที่ผิดเพราะจากข้อความของ คห.7 

*****ความเห็นที่ 7 (3257877)บอว่า*******ความเห็นที่ 6 นี่แหละที่ผมกังวล เพราะคนเชื่อทีไร พอเจอปัญหา ไปขอเคลม เขาไม่ให้************

                  เนื้อหาที่ผมตอบ ผมตอบตามคำถามของผู้ถาม ซึ่งผู้ถาม ก็นำรถเข้าเช็คระยะตามคู่มืออยู่แล้ว คำว่า"เช็คระยะตามคู่มือ" มันก็มีระยะทั้งจำนวนกิโลเมตรและจำนวนเดือน อยู่แล้วว่าอย่างไหนถึงก่อน  ซึ่งผมก็ไม่ได้พูดถึงเพราะผู้ถาม เขาเช็คตามระยะอยู่แล้ว  แต่ประเด็นคำถามของผู้ถามคำว่า "การตรวจสุขภาพประจำปี" ผมก็ตอบตามคห.6และชี้แจงใน คห.9   ผมต้องการทราบว่าผมให้ข้อมูลอะไรผิดโปรดชี้แนะด้วยครับ

ซึ่ง"การตรวจสุขภาพประจำปี" มันก็ไม่มีระบุในคู่มือการรับประกันใช่ไหมครับ

 

***********ปล.ข้อมูลในเน็ตบางครั้ง อ่านแล้ว ต้องใช้วิจารณญาณ ในการเอาไปใช้นะครับ***********

ผู้แสดงความคิดเห็น 123456 วันที่ตอบ 2010-11-04 11:18:16 IP : 124.121.189.117


ความคิดเห็นที่ 10 (3257889)
avatar
คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ

ในข้อกำหนดของบริษัทรถ นอกเหนือจากระยะทางที่เราพูดกันข้างต้น เงื่อนไขบริษัทอีกข้อที่จะต้องดูด้วยคือระยะเวลา ซึ่งปัญหาข้อนี้จะเกิดกับรถที่ใช้งานน้อย โดยข้อมูลอันนี้ขอให้ไปอ่านดูในคู่มือการบริการและซ่อมบำรุงรถ ซึ่งในนั้นจะระบุระยะทางและเวลาที่จะต้องทำการบริการ เช่น หกเดือน หนึ่งปี หนึ่งปีหกเดือน เป็นต้น โดยมีข้อแม้นหลักว่า "แล้วแต่อย่างไรจะถึงก่อน" คือระยะทางหรือระยะเวลา อย่างไหนจะถึงก่อน ให้ถือเอาอันนั้นเป็นหลัก รถบางคันใช้งานมาสี่ปี ระยะทางแค่ 60000 กม. เจ้าของดูว่าสินค้ารับประกันถึง 100000 กม. เขาใช้รถน้อย ดังนั้น บริทน่าจะทำเคลมให้เขาได้ แต่มันไปเจอข้อกำหนดเรื่องเวลาที่รถใช้งานมาแล้วสี่ปี แต่ประกันรับประกันให้สูงสุดที่ 3 ปี ดังนั้น การเคลมอาจจะมีปัญหาขึ้นมา ซึ่งลูกค้าสัมพันธ์จะต้องดูประวัติลูกค้าประกอบด้วยว่าลูกค้าเขาบริการตามกำหนดในคู่มือการบริการและบำรุงรักษาหรือไม่ ถ้าไม่ ก็อาจจะไม่ให้ แต่ถ้าทำ เขาก็จะพิจารณาเป็นรายบุคคลไป ในการเคลมให้ติดต่อลูกค้าสัมพันธ์โดยตรง เป็นเรื่องจริง เพราะเขาจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะให้เคลมหรือไม่เท่านั้น ที่บอกว่า บริษัทเขาบอกว่าไม่ทิ้งลูกค้า ใช่และถูกต้อง แต่อย่างที่พูดไว้แล้วว่า ลูกค้าก็ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ทางบริทกำหนดเอาไว้ด้วย มิเช่นนั้นบางบริษัทอาจจะอ้างว่าลูกค้าไม่ปฏิบัติตามข้อแม้นที่ระบุในคู่มือการบริการและการบำรุงรักษารถ ก็จะมีปัญหาเรื่องการเคลมตามมาในทันที ซึ่งเป็นปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งคุณสามารถยืนยันเรื่องนี้กับทางลูกค้าสัมพันธ์ของแต่ละบริษัทได้และข้อแม้นนี้จะเหมือนกันหมดทุกบริษัทเพราะเป็นข้อตกลงที่ภาครัฐและผู้ประกอบการณ์ผ่านการพิจารณาแล้ว    

ผู้แสดงความคิดเห็น คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ วันที่ตอบ 2010-11-04 10:09:52 IP : 58.11.74.61


