รถผมใช้มา 3ปี ครับเปลี่ยนไปสองตัวแล้ว ครั้งต่อไำปคิดว่าถ้าถอดมาทำความสะอาดมันจะดีหรือเปล่าครับ

egr เสีย ยังไม่ทำอะไรเลย แค่ถอดสวิทซ์ออก ไฟสีส้มรูปเครื่องโชว์ ในกรณีที่ถอดแค่สวิทซ์ออก แล้วไม่ทำอะไรเลย(ไม่ได้อุด,ไม่ได้เปลี่ยนตัว egr )  จะม่ีผลต่อเครื่องยนต์หรือไม่ MU 7  ใครรู้ช่วยตอบด้วยค่ะ

ไม่ว่าจะอุดกันหรือไม่อุดกัน อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองละกันครับ ต้องยอมรับกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น เพราะมันแก้ไม่ได้แล้วละ

โลกเองก็ต้องการสมดุลของมัน  อย่าคิดว่าเรื่อง EGR จะทำให้โลกร้อนอย่างเดียว มันอาจเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ควรคำนึงถึงภาคอุตสาหกรรมต่างๆที่

ส่งผลต่อโลก ด้วยครับ

ผมคิดว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่า อุดหรือไม่อุด แบบไหนดีกว่า แต่มันอยู่ที่ตัวEGRมันแพง ถ้ามันมีราคาสักประมาณพันกว่า คงไม่ต้องมาหาคำตอบว่า  อุดหรือไม่อุด เพราะทุกท่านที่ใช้รถไม่อยากให้เกิดผลเสียในหลายๆด้าน เช่นอากาศเป็นพิษมากขึ้น หรืออุปกรณ์ที่มีราคาแพงเกินเหตุ  ผมจึงอยากฝาก ทางศูนย์ ช่วยเซลล์ราคาตามสมควร การตัดสินใจก็ง่ายขึ้น ศูนย์ก็ได้ประโยชน์ รถก็ปล่อยของเสียที่เป็นพิษน้อยลง ตามนโยบายรักษ์โลก ขอทิ้งท้าย รถผมใช้มา7 ปี  วิ่งแค่ 6 หมื่นกว่าโล ตัวegrก็เสีย กำลังตัดสินใจอยู่

ผมซื้อรถใหม่ อีซูซุ ไททาเนี่ยมมา วิ่งได้ 6000 ก.ม แล้วอุด อีจีอา มันมีผลเสียกับเครื่องยนต์ป่าวครับ ขอความกรุณาพี่ๆช่วยตอบปัญหา ผมด้วยนะครับ ยินดีรับฟังทุกข้อความครับ

จะไม่เบื่อมัน ถ้ามันไม่เสียและต้องจ่ายมัน 6000 บาท เซ็ง

สรุปแล้วมันยังงัยครับ แต่ผมลองไปอุดแล้วขับดูก้อรู้สึกว่ารอบแรงเร็วขึ้นกว่าเดิมนะเวลาแซงมั้นใจมากคับ

อุดแล้วรอบมาเร็วขึ้น วิ่งดีขึ้น กินน้ำมันขึ้น โบดังขึ้น เครื่องยนต์สอาด @ ท่อไอเสียเหม็นมาก ต้องเบรคบ่อยเพราะเอ็นเจิ้นเบรคหายไป เข้าโค้งต้องลดเกียร์เพราะมันไหล จะเบรคในโค้งเนี่ยยมบาลยิ้มเชียว ผลที่ตามมาคือ เบรคหมดเร็วมาก คันหลังเบื่อไฟเบรคดวงที่3มั้กฯ หม้อลมเบรครั่ว น้ำมันเบรคร้อน คลัทหมดเร็วเพราะเชนเกียร์บ่อย EGRรอบเครื่องเกิน2000มันก็หยุดทำงานอัตโนมัติแล๊ว..

