ไม่เข้าใจทำไมน้ำจึงท่วม
avatar
.....


เราจะมีวิธีแก้ปัญหายังไงกับมันในอนาคตและตอนนี้

- ฝนก็ไม่ได้ตกตลอด 24 ชม. แล้วทำไมต้องปล่อยให้น้ำเต็มเขื่อนแล้วระบายออกแบบนี้ไม่ทยอยๆ ปล่อย

- ทุกจังหวัดควรมีเขื่อนเป็นของตัวเองดีไหม ระบบทางน้ำไหลตามคลองต่างๆ ควรแข็งแรงไม่มีอะไรขวางและมีความสูงระดับ 4 เมตรดีไหม จะได้คล่องตัวลงทะเลง่าย

- ควรช่วยกันปลูกป่าปลูกต้นไม้กันไหมครับ

- ไอ้จังหวัดที่กำลังท่วมตอนนี้เอารถดับเพลิงกับรถน้ำทั้งหมดของประเทศไทยมาช่วยกันสูบน้ำเอาไปทิ้งกันดีกว่าไหมครับ (ดีกว่ามากั้นน้ำแล้วแตกทุกทีน้ำก็ทะลักไปเลื่อยๆ)  ประกาศไม่ให้คนออกจากบ้านถนนจะได้โล่งเจ้าหน้าที่จะได้ทำงานระบายน้ำได้อย่างเต็มที่ ผมเชื่อว่าป้องกันก่อนมันท่วมย่อมเสียหายน้อยกว่ามันท่วมแล้ว

ไหนจะต้องมานั่งแจกข้างแจกน้ำกับชาวบ้าน

- หลักจากผ่านวิกฤตนี้เราควรวางแผนป้องกันให้ดีและมีประสิทธิภาพมากว่านี้

- สนับสนุนให้คนซื้อรถแล้วพอเกิดปัญหาไม่มีที่จอดรถให้ประชาชน

- มันน่าเศร้ารู้ว่าจะเกิดอะไรแต่แก้ไขไม่ได้ คนไทยควรช่วยกันนะครับ

 



ผู้ตั้งกระทู้ ..... :: วันที่ลงประกาศ 2011-10-13 13:47:44 IP : 161.200.100.2


1

ความคิดเห็นที่ 16 (3315703)
avatar
tomemai500

คุณลูกบอลครับ น้ำที่ท่วมเพราะ กทม เค้าไม่เปิดประตูน้ำจะมีผลเฉพาะรอบๆ กทม เท่านั้นครับ อยุธยา ลพบุรี นครสวรรค์ ชัยนาท อ่างทอง

ทั้งหมดทีกล่าวมาท่วมเพราะการบริหารจัดการน้ำครับ  ทำไมถึงมาปล่อยน้ำพร้อมๆกันตอนเดือนกันยายน ตอนเดือนสิงหาคม น้ำท่วมภาคเหนือตอนล่างมัวทำอะไรกันอยู่ คุณลูกบอลอ่านหนังสือพิมพ์คงนึกออกนะครับ ว่าเค้าไปไหนกัน ทำอะไรกัน

กทม เราก็ทราบกันดีแล้วครับ น้ำมาไม่ถึง กทม จะไห้เปิดประตูน้ำให้อะไรมันไหลผ่านครับ ตอนนี้น้ำมา คนที่รู้เรื่องน้ำเพิ่งจะมีโอกาศได้เข้ามาควบคุมการทำงานของ ศปภ ก่อนหน้านี้ทำไมคนที่รู้เรื่องจึงไม่ได้รับโอกาสให้ทำงาน ลองตามข่าวดูดีๆสิครับ

ผมฟังผู้ว่ากทม มากกว่า ศปภ เพราะเค้าแถลงความจริง ซึ่่งทุกครั้งที่ ผู้ว่ากทมพูด ไม่เห็นมีใครกล้ามาเถียง พูดรวมๆ ว่ากทม ไม่ให้ความร่วมมือ แต่พอลงรายละเอียดเรืองเปิดประตูน้ำ เป็นไงครับ รัฐบาลเถียงออกไหม

การเตือนภัย น้ำท่วม นิคมพังไป 7 นิคม ศปภ เคยเตือนภัยก่อนไหม พังแล้ว ท่วมถึงคอแล้วค่อยมาบอกอพยพ จริงไหมครับ บอกรับได้ ทำได้ แล้วความจริงเป็นอย่างไร รับได้ซักแห่งไหม