ความคิดเห็นที่ 9 (3257887)
avatar
123456

ตามข้อความของ คห.ที่7ที่กล่าวว่า

************ความเห็นที่ 6 นี่แหละที่ผมกังวล เพราะคนเชื่อทีไร พอเจอปัญหา ไปขอเคลม เขาไม่ให้************

 

           ผมก็ตอบตามคำถามของ คุณประพันธ์(คนตั้งกระทู้ถาม)ตามข้อความที่ถามนี้****หากรถที่ผมใช้ขับไปตามปกติเรื่อยๆ ขับไปนั่นมานี่ได้ เข้าศูนย์ตามระยะเวลาที่กำหนดทุก 5,000 km โดยที่ผมไม่มีความรู้ด้านเทคนิคของเครื่องยนต์อะไร แต่อยากจะรู้ว่า รถของเรามีสภาพปกติไหม ชิ้นส่วนใดที่ชำรุดบกพร่อง นอกเหนือจากที่ตรวจเช็คตามระยะอยู่แล้ว ถ้าเป็นคน ก็เปรียบเหมือน "การตรวจสุขภาพประจำปี" ****

 

              อื่ม......ผมให้ข้อมูลอะไรผิดเหรอครับ ผมบอกว่า"ไม่ต้องตรวจเช็คประจำปีหรอกครับ "ผมให้เหตุผลเฉพาะตรวจเช็คประจำปีว่าช่างจะตรวจเหมือนระยะ40,000กม.ฉะนั้นทุก40,000กม.ช่างก็ตรวจให้อยู่แล้วก็เลยไม่จำเป็นต้องตรวจเช็คประจำปีไงครับ...... แต่ผมไม่ได้บอกว่าไม่ต้องเข้าเช็คระยะตามคู่มือนี่นา  ฉะนั้นการเคลมในระยะประกันตัวรถก็เป็นไปตามเงื่อนไขของบริษัทรถ ปกติครับ ผมกล่าวอะไรผิดตรงไหนโปรดช่วยชี้แนะด้วยครับ

              การเคลมถ้ามีปัญหาเจ้าของรถทุกท่านโทรปรึกษา ลูกค้าสัมพันธ์  ได้โดยตรงเลยครับ "เขาบอกว่าเขาไม่ทิ้งลูกค้า"

 

***********ปล.ข้อมูลในเน็ตบางครั้ง อ่านแล้ว ต้องใช้วิจารณญาณ ในการเอาไปใช้นะครับ***********

 

ผู้แสดงความคิดเห็น 123456 วันที่ตอบ 2010-11-04 09:39:33 IP : 124.121.189.117


ความคิดเห็นที่ 8 (3257880)
avatar
ขจกท

ซื้อรถมา อันแรกที่ต้องทำคือ อ่านคู่มือตั้งแต่หน้าแรกยันหน้าท้าย พยายามทำตามคู่มือให้ได้มากที่สุด รถคุณอย่างน้อยควรตรวจ (ด้วยตัวเอง) สักเดือนละครั้ง แต่จะให้ศูนย์ หรือ อู่ ตรวจ ก็ประมาณปีละครั้ง

พวกที่จำเป็นต้องดูแล เช่น น้ำกลั่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ ยาง ฯลฯ ก็ดูเองมั่ง อย่าให้เป็นงานของช่าง เพราะบางทีก็ชุ่ย 

ใช้รถต้องหมั่นดูครับ มีรอยรั่ว ซึม หยด มีเสียงดัง ฯลฯ อย่าปล่อยทิ้งไว้  

ผู้แสดงความคิดเห็น ขจกท วันที่ตอบ 2010-11-04 08:26:40 IP : 203.146.189.99


ความคิดเห็นที่ 7 (3257877)
avatar
คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ

ความเห็นที่ 6 นี่แหละที่ผมกังวล เพราะคนเชื่อทีไร พอเจอปัญหา ไปขอเคลม เขาไม่ให้ก็จะแจ้ง สคบ. พอไปแจ้ง พิสูจน์ทราบกันแล้ว ผลคือคุณไม่ทำตามข้อกำหนดในคู่มือ คุณผิดเต็มประตู แล้วขอถามหน่อยว่าคุณจะไปโทษใครอีกละครับ  

ผู้แสดงความคิดเห็น คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ วันที่ตอบ 2010-11-04 07:50:27 IP : 58.11.74.61


ความคิดเห็นที่ 6 (3257876)
avatar
123456

ไม่ต้องตรวจเช็คประจำปีหรอกครับ ช่างก็ตรวจดูให้เหมือนเช็คระยะที่40,000กม.(ทุก40,000กม.ช่างมักเรียกกันว่าตรวจเช็คชุดใหญ่)