คุณลองพิจารณาโดยใช้สติปัญญาให้ดีว่า อีจีอาร์ เขาทำมาเพื่ออะไร มีวัตถุประสงค์ที่แท้จริงเพื่ออะไร (เอาง่ายๆแค่นี้ก่อนไม่ต้องคิดมาก) คุณก็ได้คำตอบที่ไม่ต้องใช้ปริญญาเอกมาตอบก็จะรู้  ด้วยจิตสำนึกต่อสาธารณะและส่วนรวม  โดยไม่มีอคติมาแอบแฝง ว่ามันไม่ใช้ใส้ติ่งส่วนเกินแต่ประการใด  ผมก็ใช้รถอีซุเหมือนกับอาจารย์...และไม่อุดแต่อย่างใด ก็ใช้รถได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่เห็นมีปัญหา แต่อย่างใด และยังสนุกสนานกับการขับขี่ที่ไม่ต้องอุดอุปกรณ์ดังกล่าว...เพื่ออ้างว่ารถมีสมรถนะดีขึ้น  แต่ก็ปล่อยมลพิษออกมา

เห็นด้วยับคุณ ฉลาม-ชลบุรี ต้องศึกษาทำความเข้าใจให้ดีครับ

EGR ที่ดี ในรถยุโรปต้นทุนเป็นแสน ใช้งานได้จริง ลดโลกร้อน รักษาเครื่องยนต์

แต่ในรถกระบะ ราคาหลัก 1000 พูดยากแบบนี้ ศึกษาเอาเอง ไม่ได้ว่า ดีหรือไม่ดี

รถใน 1 ชีวิตคน จะซื้อได้สักกี่คันก็อยากให้อยู่กับเรานานๆ นอกจากพวกเฮงซวยพอใช้รถพัง ก็ขายเป็นมือ 2 คนจนจนไปซื้อมาซ่อมหมดไปนับไม่ถ้วน ตัวอย่างมีให้เห็น

