ออกเกียร์ 1 พอล้อหมุนความเร็วไม่เกิน 10 ก็เข้าเกียร์ 2 พอรถชลอความเร็วลงมาไม่ถึง 10 เราก็เข้าเกียร์ 2 ได้ไม่เป็นไรรถจอดสนิทเราก็ออกเกียร์ 1 เราก็ดูที่ความเร็วไม่ซีเรียสอะไรคนที่ขับออกเกียร์2ผมคิดว่าเขาคิดว่าไม่เป็นไรแต่รถจะพังเอาไม่ต้องรีบมากเข้าเกียร์ตามคู่มือดีที่สุด

แฮ่ม..ที่ผมบอกว่าไม่ผิด  หมายถึงไม่ผิดหรอกที่ใครจะคิดจะทำอะไร  แต่ต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น  ทีนี้เมื่อเป็นลูกจ้างทำความเสียหายให้บริษัท  ความผิดไม่ได้เกิดขึ้นเพราะขับรถไม่ถูกต้อง  แต่ความผิดเกิดขึ้นเพราะทำให้บริษัทเสียหายครับ  เพราะฉะนั้นลองไล่ลูกจ้างออกเพราะขับรถออกตัวด้วยเกียร์ 2  จะเห็นว่ากฎหมายแรงงานไม่ยอมหรอก   ต้องไล่ออกด้วยข้อหา ทำความเสียหายต่อทรัพย์สินของบริษัท  หรือ ขาดความสามารถในการประกอบวิชาชีพตามที่ได้รับมอบจากนายจ้างให้ปฏิบัติตามตำแหน่งงาน  เห็นมั๊ยวันนี้ผมเขียนซะยาวไปสุดโต่งเลย  จะได้อ่านกันเอาสบายใจ  อย่าไปเครียดครับ  เครียดมากเปลืองกับแกล้มตายโหง  ว่าแล้วก็เอาช้างกระทืบโรงมาเป๊กนึง  ขอมะขามเปียกหนึ่งปั้น  เกลือตัวผู้สักสามเม็ด  เท่านี้โลกก็ตกอยู่ใต้อุ้งมือเราโดยไม่ต้องใช้วิธีของ อดอล์ฟ  ฮิตเลอร์ แม้แต่น้อย

อาจารย์พูดถูกว่าการออกรถเกียร์สองไม่ผิด แต่ต้องรับรู้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเรื่องครัชท์และยางแท่นเครื่องมาเพิ่มเร็วกว่าปรกติ ซึ่งในฐานะเจ้าของรถและเจ้าของกิจการ คุณก็ทราบดีว่าเปลี่ยนครัชท์ทีเท่าไร ยางแท่นเครื่องมีกี่ตัว ถ้าต้องเปลี่ยนยกชุด (ถ้าเกิดการเสียหายมาก) จะเป็นเงินเท่าไร ถ้าคุณเป็นเจ้าของรถ ขับเอง ก็รับค่าใช้จ่ายไปเต็มๆ แต่ถ้าคนขับมาขับให้คุณ เขาไม่รับผิดชอบเรื่องซ่อม คุณมีรถอยู่ 50 คัน ขับแบบนี้ทุกคน ประเมินดูซิครับว่าบริษัทจะต้องศูนย์เสียค่าซ่อมไปเท่าไร เพราะเขาทำแล้วเขาไม่เสียเงิน แต่เจ้าของกิจการอ่วม จ่ายค่าซ่อมบานไปเลยไหมครับ   