กทม บอกก่อนพัง ศปภ พังแล้วค่อยบอก

แถลงข่าวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ใครพูดจริงครับ

ยังไม่รวมเรืองแย่ๆในศูนย์ดอนเมือง ที่มีอยู่เต็ม facebook

จนตอนนี้เหลืออยู่พวกเดียวแล้วครับที่ดอนเมือง

ลองฟังสื่่อเลือกข้างบางสือสิครับ ทุกหน่วยงานทำผิดหมด รัฐบาลไม่ผิด บางคนกล่าวพาดพิงเบื้องสูง ว่าเป็นคนแกล้งให้น้ำท่วม คนดีๆเค้าทำก้นอย่างนี้ไหมครับ อย่าฟังแต่คนพูดครับ ใครทำอะไรอยู่

ผู้แสดงความคิดเห็น tomemai500 (tonemai500-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-10-23 18:14:37 IP : 124.122.76.65


ความคิดเห็นที่ 15 (3315008)
avatar
ลูกบอล

และนี่คือคำตอบว่าของสาเหตุว่าทำไม น้ำท่วม  จาก มูลนิธิ สืบนาคเสถียร

 

http://www.youtube.com/watch 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลูกบอล วันที่ตอบ 2011-10-14 15:20:13 IP : 58.136.28.242


ความคิดเห็นที่ 14 (3315004)
avatar
ลูกบอล

 ที่พูดมามันก็ถูกครับ แต่ จะให้น้ำมันไหลไปไหน ล่ะ  เล่นที่ประตูระบายน้ำไว้ แบบนั้น   การเปิดประตูระับายน้ำเนี่ย มันจำเป็นเสมอหรอ ที่ต้องเปิดให้สุด ..........  มันค่อย ๆ ปล่อยได้ แต่ พี่ท่าน กทม ท่านเล่นปิดตาย  แล้วไง  อีตอนมันจะท่วม แทนที่จะหาวิธีรับมือ เสือกเพิ่งไสยศาสตร์  งานนี้เทวดา ก็ช่วยไม่ได้แล้ว   

 

ตอนนี้ ถ้ามันจะท่วมมันต้องท่วมแล้ว ครับ  เพราะทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังตั้งแต่แรก  แม่น้ำเจ้าพระยา สมัยตอนผมเด็ก ๆ โคดจะกว้าง  เด๋วนี้ ดูตรงอยุธยา เ่ด่ะ แม่ม แคบ พอ ๆ กับคลองพระโขนงเลย  จะไปรับน้ำปริมาณนั้นได้ไง   

 

คนต่้างจังหวัดก็เสียภาษี นะครับ  เผลอเสียมากกว่าคนกทม. อีก  

ผู้แสดงความคิดเห็น ลูกบอล วันที่ตอบ 2011-10-14 15:07:53 IP : 58.136.28.242


ความคิดเห็นที่ 13 (3314985)
avatar
.....

เยี่ยมเลยครับคุรอ๊อฟ

ในเมื่อคนไปสร้างบ้านและโรงงานแบบนี้ มันก็ท่วมแบบนี้ทุกปี แล้วมันจะทำอะไรได้บางที่ดีกว่านี้ครับ (เคยได้ยินมาเหมือนกันที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะเกิดจากการโกงกินกัน) คงต้องไล่ไปตั้งแต่ต้นเหตุว่าใครเป็นคนอนุมัติให้มันสร้างที่ดินตรงนั้นได้ แล้วก้เคลีย์ระบบน้ำจากเคลื่อนให้ไหลตรงลงทะเลได้สะดวก อย่างนี้ก็คงแก้ปัฐหาการระบายน้ำได้ ช่วยกันปลูกป่า ที่จริงทุกจังหวัดมีเขื่อนก้น่าจะดีหน้าแล้วจะได้ไม่แล้งก่อนหน้าฝนก็ก็ปล่อยน้ำออกก่อน50 เปอร์เซ็นของเขื่อน