ช่างก็ตรวจดูด้วยตาเปล่าและใช้ทักษะความชำนาญของช่างแต่ละคนเท่านั้น เจอช่างมือใหม่ ก็มี2แบบ ไม่พบอาการผิดปกติใดๆหรือวิเคราะห์อาการผิดก็เปลี่ยนอะไหล่ซะใหญ่โต เปลืองเงินโดยไม่จำเป็น

 

แต่สิ่งสำคัญเรื่องการดูแลรถทางเทคนิค  มันขึ้นอยู่กับคนขับ ต้องหมั่นสังเกตุหน่อย เช่น ขณะปกติ ขับรถมีอาการอย่างไร  เสียงเครื่องยนต์ ต้องจดจำครับฯลฯ  และอีกอย่างนึงควรควรเช็คอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นประจำ(แบบเต็มถังกับระยะจริง)  สิ่งเหล่านี้มันบอกเราได้ว่ารถมีปัญหาแล้วแก้ไขตามอากรเป็นจุดๆไปครับ

คนที่ไม่มีความรู้ทางช่าง หมั่นสังเกตุและหาความรู้เรื่อยๆ เดี๋ยวก็รู้มากขึ้นไม่ยากหรอก ผู้หญิงบางคนที่ชอบเรื่องรถ คุยกันไปคุยกันมา โอ้บางเรื่องรู้ลึกมากกว่าผู้ชายที่เป็นช่างอีกนะจริงๆ

ปล.ข้อมูลในเน็ตบางครั้ง อ่านแล้ว ต้องใช้วิจารณญาณ ในการเอาไปใช้นะครับ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น 123456 วันที่ตอบ 2010-11-04 07:42:49 IP : 124.121.189.117


ความคิดเห็นที่ 5 (3257874)
avatar
เด็กช่าง

ถ้าจะเช็คทั้งหมดคงยากครับ เพราะต้องลื้อเครื่องกันทั้งหมดแล้วมาเช็คกันที่ละชิ้น ซึ่งอุปกรณ์ทุกตัวต้องมีรอยสึกอยู่แล้ว

ตามสภาพการใช้งานครับ แต่ถ้าเช็คแบบทั่วไปที่พอทำได้

1. ดูจากสภาพทั่วไปด้วยสายตา รายแตก น้ำมันซิม

2. อายุการใช้งานของอะไหล่บางตัว เช่น ของเหลวต่าง ๆ ผ้าเบรค ยาง ลูกปืนล้อ

3. ความผิดปกติที่คนขับรับรู้ได้เอง ว่ามันเริ่มมีอาการแล้ว เช่น เสียงดัง สั่น สบัด

4. ใช้ Tech 2 ตรวจสอบโดยการอ่านค่าจากกล่อง ECU ว่า Sensor เจ็บความผิดปกติของอุปกรณ์ตัวไหนบ้าง

ซึ่งปกติช่างเขาทำให้อยู่แล้ว อ่านค่าเป็น code บอกอาการเสียได้เลย

5. อื่น ๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กช่าง วันที่ตอบ 2010-11-04 07:32:48 IP : 210.118.111.254


ความคิดเห็นที่ 4 (3257872)
avatar
คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ

อยากจะให้คุณประพันธ์เข้าใจด้วยว่า ลูกค้ามีหลายประเภท หนึ่ง พวกที่ไม่ชอบหใทงศูนย์ฯแจ้งมาว่าจะต้องเปลี่ยนนู่น เปลี่ยนนี่ ทั้งๆที่ตอนนี้มันยังใช้งานได้ เพราะขืนไปแนนำ ก็จะโดนต่อว่า เพราะเขาคิดว่ามันใช้ได้ แต่ชั่วโมงการทำงานมันถึง แต่นี่มันเป็นรถ เสียอย่างไรก็จอดข้างทางได้ ซึ่งแตกต่างจากเครื่องบินที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนตามการใช้งานเป็นชั่วโมง ถึงแม้นจะใช้ได้ แต่พอครบกำหนด ช่างก็ต้องเปลี่ยน ไม่เช่นนั้นเครื่องจะขึ้นบินไม่ได้ สอง พวกที่อยากมห้เปลี่ยนเมื่อครบกำหนด ซึ่งช่างก็คงจะไม่กล้าแนะนำให้เปลี่ยน เพราะอย่างที่พูดไปแล้วข้างต้นคือ รถมันเสียก็จอดข้างทาง แต่เครื่องบิน มันจอดกลางอากาศไม่ได้ ช่างก็ต้องมองดูว่าถ้าขืนแนะนำให้คุณเปลี่ยน พอคุณเจอบิลค่าซ่อม มีหวังช่างโดนด่าอีก ช่างที่ไกนจะกล้าครับ สาม ทางออกที่ดีที่สุดคือเมื่อเสียเมื่อไร ก็เปลี่ยน นั่นแหละเป็นทางออกที่ทั้งช่างและผู้ใช้รถสบายใจ พอช่างเจอชิ้นส่วนไหนที่มีปัญหาเริ่มเสีย เขาก็จะแนะนำให้เปลี่ยน แต่ถ้ามันไม่เสียก็ใช้ไปก่อน สี่ ผู้ซื้อรถแต่ละท่าน ใช้งานไม่เหมือนกัน บางคนใช้เป้นรถบ้าน บางคนใช้เพื่อการธุรกิจ เป้นรถใช้งานหนัก ดังนั้น บริษัทฯจะต้องเอาข้อมูลเหล่านี้มาพิจารณาด้วย เช่น ถ้าท่านใช้เพื่อการพาณิชย์ ท่านบรรทุกขนาดไหน รถบรรทุกหนึ่งตันครึ่ง เล่นบรรทุกเกินพิกัดคือบรรทุกไปสักสามตัน ซึ่งอย่างนี้ถือได้เลยว่าท่านใช้งานรถผิดประเภท มันก้เป็นสิทธิที่เขาจะไม่ให้เคลมไม่ใช่หรือ