สมัยผมขับรถสิบล้อ  ถ้าเป็นรถเปล่าต้องออกด้วยเกียร์ 2  เพราะอัตราทดเกียร์ 1 มันสูงมาก  พอมามีโอกาสได้ขับรถหัวลากเบนซ์รุ่นใหม่ๆที่มี 16 เกียร์  คราวนี้รถเปล่าต้องออกที่เกียร์ 3 หรือ 4 ด้วยซ้ำ  แต่รถเล็กทั้งหมด  การออกด้วยเกียร์ที่สูงกว่าเกียร์ 1 จะทำให้คลัทช์หมดเร็ว  ผ้าคลัทช์เผยอได้ง่าย  พอใช้ไปได้ไม่นานจะมีอาการสั่นขณะค่อยๆปล่อยคลัทช์ครับ  ดังนั้นใครที่ต้องการออกตัวด้วยเกียร์ 2 ก็ไม่ผิดอะไรหรอกครับ  แต่ต้องรับรู้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเรื่องคลัทช์เพิ่มมากขึ้นกว่าปรกติ  นอกเหนือไปจากยางแท่นเครื่อแท่นเกียร์ที่จะตามไปเร็ววันด้วยครับ

คุณเลิศศักดิ์ครับถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำอีกสองอย่างหลังคือ

1.ช่างมันเถอะไม้แก่แล้วมันคงจะดัดยากหากฝืนไปก็คงจะหัก

2.แช่งให้มนุษย์พวกนี้สูญพันธุ์ไปจากโลกไวไว

ส่วนใหญ่เห็นแต่คนที่ไม่ได้เป็นเจ้าของรถทำ เพราะไม่ต้องออกค่าซ่อมบำรุง พอมาขับรถตัวเองก็ออกตัวเกียร์1แทน

เดี๋ยวนี้ผมเองก็กลัวถูกตบกระบาล  และกลัวว่าจะโดนแย้งด้วยทฤษฎี "ความรู้สึก"   เลยไม่ค่อยออกความเห็นอะไรมาก  ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจุบันผมเลี่ยงตอบปัญหาในลักษณะ "ความเห็น" น้อยลง  เพราะคนปัจจุบันมักจะยึดมั่นกับ "อัตตา" และ "สิ่งที่ตนฝังใจ" มากกว่าจะยอมรับความเห็นที่แตกต่างครับ

พี่"อาซิง"ครับ เคยบอกกับเขาดีๆแล้วครับ ในกรณีของผมเขาไม่พอใจ เพราะปกติเวลาเขาอารมณ์ไม่ดีก็จะขับรถเร็วและเลี้ยวแรง พวกผมนั่งในรถกันเงียบกริบเลยครับ เพราะพวกนี้เป็นลูกจ้างรายวันมาช่วยขับ เพราะพนักงานขับรถตัวจริงของบริษัทมีจำนวนไม่พอ เคยมีคนถูกต่อยมาแล้ว แต่เขาโดนไล่ออก ก็ไม่เห็นคนขับแคร์อะไร ยิ่งพวกผมบางครั้งเลิกงานดึก มันคงมาดักตีหัวแน่นอน พี่"อาซิง"ครับ อย่าว่าแต่ให้ความรู้พนักงานเลยครับ บางคนตามเวปบอร์ด เราพยายามบอกในสิ่งที่ถูกกับเขา แต่ไม่ถูกใจเขาเพราะเขาเลือกปฏิบัติอย่างไม่ถูกโดยมีเหตุผลอ้างตามเทคนิคที่วิศวกรยังงงๆ เขายังก่นว่าเอาได้เลยครับ เขาคงชอบให้พูดแต่ข้อดีที่พวกเขาทำกันมากกว่า เตือนไม่ได้ดอกครับ อัตตาตัวตนบางทียังไม่ยอมลงให้เหตุผลเลยครับ