คิดเล่นๆ ถ้ามนุษย์ พัฒนาเอาน้ำมาใส่รถวิ่งได้เชื่อไหมว่าจะไม่เกิดปัญหาน้ำท่วม

ผู้แสดงความคิดเห็น ..... วันที่ตอบ 2011-10-14 12:03:36 IP : 161.200.100.2


ความคิดเห็นที่ 12 (3314980)
avatar
อ๊อฟ

 

ข้อมูลจาก
 

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ คงจะช่วยกระตุ้นให้ท่านทั้งหลายได้นึกย้อนกลับถึงความเป็นจริงของธรรมชาติ และอาจจะนำไปใช้ประโยชน์ได้ในภายภาคหน้า ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องที่หลายๆท่านคงทราบดีอยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องทางธรรมชาติปกติ   

วิชาการนี้เรียกว่า Geomorphology ว่าด้วยเรื่องของสภาพภูมิประเทศและกระบวนการทางธรรมชาติที่ไปทำให้เกิดสภาพเช่นนั้น

ภูมิประเทศที่เราเห็นทั้งหลายนั้นเกือบทั้งหมดเกิดมาจากผลของการผุพัง (Weathering) การกัดกร่อน (Erosion) การทับถมของดินและหิน (Deposition) ที่เกิดบนพื้นผิวโลกทั้งบนดิน ใต้แอ่งน้ำและท้องทะเลมหาสมุทร และพลังงานต่างๆที่ยังสะสมอยู่ภายในโลกที่ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟ น้ำพุร้อน และรอยเลื่อนต่างๆ อันเป็นผลทำให้เกิดภัยพิบัติต่างๆ
 
ตัวการที่ทำให้เกิดภูมิประเทศต่างๆและผลดังกล่าวนี้ ได้แก่ ลม น้ำ น้ำทะเล น้ำแข็ง และพลังงานในรูปแบบต่างๆของโลกที่ยังคงดำเนินอยู่ต่อเนื่องตลอดมาตั้งแต่โลกกำเนิดมา (เช่น การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ภูเขาไฟ ฯลฯ)

ความจริงพื้นฐานก็คือ พื้นผิวของผิวโลกในส่วนที่สูงจะถูกทำให้ต่ำลง ในขณะที่พื้นผิวบริเวณที่ต่ำจะเป็นแ่อ่งรับตะกอนสะสมให้สูงขึ้น จนในสุดท้าย ทั้งพื้นที่สูงและพื้นที่ต่ำปรับลงมาอยู่ในระดับเดียวกัน (ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นได้เลยในโลก เพราะพลังงานภายในโลกได้ทำให้ผิวโลกมีการยกตัวและทรุดตัวตลอดเวลา)

จะกล่าวถึงเฉพาะเรื่องของน้ำจืดที่ใหลอยู่บนผิวโลกเหนือพื้นดิน (Fluvial) และกระบวนการทำลายและการสร้างของมันเท่านั้นครับ

ตัดตอนอย่างสั้นๆ - น้ำฝนที่ตกลงมาในป่าเขาซึ่งเป็นพื้นที่สูง บางส่วนจะถูกดูดซึมลงใต้ดิน ส่วนที่ถูกดูดซึมไม่ทันก็จะไหลอยู่บนผิวดินลงสู่พื้นที่ต่ำกว่า พร้อมอุ้มเอาดินทรายลงมาด้วย ดินทรายที่ถูกน้ำอุ้มนำพาลงมาด้วยนี้ก็เหมือนกระดาษทราย ขัดถูกัดกร่อนก้อนหินและเม็ดดินทรายอื่นๆ เมื่อน้ำอุ้มดินทรายไว้มาก ก็ขุ่นข้น ทำให้เนื้อของมวลน้ำนั้นมีมวลแน่นขึ้น ก็สามารถจะอุ้มดินทรายได้ก้อนใหญ่ขึ้น การกัดเซาะของน้ำในพื้นที่ลาดลันสูงนี้เป็นลักษณะในทางลึก บริเวณต้นห้วยหรือต้นลำน้ำต่างๆจึงมีลักษณะเป็นร่องลึก
น้ำที่ซึบซับลงดินนั้น หากมีมากเกินระดับหนึ่ง ก็จะทำให้ความสามารถในการยึดตัวของเม็ดดินลดลง เหมือกับเราเอาน้ำเทลงดิน หากไม่มากนัก ดินนั้นเราก็จะสามารถปั้นได้ แต่หากมากจนเกินไปก็จะกลายเป็นโคลน และมากไปมากๆก็จะกลายเป็นเลนเละๆ เป็นจุดเริ่มของดินโคลนถล่ม