สังเกตไหมครับว่าระยะหลังๆมานี้  ผมหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้เสมอๆ  ยอมรับเลยครับว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันทางความคิด  เหตุผลส่วนตัวคือผมท้อกับปัญหาที่เกี่ยวพันกับเรื่องนี้มาก   ย้อนหลังไปประมาณสิบกว่าปี ( ประมาณ 12 ปี )  เมื่อมีเสียงเรียกร้องให้ "ประเทศไทย" นำเอามาตรฐานไอเสีย ยูโร มาใช้   ผมเป็นคนเดียว  ย้ำว่าคนเดียวในกระบวนการคนทำสื่อ   ที่ออกมาทักท้วงว่า "ประเทศไทยยังไม่พร้อม"  เพราะผมรู้ว่า ถ้าประกาศใช้ขึ้นมา   ปัญหาหนึ่งคือน้ำมันต้องปรับตัวและมีข้ออ้างในการทำให้แพงขึ้น  รถยนต์ต้องแพงขึ้น  เพราะผู้ผลิตจะต้องอ้างว่าต้องทำให้ได้ตามมาตรฐานที่เข้มขึ้น  ทั้งที่ดูกันตามชิ้นส่วน  ไม่น่าจะแพงขึ้น   เป็นเพียงแค่การแพงเพราะเทคโนโลยีต่างหาก  ผู้ใช้ต้องปรับตัวศึกษาวิธีการใช้   เพราะความซับซ้อนของอุปกรณ์มีมากขึ้น  โดยเฉพาะอุปกรณ์ในส่วนของการควบคุมที่ทำงานแบบอีเลคทรอนิคส์   ซึ่งเปราะบางต่อสภาพอากาศและการปรับแต่ง   อีกทั้งลักษณะการใช้งานก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเครื่องยนต์ระบบเสวิร์ลแชมเบอร์ และ ไดเรคอินเจคชั่นเดิมๆ    อีกทั้งระบบการศึกษาด้านยานยนต์ตั้งแต่ระดับอาชีวะศึกษาจนถึงระดับปริญญาในช่วงเวลานั้น  ( หรือแม้กระทั่งเวลานี้ก็ตาม )  ก็ไม่ได้เปิดการสอนเพื่อให้คนที่เรียนเตรียมตัวออกมารับมือกับการซ่อมบำรุงระบบที่ต้องตามเข้ามาเช่น คอมมอนเรล หลังจากแสดงความเห็นออกไป   ปรากฎว่าถูกสวนด่ามาทั้งวงการ   ทั้งจากผู้ผลิตทุกราย  จากภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ก็ออกมาจวกว่าผมเข้าข้างฝ่ายน้ำมันที่ไม่อยากปรับตัว  ฝ่ายนักวิชาการในมหาวิทยาลัยก็ออกมาซัดผมว่าไม่ยอมรับการพัฒนาของโลก   สื่อยักษ์ใหญ่รายหนึ่งถึงขนาดพาดหัวว่าผมทำตัวเป็นไดโนเสาร์ตัวสุดท้ายของวงการยานยนต์ทีเดียว   ดังนั้นปัจจุบันนี้เมื่อมีการ "บังคับใช้" เพื่อให้บรรลุถึงมาตรฐานต่างๆตาม "ความทันสมัยของโลก"  จึงเกิดข้อถกเถียงกันมากมาย  และเมื่อผมเป็นคนทำสื่อสาธารณะที่เปิดเผยตัว   ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้แสตนด์อินื  ไม่ใช้นามปากกา  การตอบปัญหาของผม  จึงต้องยึดมั่นในกรอบกติกาของสังคม  นั่นหมายถึงข้อกฎหมายที่บังคับใช้เป็นหลัก   ซึ่งจะเห็นได้ว่าผมไม่ตอบในแง่ของการโมดิฟายปรับแต่งมานานมากแล้ว  ดังนั้นแม้ว่าบางอย่างผมอาจจะไม่ได้คล้อยตามไปทั้งหมดในแง่เทคนิค  แต่เมื่อกฎหมายประกาศว่าต้องเป็นไปอย่างไร   ผมทำสื่อเปิดเผยย่อมต้องให้คำปรึกษาที่ถูกกฎหมาย  หากจะให้ความเป็นเป็นอย่างอื่น   ผมก็ต้องรณรงค์ให้มีการ "แก้ไขกฎหมาย" เสียก่อน  แต่การตอบของผมมักจะถูกนำไปเป็นหัวข้อประเด็นให้เกิดการโจมตีหรือสนับสนุนซึ่งแล้วแต่มุมมองของคนที่ได้รับรู้  แต่ส่วนใหญ่มักจะเอามาตอบโต่หรือสนับสนุนโดยการยกมาเพียงบางส่วนบางตอนเท่านั้น  และบางท่านที่มีความเห็นรว่าควรตัดอุปกรณ์บางตัวออกเช่น EGR หรือ แคตตาลิติคคอนเวอร์ตเตอร์   ในอดีตท่านนั้นๆเป็นหัวขบวนเรียกร้องมาตรฐานไอเสีย ยูโร ด้วยซ้ำไป  ด้วยเหตุผลที่ท่านบอกว่าจะช่วยลดมลพิษจากไอเสีย ทำให้ระยะหลังๆนี้หากมีการตอบในประเด็นที่ "มักจะ" มีความคิดเห็นโต้แย้ง  ผมก็ต้องย้ำก่อนตอบว่า "ตามความเห็นส่วนตัวของผม" เสมอๆ   ตัวอย่างอีกประเด็นหนึ่งที่ผมขอยกขึ้นมา  เพราะเป็นตัวอย่างที่ผมชอกช้ำที่สุดในอาชีพนี้ตลอดสามสิบกว่าปีคือ  เมื่อครั้งที่มีการแตกตื่นเรื่องราคาน้ำมัน   แล้วมีคนหันไปใช้แก๊สกันจ้าละหวั่น   ผมก็ออกมาเตทือยคนที่จะไปใช้ว่า "ให้พิจารณาตามความจำเป็นของแต่ละคน" อีกทั้งการใช้แก๊สคือการดัดแปลงที่ต้องมีการดูแลบ่อยครั้งขึ้น   ครั้งนั้นผมโดนอัดไปทุกที่ไม่เว้นแม้แต่ในห้องส้วมตามปั๊ม  มีคนบอกผมว่า "ผู้รู้" ในหลายๆเวปอัดผมจนไม่เป็นผู้เป็นคนไปเลย   ซึ่งผมก็ได้แต่ขอบคุณผู้ที่บอกและตอบกลับไปคล้ายคนแล้งน้ำใจว่า  ต่อไปถ้าเจอคนด่าผมอีกก็ไม่ต้องมาบอก  เพราะถ้าผมไม่รู้ผมจะมีความสุขมากกว่าที่รู้     ผมเป็นคนบ้ายอชอบฟังคนชขมมากกว่าคนด่า  และถ้าไม่มีคนมาบอกผมก็ไม่มีทางรู้  เพราะผมไม่เคยเข้าเวปไซท์อื่นๆ   ไม่เคยอ่านหนังสือรถอื่นๆ   ดังนั้นที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้ นอกจากจะเป็นการ "บอกเล่าเก้าสิบความในใจ" แล้ว  ก็อยากจะขอแนะนำท่านทั้งหลายว่า  อย่าโต้กันไปมาเลยครับ  ถ้าจะให้คำแนะนำกับผู้อื่นก็ให้ไปตามเหตุผลที่มีเท่านั้นก็น่าจะพอ  เพราะต่อให้เอาเรื่องนี้ขึ้นมาประชุมถกกันในระดับ "นักวิชาการ"  ผมก็เชื่อว่า "ไม่จบ"...ไปละครับ   ขออนุญาตไปนั่งสวดมนต์นับลูกประคำ แกล้มถั่วลิสงคั่วต่อนะครับ  เดี๋ยวไวน์เปรี้ยวกลายเป็นน้ำส้มสายชูเสียหายหมด