ถ้าผมเป็นเจ้าของรถผมจะทำอยู่สองอย่างคือ

1.ตบกบาลคนขับที่สักแต่ว่าขับได้แต่ขับไม่เป็น

2.ตบกบาลตัวเองที่ไม่ยอมให้ความรู้กับพนักงาน

คนไทยส่วนใหญ่ฉลาดกว่าวิศวกรทั้งนั้นแหละครับ มักจะมีเหตุผลในการกระทำการดังกล่าว ก็ขอให้ทำกันต่อไปนะครับ แต่ถ้าเป็นผมซึ่งเป็นคนฉลาดน้อย ถ้ามีผู้ฉลาดมากกว่ามาชี้นำให้เห็นสิ่งที่ถูกต้องผมก็จะน้อมรับมาพิจารณาโดยที่ไม่เห็นว่าเขากำลังตำหนิการกระทำผิดๆที่เราก็กระทำอยู่แต่เรารับไม่ได้ที่มีคนมาว่า ที่บริษัทการบินไทย ผมจำเป็นต้องนั่งรถตู้commuter ไปทำงานตามเครื่องบินที่จอดในลานจอด ได้พบว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ออกรถเกียร์สอง และไม่ค่อยรักษารถ เพราะมันคิดว่าไม่ใช่รถของมัน ก็สุดที่จะบอกเตือน เพราะคนพวกนี้ไปเตือนมันได้ดักตีหัวผมแน่ๆ ก็เลยถือเป็นเวรเป็นกรรมบริษัทไป เพราะผมไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาพวกเขาโดยตรง ก็เห็นแต่พนักงานตัวจริงเท่านั้นที่อยู่กันมาหลายปีจะขับรถดีมากและรักษารถ ส่วนพวกพนักงานแรงงานภายนอกไม่รู้ไปรับพวกนักเลงมาจากไหน ถึงบางท่านจะเห็นว่าพี่คนว่างพูดแรง แต่ผมว่าข้อเท็จจริงมันก็ถูกนะครับ ยกเว้นคนที่ขับรถออกเกียร์สองแล้วมีเหตุผลส่วนตัวบางอย่างอาจไม่เห็นด้วยอันนี้ต้องน้อมกราบขออภัยอย่างสูงครับ

ส่วนผมค่อนข้างจะยึดถือคู่มือ เพราะผมเป็นคนฉลาดน้อย ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง จึงยึดถือข้อแนะนำของวิศวกรเป็นสรณะ ยกตัวอย่างเช่นลมยาง ผมยังเติมเองให้เปะๆ ตอนอุณหภูมิยางยังปกติคือจอดอยู่กับที่ไม่น้อยกว่าสามชั่วโมงและเติมเองจากที่เติมลมแบบเสียบช่องจุดบุหรี่และวัดด้วยที่วัดอย่างมาตรฐาน และนอกจากนั้นก็ปฏิบัติตามคู่มือที่ไม่ค่อยมีคนอ่าน แต่ผมอ่านบ่อยๆ และเห็นว่ามันเป็นหนังสือที่น่าสงสารและอาภัพวังเวงที่สุดในโลกเพราะคนส่วนใหญ่เก็บมันไว้ที่หน้าคอนโซลรถโดยไม่มีรอยยับแม้แต่น้อย ผมยังเคยคุยกับพี่คนว่างตอนที่ทานกาแฟกันที่สนามบินครั้งล่าสุดว่าถ้าเราอ่านคู่มือกัน คำถามเกี่ยวกับรถคงลดลงครึ่งนึงเป็นแน่แท้ เพราะคำถามมากมายถามเกี่ยวกับข้อมูลที่ล้วนแต่สิงสถิตย์ให้หนังสือหน้าเกะเก็บของซ้ายมือของรถทั้งนั้น อีกครึ่งเป็นคำถามที่ถ้าเป็นคนไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถอย่างผมก็เข้ามาถามบ่อยๆโดยอาศัยพี่ๆท่านผู้รู้คอยให้ความกระจ่างกับผมครับ..ขอบคุณครับ