ตัดตอนลงมาสู่ที่ราบ - การกัดกร่อนในทางลึกลดลงไปแต่ไปเพิ่มการกัดกร่อนในทางราบ ทางน้ำหรือแม่น้ำในพื้นที่ราบจึงคดโค้งและแกว่งตัวไปมา เมื่อน้ำมากเกินกว่าความสามารถของร่องน้ำจะนำพาลงไปสู่ที่ต่ำกว่าได้ทัน น้ำก็จะท่วมล้นฝั่ง แผ่ออกไปด้านข้าง เกิดเป็นพื้นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึง (Floodplain)

เริ่มเข้าประเด็นที่อยากจะเล่าตั้งแต่จุดนี้ไป ครับ

เมื่อน้ำล้นร่องน้ำไหลออกไปทางด้านข้าง ก็จะทำให้เกิดภูมิประเทศที่สำคัญอยู่ 3 ลักษณะ คือ อันแรก สันคันคลองตามธรรมชาติ (Natural levee) อันที่สอง ร่องแยกบนสันคันคลองนี้ (Cleavage) จนขยายกลายคลองธรรมชาติ (Channel) เชื่อมกับทางน้ำหลัก และอันที่สาม พื้นที่น้ำท่วม (Swamp)

สันคันคลองตามธรรมชาตินั้นปรากฎให้เห็นทั้งสองฝั่งตลอดแนวแม่น้ำตามธรรมชาติที่ไหลอยู่ในพื้นที่ราบ เกิดจากตะกอนดินทรายที่แม่น้ำพัดพามา เมื่อน้ำในแม่น้ำมากและไหลแรง มวลน้ำจะมีความสามารถในการอุ้มเม็ดดินทรายได้มากและก้อนใหญ่ (น้ำหนักมาก) เมื่อความเร็วของน้ำลดลงตะกอนดินทรายที่ก้อนใหญ่หรือมีน้ำหนักมากก็จะตกลงเป็นตะกอน สันคันคลองตามธรรมชาติก็เกิดจากกระบวนการนี้ คือ ในร่องน้ำ น้ำไหลแรง พอเอ่อล้นตลิ่ง ความเร็วของการไหลลดลง ตะกอนก็ตก
ดังนั้น สันคันคลองธรรมชาติจึงเป็นพื้นที่สูง เนื่องจากมีตะกอนดินทรายมาทับถมพอกพูนทุกครั้งที่มีน้ำเอ่อล้นตลิ่ง

ร่องแยกบนสันคันคลองที่กลายเป็นคลองเชื่อมกับแม่น้ำ ร่องนี้คือร่องระบายน้ำจากแม่น้ำเมื่อน้ำเอ่อไหลท่วมสันคันคลอง น้ำจะเซาะทำให้เกิดเป็นทางน้ำไหลเป็นร่องที่ขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆเพื่อนาพาน้ำลงสู่ที่ต่ำด้านหลังของสันคันคลอง ร่องน้ำนี้อาจจะมีสันคันคลองธรรมชาติได้แต่ไม่เด่นชัด

พื้นที่น้ำท่วม คือพื้นที่รับน้ำทีเอ่อล้นตลิ่ง เป็นที่ลุ่มมาก ชุมชื้นหรือชื้นแฉะมากกว่าพื้นที่ทั่วไป มีลำรางตามธรรมชาติอยู่มาก พื้นดินเป็นดินเนื้อละเอียดและอ่อน พื้นที่นี้อยู่ระดับต่ำกว่าสันคันคลองธรรมชาติ และในหลายกรณี ระดับอาจจะต่ำกว่าระดับท้องแม่น้ำก็ได้

คนโบราณเขาเลือกตั้งบ้านเรือนถิ่นฐานอยู่บริเวณที่เป็นสันคันคลองตามธรรมชาติ บ้านเรือนเป็นแบบพื้นสูงให้น้ำที่เอ่อล้นรอดใต้ถุนไปได้ ปลูกไม้ยืนต้นในบริเวณนี้ ช่องต่อระหว่างสันคันคลองนี้กับพื้นที่น้ำท่วมก็ทำไร่ทำสวน พอลงไปในบริเวณพื้นที่น้ำท่วมก็ทำนา ไม่ปลูกบ้านอาศัย มีแต่เขียงนาเพื่อพักชั่วคราว