---การเสนอมุมมองเรื่องนี้   // ควรเสนออย่างเป็นกลาง  // และมีความรู้ด้านพิษไอเสียให้มาก ๆ  ว่าตัวไหน ดีหรือเสีย อย่างไร

--- การอุด มีทั้งผลดี และผลเสีย   ต่อโลกและมนุษย์   แล้วแต่มุมมองและจุดยืนของแต่ละบุคคล  // เพราะพิษจากไอเสีย  มันมีหลายตัวหลัก ๆ    เช่น  Nox   Co2   HC   PM 

---แต่ด้วยระดับปัญญาชนของหลาย  ๆ คน  หรือคนหลาย ๆ กลุ่ม   //  แม้กระทั่ง ระดับ ด็อกเตอร์ ของมหาวิทยาลัยบางสถาบันที่ใช้กระบะ   มักจะเลือกแนวทางการอุด  egr    เพราะสังเคราะห์แล้วว่าในภาพรวม      มันช่วยเพื่อนมนุษย์และโลกด้วยกันเองในระยะยาวแบบยั่งยืนและเห็นผลเร็วกว่า

---การทำธุรกิจ   มนุษย์ชอบอ้างว่าเพื่อสิ่งแวดล้อมและโลก  แต่ในทางกลับกัน  หากมานั่งพิจารณากันดี ๆ มันคือ การทำลายมากกว่ารักษานั่นเอง

---ศึกษาด้วยตนเอง  เปิดมุมมองให้เยอะ ๆ   แล้วช่วยกันพิจารณาครับ     

--- แหล่งข่าวจากทุ่งนา  บอกนกเอี้ยงว่า   ในอนาคตอันใกล้  อีกไม่นาน คาดว่าผู้ผลิตรถยนต์หลายค่าย

คงจะยกเลิกระบบนี้ทิ้งไป  แต่เราต้องยอมจ่ายเพื่ออุปกรณ์กำจัดไอเสียอันใหม่ที่ราคาจะสูงขึ้นพอสมควร 

ซึ่งมันช่วยรักษาทั้งสิ่งแวดล้อมและอายุการทำงานของเครื่องยนต์ไปพร้อม ๆ กัน

ถ้าเข้าไปในเวปรถอีซูซุทั้งหลาย จะเห็นผู้อวดรู้ ที่คิดว่าตัวเองเก่งกว่าวิศวกรรถยนต์ ต่างสนับสนุนการอุดกันทั้งนั้น

ทั้งๆที่มันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นอย่างที่คิดกันเองจนเป็นอุปทานหมู่กันไปหมดแล้ว เดิมๆอย่างที่เขาออกแบบ ย่อมมีเหตและผลอยู่ในตัวของมันอยู่แล้วครับ

เป็นความเชื่อที่ฝังรากลึกลงไปในเว็ปดังกล่าวและเว็ปที่เกี่ยวข้อง (เว็ปกระบะเทพฯ) ที่มักอ้างว่าดียังงั้นดีอย่างนั้นอย่างนี้