ก็ไม่เห็นมี ใครบอกว่าเค้า โง่ นี่ครับ แต่เป็นความเชื่อที่ ผิดสะสมกันมา ในฐานะที่เป็นช่างและเจ้าของบริษัทฯ ก็ขอไล่ออกครับ ไมมีคนทำงานให้ดีกว่า ทำให้เครื่องมือหากินเสียหาย รถเสียต้องเสียเวลาซ่อม ลูกค้าก็รอช่าง ระเบิดหินก็ไม่ได้ ลิกไนต์ก็ไม่ออก เดี๋ยวไฟดับทั้งเมือง  ใครหน้าไหนจะมารับผิดชอบ มันเป็นงานของเรา ถ้าเรายังดูแลรถและเครื่องมือหากินไม่ได้ ใจดียกโทษให้ ก็บ้าแล้ว

เพิ่งนั่งรถตู้เช่าดีเซลมา คนขับออกเกียร์ไรไม่รู้ แต่ชะลอแล้วไม่ยอมลดเกียร์(ท่าทางจะทำเป็นนิสัย) กดอัดลงไป รถกระตุก กึกๆๆๆๆๆ ก่อนรอบจะ smooth แทบทุกครั้งที่ชะลอรถ ไม่รู้เป็นอาการที่เครื่องหรือคลัทช์ แต่สงสารรถและเจ้าของรถมากครับ(ยังใหม่อยู่เลย) จะเปลี่ยนเกียร์ทีก็ลากจนรอบสูงตื้อ ปล่อยคลัทช์กระชากตามอีกต่างหาก ผมนั่งอึ้ง พูดไม่ออก คิดแต่ว่า ถ้าซื้อรถตู้ ไม่มีทางซื้อมือสองเด็ดขาดครับ

คนขับกระบะตาม ตจว แทบทุกคน ออกตัวเกียร์ 2 แล้วเค้าก็ไม่ได้โง่ด้วยครับ

เห็นด้วยกับทั้งสองท่าน แต่ที่แน่ ๆ คือผมไล่ออก ข้อหาทำให้ทรัพย์สินบริษัทเสียหายโดยตั้งใจทำ  ไม่จ่ายด้วยครับ  แล้วผมได้ทำแล้วด้วย

อ๋อ ครับ คงไม่ใช่ลักษณะออกตัวที่เกียร์ไหนแล้วจะเป็นบ่าวเป็นนายหรอกครับ แต่ในความเป็นจริงมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดวิธีในการใช้ครับ  ออกตัวเกียร์1 เป็นวิธีถูกต้องแล้ว  แต่การออกตัวเกียร์2นั้น ใช้ในบางกรณี เช่น พื้นผิวถนนที่เปียกลื่น เปียกแฉะเป็นขี้เลน เมื่อเจอสภาพพื้นผิวที่เสี่ยงต่อการลื่นไถล คุณออกตัวที่เกียร์2 ก็ได้ เพื่อป้องกันการลื่นไถลที่ส่งผลต่อการทรงตัวของรถไงครับ  ในรถบางรุ่น เช่น มิตซู ก็จะมีโหมดA/D ไว้รองรับเพื่อให้เกียร์ปรับระบบออกตัวที่เกียร์2 ป้องการการลื่นไถลไว้ แต่ในรถทั่วไปเช่น กระบะ เราสามารถปรับเปลี่ยนได้เองตามภาวะนั้นๆ  เพราะหลายต่อหลายจังหวะหากออกตัวเกียร์1 ในที่เปียกลื่น รถแฉลบง่ายมาก จึงต้องลดแรงขับเคลื่อนมาที่เกียร์2 ไว้เท่านั้นเองครับ

เป็นความเชื่อที่ผิด เขาถึงเป็นแค่คนขับรถอย่างไงเล่าครับ เพราะคุณออกเกียร์หนึ่ง คุณถึงได้เป็นเจ้านายของเขาเพราะรู้ว่าการออกที่เกียร์สองนั้น ความเสียหายเกิดขึ้นกับเกียร์ ยางแท่นเกียร์ ยางแท่นเครื่องและเครื่องยนต์จะตามมา เท่ากับว่าเงินของคุณจะรั่วไหลไปกับการซ่อมรถ ดังนั้นน่าจะเชิญคนขับมาตบซ้ายตบขวาสักสามทีเถอะนะ