ปัจจุบัน เราไปปลูกบ้านเรือนอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมในที่ใช้ทำนา แถมยังปลูกบ้านติดพื้นดินอีก ไปพัฒนาเป็นพื้นที่นาให้เป็นสนามกอล์ฟและโรงงานอุตสาหกรรม เอาพื้นที่บนสันคันคลองไปทำถนน เอาร่องน้ำที่ธรรมชาติใช้ระบายน้ำเอ่อล้นกลับทิศทางเป็นทางระบายน้ำออกจากที่ต่ำ รวมทั้งขุดดินฝังท่อระบายน้ำโดยกำหนดระยะลึกจากผิวดินแทนที่จะกำหนดระยะลึกให้เสมอหรือลาดเอียงไปสู่ระดับน้ำในแม่น้ำ กลับทิศกันหมดเลย

การขยายเมืองขยายพื้นที่ชุมชนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราทำย้อนธรรมชาติได้ตราบใดที่เราเข้าใจลักษณะของมัน และไม่ไปฝืนธรรมชาติมากจนเกินไป ทั้งหมดจะต้องพัฒนาไปบนหลักการของ Living in harmony with nature ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการสรรสร้างธรรมชาติรอบตัวให้สวยงามและดูเป็นธรรมชาติ แต่เป็นเรื่องของการอยู่อย่างเข้าใจในกระบวนการทางธรรมชาติ และเมื่อเราหลีกไม่พ้นที่จะต้องอยู่ในสภาพนี้ ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องคำนึงถึง 4 เรื่อง (ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือรัฐ) คือ
   เรื่องแรก คือ การจัดการล่วงหน้าเพื่อจะบรรเทาภัยและความเสียหายที่จะเกิดขึ้น (Mitigation) เนื่องจากเป็นภัยธรรมชาติที่ต้องเกิดเป็นปกติ ห้ามมันมิได้
   เรื่องที่สอง คือ การเตรียมตัวให้พร้อมที่จะอยู่ร่วมกับมันหรือแก้ไขมันเมื่อมันเกิดเรื่องขึ้นมา (Preparedness) อันนี้เป็นเรื่องของพวกอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ
   เรื่องที่สาม คือ ความพร้อมที่จะผจญกับมันในทันทีเมื่อเกิดเหตุ (Response) อันนี้เป็นเรื่องทางใจ คือ พร้อมสู้และกระโจนเข้าแก้ไขทั้งส่วนยุคคลและส่วนรวม
ซึ่งหมายโดยเฉพาะถึงการทำให้ตนเองและผู้อื่นมีชีวิตอยู่ ไม่ตายหรือเจ็บไปตั้งแต่แรก และอยู่รอดตลอดช่วงของเหตุการณ์ 
   และเรื่องที่สี่ คือ การกู้ภัย การกู้ความเสียหาย และการเยียวยาหลังจากการเกิดเหตุ (Salvation and Remedy)

ภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คงเห็นด้วยกันว่า เกือบทั้งหมด รัฐไปเตรียมการอยู่ในเรื่องที่สี่ 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ๊อฟ วันที่ตอบ 2011-10-14 11:35:53 IP : 61.90.147.245


ความคิดเห็นที่ 11 (3314979)
avatar
ขจกท

ปี 38 บ้านเดิมอยู่ฝั่งจรัญขาออก ตอนเช้าน้ำท่วมจรัญขาเข้า พวกเลยรื้อกระสอบทราย ให้ท่วมจรัญขาออกด้วย จะได้เดือดร้อนเท่ากัน         คิดได้อย่างนี้ ขอให้เจริญ ๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น ขจกท วันที่ตอบ 2011-10-14 11:23:56 IP : 203.146.189.99


ความคิดเห็นที่ 10 (3314974)
avatar
.....