ขออนุญาตนำความเห็นจากเว็ปคุณจิมมี่ มาให้พิจารณาครับ

1หน้าที่ของ วาล์ว EGR คือ จะเปิดทำงานเมื่อมี แรงดันย้อนกลับ (Back Pressure)
จากท่อทางเดินไอเสีย ของรถยนต์ ให้ไอเสียบางส่วน กลับเข้าสู่กระบวนการเผาไหม้อีกรอบหนึ่ง

สงสัยใช่ไหมว่า แล้วมันจะช่วยให้ไอเสียสะอาดขึ้นได้อย่างไร เอาง่ายๆคือ การจะเผาไหม้ได้
มันต้องมีส่วนผสมของ อากาศ และน้ำมัน ถูกไหมครับ? การช่วยให้ ไอเสียบางส่วน
ไหลย้อนกลับเข้าไปในห้องเผาไหม้ได้ ตามหลักการแล้ว มันจะช่วยให้ อุณหภูมิ
ของ ส่วนผสมน้ำมันกับอากาศ ร้อนขึ้น อุ่นขึ้น ในระดับที่เหมาะสม ซึ่ง มันจะช่วยให้การจุดระเบิด
สมบูรณ์ขึ้น ถ้า EGR วาล์ว รับรู้ว่า เครื่องยนต์ อุ่นได้ที่แล้วละ มันก็จะยุติการทำงาน
และปล่อยไอเสียให้ไหลผ่านไป เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ โอเวอร์ฮีต

การอุ่นเครื่องยนต์ และระบบหล่อเย็น ไม่เพียงแต่จะช่วย ให้อุณหภูมิของเครื่องยนต์
พุ่งขึ้นไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมต่อการทำงานของเครื่อง ซึ่งถ้าอุณหภูมิเหมาะสมเมื่อไหร่
การเผาหม้ที่ตามมาหลังจากนั้น ก็จะมีประสิทธิภาพดีขึ้นเร็วเท่านั้น

ยิ่งถ้าเป็นรถไฮบริดด้วยแล้ว ระบบนี้ จำเป็นเลยละ เพถราะอย่าลืมว่า เครื่องยนต็์ ในรถไฮบริดส่วนใหญ่
จะถูกออกแบบมาให้เป็นแบบ Stop And Go หรือ ดับเครื่องยนต์เองเมื่อ รถหยุดนิ่ง
ถ้ามันต้องจอดนิ่งนานๆ เครื่องยนต์ ก็จะเริ่มเย็นตัวลงเร็ว ดังนั้นการทำงานของ EGR วาล์ว
ก็จะช่วยไม่ให้ อุณหภูมิของเครื่อง เย็นลงเร็วเกินไป และเพื่อให้พร้อมกลับมาติดเครื่องทำงานต่อไป
ได้ทุกเมื่อ

แล้วไอ้การนำไอเสีย บางส่วน กลับไปเผาไหม้อีกรอบเนี่ย มันจะช่วยลดมลภาวะได้ยังไง?
อย่าลืมว่า EGR ทำงานโดยดูจาก ปริมาณก๊าซไนตรัสออกไซด์ หรือ NOx ซึ่งจะเกิดขึ้น
เมื่อมีการเผาไหม้ในอุณหภูมิที่สูงมากๆ 

การนำเอาไอเสียที่ได้ กลับไปผสมกับ ส่วนผสมไอดี (อากาศ กับน้ำมัน) อีกครั้ง
ปริมาณของอ็อกซีเจน ในส่วนผสมไอดี จะลดลง และประสิทธิภาพในการเผาไหม้
ของไอดีเหล่านั้น จะลดลง ซึ่งทำให้ ไอน้ำมัน จะถูกเผาไหม้ในอุณหภูมิที่ลดลง

ในระบบ EGR ส่วนใหญ่ บางส่วนของไอเสีย ที่เข้าไปทาง EGR วาล์ว จะถูกทำให้เย็น
ก่อนปล่อยเข้าไปรวมกับไอดีอีกรอบ ส่วนผสมน้ำมันกับอากาศ และไอเสียที่เผาไหม้
ซึ่งถูกทำให้เย็นตัวลง จะช่วยลดการเกิด ไนโตรเจนออกไซด์ ลงได้
นอกจากนี้ อุณหภูมิที่ต่ำลง ยังช่วยลดการถ่ายพลังงาน หมายความว่า พละกำลัง
จากรถ ที่จะลงสู่ล้อและพื้นถนน ก็จะเต็มเม็ดเต็มหน่วยยิ่งขึ้น นั่นเองครับ

