ให้โลกเราสวย พวกเราต้องช่วยกัน รับรู้ด้วยกันแล้วทำให้โลกนี้สดใส  STOP GLOBAL  WORMING   5555

เอาอย่างนี้...เห็นเถียงกันจัง..เอาเหตูผลดีกว่าอย่าเอาผลประโยชน์มาเล่นกัน

ผมวางแนวให้..มันตรงประเด็นแน้..(ขอให้ไช้ความรู้จริงๆ..งูๆ..ปลาๆไม่เอา)

                               1..ถ้า..อุด..แล้วผลที่เกิดกับรถ(กับรถเท่านั้น)

                                          1.1 ผลดี .......................................................................................

                                          1.2 ผลเสีย......................................................................................

                                2...ถ้าไม่..อุด..แล้วผลที่เกิดกับรถ(กับรถเท่านั้น ) 

                     ******************************************************************************************************************

                                          3.1 ผลดี .......................................................................................

                                           4.1 ผลดี .......................................................................................

                                           4.2 ผลเสีย......................................................................................

                                          3.2 ผลเสีย......................................................................................

                               4...  ถ้าไม่..อุด..แล้วผลที่เกิดกับรถ( สิงแวดล้อมเท่านั้น)

              *********************************************************************************************

                                 3...  ถ้า..อุด..แล้วผลที่เกิดกับสิงแวดล้อมยังไง(สิงแวดล้อมเท่านั้น  )        

Children’s poetry in the 20th century has a very unique flavor to it, having been developed and institutionalized by writers like Dr. Seuss and Shel Silverstein. However, they were buy wow power leveling not the first to write child poems and should not be the last place a parent wow power leveling looks when trying to find the perfect one. With that in mind, what wow gold exactly should those parents look for?

A child cheap wow power leveling poem should be lighthearted

อยากสอบถามผู้รู้ว่าถ้ารถเราไม่อุดจะวิ่งได้ประมาณกี่แสนโลครับ

อีกหนึ่งข้อมูลครับ

รถดีเซลที่ผลิตก่อนปี 2005 มีอยู่ไม่ถึง 20 เปอร์เซนต์ ที่เหลือเป็นรถเก่าที่ไม่มีระบบ EGR เป็นเครื่องเบนซินและเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ที่ไม่มี EGR

รถผม 1.3 ล้านราคานี้ผ่อนเลือดตาแทบกระเด็นเป็นส่วนหนึ่งของ 20 เปอร์เซนต์ไอ้พวกใช้รถเก่าๆไม่มีระบบ egr วิ่งควันดำขโมงไม่เห็นไปด่ามัน

รถผมใหม่ๆอุดแล้วก็ควันไม่เห็นดำ ยังงัยผมว่ารถผมอุดหนึ่งคันยังปล่อยไอเสียไม่เท่าไอ้พวกใช้รถเก่าไม่ดูแลเลย

เหตุผลที่อุดคือเห็นความแตกต่างของน้ำมันเครื่องเวลาถ่ายออกมาเลยครับตอนยังไม่อุดน้ำมันเครื่องดำปี๊เลย

หลังอุดมาสองสามเดือนถ่ายอีกครั้งสองครั้งน้ำมันเครื่องยังใสอยู่เลย แสดงให้เห็นอะไรคิดดูเอาเอง

พวกที่ไม่คิดถึงลูกหลานเอาเปรียบประชาชนยังมีอีกเยอะครับ ไม่ใช่พวกขับรถดีเซลแน่นนอน แต่เป็นพวกที่โกงกินงัย

เอางี้อุดครึ่งนึงแล้วกันจะได้เสมอๆ อิอิ

พ้มทราบหยั่งงี้แล้ว  คนนึงล่ะ...ไม่ขออุดก๊าบ........

ลองดูสิครับ  เดี๋ยวก็รู้

สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น  สิบตาเห็น ไม่เท่ามือทำ....

อยากรู้เหมือนกัน  โชคดีครับ...

เขม่ามันหนาขนาดนั้น  วิ่งไปพัทยาเที่ยวเดียวจะหมดเหรอออออ...