สรุปมันก็ควรปล่อยออกมาบ้างแล้วระบายให้ทันอย่าให้ท่วมสูงเต็มที่ 20-30 ซม. ก็พอ กทม. มีรถและสิ่งปลูกสร้างเยอะ ประกอบกับประชากรเยอะ เช่นรถไฟฟ้าใต้ดินถ้ามันท่วมกี่หมื่นล้าน ประกอบกับโรงพยาบาลใหญ่ เช่น โรงพยาบาลระบบปั่นไฟอยู่ใต้ตึกเกือบทุกตึก ถ้ามันถ่วมขึ้นมาคนไข้ตายเป็นพันๆ คนแน่  เช่น จุฬาฯ รามา ศิริราช คนป่วยหมื่นๆ คนคงเดือดร้อน แล้วจะเอาคนป่วยไป รพ.ไหนที่ใหญ่กว่านี้ไหมครับ นิคมอุตสาหกรรมมันท่วมไปแล้วมันทำอะไรไม่ได้แล้ว ไอ้ที่มันยังไม่เสียหายเค้าก็ทำถูกแล้ว เหตุที่มันฉิบหายแบบนี้ก็เพราะมีแต่คนเห็นแก่ตัวกูท่วมบ้านมึงไม่ท่วมพังแนวกั้นน้ำซะ มันเลยฉิบหายกันเข้าไปใหญ่ 

**มองอะไรต้องมองหลายๆ ด้าน ไม่มีประเทศไหนปล่อยให้เมืองหลวงฉิบหายง่ายๆ หรอกครับจริงไหม คนที่ซื้อบ้านชานเมืองเพราะอะไรมันถูก บางคนบอกอากาศดี แต่เกิดเหตุการแบบนี้กลายเป็นคนที่อยู่คอนโดมิเนียมเป้นดีที่สุด

ผู้แสดงความคิดเห็น ..... วันที่ตอบ 2011-10-14 10:26:03 IP : 161.200.100.2


ความคิดเห็นที่ 9 (3314967)
avatar
ลูกบอล

 ส่วนตัวนะ  ไม่ยอมปล่อยน้ำให้ไหลโฟว์ออกมาตั้งแต่ตอนแรก ไป เก็บน้ำไว้ในเขื่อนจนเกินปริมาณ แล้วปล่อยออกมาทีเดียว เพื่ออะไร นโยบายใคร ปัญญาอ่อน แล้ว ปัญหาอีกที่คือ กทม ไม่ยอมรับน้ำ ไปลงทะเล แล้ว จะให้มันไปทางไหน ปิดประตูระบายน้ำกั้นน้ำไว้ให้ท่วมพื้นที่เกตรกรรม กับ อุตสาหกรรม ทำไม ?  

 

ปากบอกเพื่อ เขตเศรษฐกิจ   - แล้วไง ถ้าภาคเกษตร และัอุตสาหกรรม ชิบหาย เขตเศรษฐกิจ จะเอาอะไรกิน  

ผู้แสดงความคิดเห็น ลูกบอล วันที่ตอบ 2011-10-14 09:24:10 IP : 110.168.200.18


ความคิดเห็นที่ 8 (3314947)
avatar
.....

น่าแปลก กรมป่าไม้ก็มี กรมอุตุก็มี ผู้ดูแลน้ำก็มี แต่ทำไมจึงเป็นแบบนี้ เครื่องสูบนำไม่มีหรือไม่เพียงพอก็ควรเพิ่ม รถประจำตำแหน่งไม่ต้องเปลี่ยนให้หรูหราหรือใหม่ทุกปีก็ได้ ออกมาร์ชก็พอ เอาเงินไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนน่าจะดีกว่านี้

ผู้แสดงความคิดเห็น ..... วันที่ตอบ 2011-10-14 07:45:03 IP : 161.200.100.2


ความคิดเห็นที่ 7 (3314932)
avatar
911

 ส่วนของผมคิดว่าเรื่องของเรื่องคือไปเบียดเบียนการตัดไม้มากที่สุด แล้วไม่ปลูกหรือปลูกทดแทนไม่ได้  เลยแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้กับธรรมชาติซะ  ฉะนั้นพอธรรมชาติเอาคืนบ้างก็เจ๋งกันเป็นแถบๆ นี้ล้วนเป็นฝืมือของมนุษย์(มนุษย์)ทั้งนั้น.....  ที่ไม่เรียนรู้ธรรมชาติ   //  ชาวบ้านไม่รู้หนังสือก็มักจะตกเป็นเหยื่อของนายทุน