2.มีอีกประเด็นที่ คนอุด มักอ้างถึง คือ การอุด EGR ทำให้อายุแคต และ เครื่องยนต์ ยาวนานขึ้น ซึ่งก็เป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมอีกทาง ซึ่งก็คงจริงนะ  แต่

นั่นมันเป็นผลทางอ้อมมากๆ สำหรับ คนที่ต้องดมแก๊สพิษจากรถตามถนนทุกวัน หากคนเหล่านี้เลือกได้ เขาคงเลือกไอเสียที่สะอาดขึ้น มากกว่า เครื่องยนต์ที่ทนทานขึ้นอีกนิด นั่นคือ ความสำคัญของผลกระทบมันผิดกัน หากต้องเลือก ทุกคนก็อยากเลี่ยงผลกระทบกับสุขภาพของตัวเอง"โดยตรง"มากกว่า"โดยอ้อม" อยู่ดี

...และ ทั้งหมดนี้ ผมหมายถึงคนที่ใช้ถนนทั่วไป คนแก่ข้ามทางม้าลาย แม่ค้าขายลูกชิ้น เด็กนักเรียนรอรถเมล์ โดยไม่อาจนับรวมคนที่นั่งแช่แอร์อยู่ในห้องโดยสารรถที่อุด EGR ด้วย

ไอ้ผลเสียน่ะ มันไม่ได้ส่งต่อรถครับ  แต่มันส่งต่อโลก โดยตรง .........

EGR คือตัวที่นำอากาศเสียกลับไปใช้ใหม่ เพื่อลดอุณหภูมิของการเผาไหม้ลง เพื่อลดการเกิดของ NOx หรือไนดตรเจนออกไซด์ อันเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมครับ  และในช่วงรอบเดินเบา เช่นตอนติดไฟแดงอยู่นั้น ระบบ EGR จะทำงานได้ผลสูงขึ้นอีกหลายสิบเปอร์เซ็นต์ หากคุณถอดออก ก็หมายความว่า คุณไม่ได้รักโลก ไม่รักษาอากาศดีดีเอาไว้ให้ลูกหลานของคุณ และคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมกันทำให้โลกร้อนขึ้นกว่า ที่ควรด้วยอีกหนึ่งราย

คิดต่อเอาเอง  เงินคุณ รถคุณ  แต่โลกไม่ใช่ของคุณคนเดียว

จะภูมิใจไหม ถ้าวันนึงลูกคุณมาถามว่า  พ่อ ๆ พ่ออุด EGR พ่อไม่รักหนูหรอ  ทำไมพ่อต้องทำลายโลกด้วย   เิหอะ

ไอ้ผลเสียน่ะ มันไม่ได้ส่งต่อรถครับ  แต่มันส่งต่อโลก โดยตรง .........

EGR คือตัวที่นำอากาศเสียกลับไปใช้ใหม่ เพื่อลดอุณหภูมิของการเผาไหม้ลง เพื่อลดการเกิดของ NOx หรือไนดตรเจนออกไซด์ อันเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมครับ  และในช่วงรอบเดินเบา เช่นตอนติดไฟแดงอยู่นั้น ระบบ EGR จะทำงานได้ผลสูงขึ้นอีกหลายสิบเปอร์เซ็นต์ หากคุณถอดออก ก็หมายความว่า คุณไม่ได้รักโลก ไม่รักษาอากาศดีดีเอาไว้ให้ลูกหลานของคุณ และคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมกันทำให้โลกร้อนขึ้นกว่า ที่ควรด้วยอีกหนึ่งราย

คิดต่อเอาเอง  เงินคุณ รถคุณ  แต่โลกไม่ใช่ของคุณคนเดียว

จะภูมิใจไหม ถ้าวันนึงลูกคุณมาถามว่า  พ่อ ๆ พ่ออุด EGR พ่อไม่รักหนูหรอ  ทำไมพ่อต้องทำลายโลกด้วย   เิหอะ

กระทู้นี้ตอบยากครับว่าดีหรือไม่ดี