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ใช้รถทุกยี่ห้อ กรุณาทราบด้วยว่าเวลาที่ซื้อรถใหม่ กรุณาเข้าใช้บริการที่ศูนย์ฯตลอดช่วงเวลาการรับประกัน และกรุณาเข้าบริการตามกำหนดที่ระบุในคู่มือด้วย เพราะถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมา  คอมพิวเตอร์จะแจ้งประวัติของท่านขึ้นมาทันที ท่านที่เข้าบริการตามกำหนด การเคลมจะไม่มีปัญหา แต่ท่านที่เข้าบ้าง ไม่เข้าบ้าง เขาจะทราบได้อย่างไรว่าเมื่อครบกำหนดท่านได้เปลี่ยนของเหลวหรือได้รับการบริการตามกำหนดหรือไม่ เพราะถ้าไม่ได้ทำตามกำหนด เขาถือได้ว่าท่านไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่มี ซึ่งบริษัทอาจจะแจ้งว่าไม่สามารถเคลมให้คุณได้ครับ ซึ่งมันเป็นสิทธิ์ของทางบริษัทฯที่ทั้งภาครัฐและบริษัทฯเองก็ยอมรับในข้อกำหนดนี้ครับ สุดท้าย รถจะอยู่กับเราได้นานโดยไม่สร้างปัยหาให้คุณ ถ้าคุณดูแลตรวจสอบและปฏิบัติตามที่มันระบุอยู่ในคู่มือ ซึ่งเมื่อมีแล้ว กรุณาอ่านและศึกษาให้ละเอียด ไม่ใช่โยนใส่เก๋ะแล้วไม่เคยเปิดดูเลยครับ    

ผู้แสดงความคิดเห็น คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ วันที่ตอบ 2010-11-04 07:27:25 IP : 61.90.42.126


ความคิดเห็นที่ 3 (3257870)
avatar
ลูกบอล

อันนี้ผมไม่ทราบละคับ มันขึ้นกับพฤติกรรมการขับของแต่ละคน + ความซวย 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลูกบอล วันที่ตอบ 2010-11-04 06:53:26 IP : 58.97.35.116


ความคิดเห็นที่ 2 (3257869)
avatar
ประพันธ์

ไม่ได้หมายถึงตรวจเชคอย่างนั้นครับ ผมหมายถึงว่า พอถึงระยะ 100,000 km แล้ว ตรวจสอบทั้งหมด ว่ามีชิ้นส่วน กลไก อุปกรณ์ไฟฟ้า ฯลฯ ตัวใหนบ้าง ไม่เหมือนเดิม ผิดปกติ หลวม โยก คลอน ผิดปกติไปจากเดิม ผิดปกติไปจากที่ควรจะเป็น อะไรทำนองนี้หน่ะครับ ถ้ามันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ให้ผมเป็นคนตัดสินใจเปลี่ยนเอง โดยไม่เกี่ยงเรื่องค่าใช้จ่าย ไม่ใช่ให้ศูนย์หรือช่างบอกมาแค่ว่า ใช้ไปก่อนเหอะ ซึ่งเรื่องตรวจเช็คตามคู่มือเป็นเรื่องที่จะต้องทำอยู่แล้วครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประพันธ์ วันที่ตอบ 2010-11-04 06:36:31 IP : 119.31.15.167


ความคิดเห็นที่ 1 (3257868)
avatar
ลูกบอล

ในคู่มือเลยครับ มันบอกไว้ครบเลย ว่าระยะเท่าไหร่ ต้องตรวจเชคอะไร ยังไง

ผู้แสดงความคิดเห็น ลูกบอล วันที่ตอบ 2010-11-04 06:16:55 IP : 58.97.35.116



1


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.