ผู้แสดงความคิดเห็น 911 วันที่ตอบ 2011-10-13 23:07:55 IP : 125.24.123.109


ความคิดเห็นที่ 6 (3314930)
avatar
deep_samui

ตามธรรมชาติน้ำก็ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ โจทย์มีอยู่แค่นี้ ทำอย่างไรให้น้ำไหลดีละ และไหลจากไหนไปไหนดี ปีๆแต่ละปีนั่งคิดยืนสร้างแต่สิ่งที่ขวางทางน้ำทั้งสิ้น ว่างก็เอาเลือดมาล้างบ้านล้างเมือง น้ำเลยมาล้างบ้านให้สะอาด และท้ายสุดต่างก็ช่วยกันทำให้น้ำไหลอย่างมีพลังอย่างไม่มีทิศทาง ผลสรุปจึงเป็นอย่างที่เห็นๆรู้ๆกันอยู่ แก้ปัญหาสลากกินแบ่งขายเกินราคายังไม่ได้แม้แต่รัฐบาลเดียว จะมาคิดแก้ปัญหาน้ำท่วม  Next Nation Afternoon Water Fish Snakeๆ Fishๆ  I come from garden Bungalow pum pump Bye see you when you see mee.

ผู้แสดงความคิดเห็น deep_samui วันที่ตอบ 2011-10-13 22:09:52 IP : 101.109.65.157


ความคิดเห็นที่ 5 (3314922)
avatar
ถึก

  มีผู้มีอำนาจบางคน  สั่งการเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำผิดพลาด....โอ๊ะ!  มีคนเสนอแนวนี้เยอะแล้ว  ขอฉีกแนว

 "แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์"...

  ก่อนหน้านี้ มีป้ายหาเสียงของพรรคการเมืองบางพรรค  "หยุดแล้ง  หยุดท่วม" แล้วเป็นไง ถูกเทวดาตบหน้าเข้าให้  ไปท้าทายอำนาจเทวดา  จากนี้อีกไม่นานก็จะเข้าสู่ฤดูแล้ง  จะหยุดแล้งได้หรือไม่  แล้วมาคอยดูกัน  

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ 

 

  

  

ผู้แสดงความคิดเห็น ถึก วันที่ตอบ 2011-10-13 20:37:50 IP : 113.53.114.234


ความคิดเห็นที่ 4 (3314896)
avatar
.....

อย่างนี้ต้องช่วยกันปลูกป่า และไอ้บ้าที่ตัดต้นไม้นี่จะจัดการกับมันอย่างไงดี(พวกชาวเขากะเหรี่ยงป่ะ) คราวที่แล้วที่ ฮ. ตกที่แก่งกระจานก็เพราะว่าไอ้บ้าพวกนี้ ตามหลักหน่วยงานของรัฐน่าจะประสานงานกันได้ดี และผู้มีอำนาจของหน่วยงานนั้นๆ น่าจะลาออกเพื่อรับผิดชอบ

สรุปมีเขื่อนแล้ว ผู้ควบคุมขาดความรับผิดชอบแบบนี้ ก็กลายเป็นโทษอย่างร้ายแรง (ลองคิดเล่นๆ ถ้าเขื่อนมันเกิดแตกขึ้นมาก ประเทศไทยตอนล่างคงเหมือนหนัง water world แน่เลย)  คิดแล้วน่ากลัว ประเทศไทยมีคนเก่งมากมายแต่กลับจัดการกับน้ำแค่นี้ไม่ได้ มันเกิดอะไรขึ้น รู้ปัญหาหมดว่าน้ำมาทางนี้ จะไปไหนต่อ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย น่าเศร้าจังครับ

ถ้าน้ำลดแล้วไม่มีใครทำอะไรต่อ ปีหน้าก็คงเป็นแบบนี้อีกใช่ไหมครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ..... วันที่ตอบ 2011-10-13 15:41:57 IP : 161.200.100.2


ความคิดเห็นที่ 3 (3314895)
avatar
ผู้เข้าใจ

โทษใครไม่ได้ครับ เพราะทุกคนเกิดมาล้วนต้องใช้และเบียดเบียนสิ่งแวดล้อม แม้กระทั่งคนที่อยู่เฉยๆ ก็มีส่วนร่วมทำลายสิ่งแวดล้อม การดำรงชีพของมนุษย์ต้องอาศัยพลังงาน อย่างเช่น ไฟฟ้า น้ำมัน ตลอดจนทรัพยากรธรรมชาติทั้งหลาย เมื่อคนเกิดมากขึ้น ย่อมต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้น สิ่งที่ตามมาคือความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของโลก ผมเข้าใจว่าโลกของเรากำลังรีไซเคิลตัวเองครับ สังเกตุได้ว่า พายุ หรือแผ่นดินไหว ภัยธรรมชาติต่าง ๆ ทวีความรุนแรงมากขึ้น

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เข้าใจ วันที่ตอบ 2011-10-13 15:20:13 IP : 61.19.197.242


ความคิดเห็นที่ 2 (3314894)
avatar
คนมีรถสปอร์ทไรด์เดอร์

 มีการตัดต้นไม้ตลอดทั่งปี มีการขึ้นไปเผาป่าตามแนวเขา กันมากมาย เมื่อฝน ตกก็จะชะล้าง พวกดิน ลงมา ถ้าลงสู้แม่น้ำ พวกดินพวกฝุ่น ผงก็จะใหลไปตามน้ำจมมันไปติดกับอะไรสักอย่าง แล้วกองรวมกันเยอะ ให้นึกถึง แท็งค์นำ ถ้าเราใส่น้ำใช้ไปนานๆ ใต้แท็งค์น้ำจะมีตะกอนอยู่ ถ้าเราไม่ทำความสะอาดเราก็จะเสียพื้นที่เก็บน้ำไป ที่นี้เราก็มาดูว่า ที่ๆพวกดินพวกฝุ่นผง ลงแม่น้ำ แล้วแม่น้ำไหลไปเจออะไรบ้าง อ่างเก็บน้ำ เขื่อน  พวกคูคลอง สังเกตมั้ยบ้างพืนที่ ทำมั้ย อยู่ๆจึงตื้นเขิน เมื่อก่อนเขาจะห้ามคนขึ้นไปตัดไม้เหนือเขื่อน เพราะเขารู้ถึงข้อดีข้อเสียของเขื่อน เพราะมันคงไม่มีไอ้บ้าที่ใหนไปทำความสะอาดเชื่อนได้ เขื่อน นะไม่ใช้กะละมัง 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนมีรถสปอร์ทไรด์เดอร์ วันที่ตอบ 2011-10-13 15:13:55 IP : 223.206.152.30


ความคิดเห็นที่ 1 (3314891)
avatar
คน korat

 

1. สร้างสิ่งปลูกสร้างขวางทางน้ำ เช่น ถนน(ท่อลอดถนนมีขนาดเล็ก) ตึกรามบ้านช่อง

2. เขื่อนปล่อยน้ำไม่สัมพันธ์ กับ ปริมาณน้ำฝน พายุที่เข้าไทย

3. กรมชล กับ กรมอุตุ ทำงานไม่ประสานกัน

4. ต่างคนต่างทำแนวกั้นน้ำ (คนหมายถึงจังหวัด) น้ำจึงไม่สามารถไหลได้ตามที่มันควรจะ

    เป็นตามธรรมชาติ สมัยก่อนๆไม่ค่อยมีแนวกั้น น้ำเมื่อท่วมจะลดลงไว้มาก.

5. ฝืนกฎ ฟิสิกส์ น้ำจะไหลสูงมาต่ำ น้ำถูกบีบด้วยแนวกั้น ความแรงจะเพิ่มขี้น (เหมือนเรา

    เอานิ้วอุดสายยางรดน้ำต้นไม้)

    ปล.อุทุกขภัยครั้งนี้ 80% เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ทั้งการตัดไม้ จังหวะการปล่อยน้ำ ขวาง

    ทางน้ำ bockน้ำห้ามเข้าบางจว. จว.อื่นท่วมตายช่างมัน ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน.

    ชาวบ้านตาดำๆ น้ำปริ่มจมูก  คนบางคน นั่งอยู่ห้องแอร์ เหล้าไวน์ปริ่มจมูกในแก้ว.

ผู้แสดงความคิดเห็น คน korat วันที่ตอบ 2011-10-13 14:49:48 IP : 110.49.243.143



1


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.