ขอบคุณครับ   คุณคนว่าง ฯ

คุณแพนด้าครับ ปัญหาดังกล่าวเกิดจากการที่คุณใช้รถน้อยและวิงอยู่ที่ความเร็วต่ำเป็นประจำ เอารถไปวิ่งจากกรุงเทพไปพัทยาที่ความเร็ว 120 กม/ชม. สักเที่ยว ที่คุณเห็นก็หายไปแล้วครับ    

เรียนถามผู้รู้และอาจารย์ว่า 

       ผมไม่อุด แล้วจะตรวจเช็คล้างเขม่าดำๆดังในรูปยังไงบ้างครับ  กี่โลถึงจะตรวจ และล้างครับ  มีสัญญาณที่หน้าปัดหรือไม่    ปล.รถ ดีแม็ก ไฮ รุ่นใหม่  วิ่มาครบ 3 ปี  55000 กม ครับ

คุณคนรักหมีครับไม่เล่าต่อละครับมว่า.nox ทำให้เป็นมะเร็งทางเดินหายใจด้วย งานวิจัยคลินิกทั่วโลกเค้าออกมาเป็นสิบปีแล้วครับ Us เนี่ยเค้าให้ใส่ Egr เนี่ย us เค้ากำหนดให้ติดตั้งตั้งแต่ยุค 70 แล้วครับ เพราะคำนึงเรื่องสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัย

แล้วไม่บอกต่อละครับว่าไม่อุดเพราะไม่อยากเป็นมะเร็ง............

รถคุณกี่แสนกันครับ.....ที่ออกมา ทำให้คนเป็นมะเร็งเท่าไหร่ครับ.....ค่ารักษาดูแลผู้ป่วยมะเร็งเนี่ยตั้งแต่เป็นจนตาย ต้นทุนของการเป็นโรคมะเร็งปอด ตามหลักการทุนมนุษย์ (Human capital) ในระยะเวลา 1 ปี มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 56,227 บาท/ราย/ปี แบ่งเป็นต้นทุนทางตรง และต้นทุนทางอ้อม ดังนี้ ต้นทุนทางตรงได้แก่ 1. ต้นทุนค่ารักษาคือ ต้นทุนค่ายา 21,330 บาท/ราย ต้นทุนค่าแรงงาน 6,369 บาท/ราย/ปี ต้นทุนค่าวัสดุ 3,044 บาท/ราย/ปี ต้นทุนค่าครุภัณฑ์ทางการ แพทย์ 53 บาท/ราย/ปี ต้นทุนอาคารสถานที่ 273 บาท/ราย/ปี ต้นทุนด้านที่ดิน 261 บาท/ราย/ปี 2. ต้นทุนค่าเดินทาง คือ ต้นทุนค่าเดินทางของผู้ป่วย 3,571 บาท/ราย/ปี ต้นทุนค่า เดินทางของญาติผู้ป่วย 823 บาท/ราย/ปี ต้นทุนทางอ้อมคือ 1. ต้นทุนค่าเสียเวลาในการเดินทางและรอรับการตรวจของ ผู้ป่วย 8,251 บาท/ราย/ปี ต้นทุนค่าเสียเวลาในการเดินทาง และรอรับการตรวจของญาติผู้ป่วย 3,030 บาท/ราย/ปี 3. รายได้ที่ต้องสูญเสียไปของผู้ป่วย 6,126 บาท/ราย/ปี 4. รายได้ที่ต้องสูญเสียไปของญาติผู้ป่วย 1,303 บาท/ราย/ปี ส่วนต้นทุนตั้งแต่เริ่มวินิจฉัยหรือรักษาจนกระทั่งหายหรือ เสียชีวิต มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 732,083 บาทต่อราย อันนี้ต้นทุนเมื่อ 14 ปีที่แล้วนะครับ....

ทางวิศวกรรมเค้าทราบครับว่าอุด egr แล้วแรงขึ้น เค้าทราบครับว่าในเครื่องยนต์เบ็นซินค่า AF ที่14:1 มันไม่ใช่ค่าที่เผาไหม้สมบูรณ์ให้กำลังสูงสุดแต่มันคือ 18:1 แต่เค้าไม่ทำครับ

ความรับผิดชอบมีบ้างไหมครับ...ถ้ามีคนต้องตายจากความมักง่ายเห็นแก่ตัว

รัฐบาลน่าจะผลักดัน ให้มีกฏหมาย กำหนดบทลงโทษกับพวก ที่ดัดแปลงรถยนต์แล้วก่อให้เกิดมลพิษ อย่างจริงจังนะ คนพวกนี้จะได้เลิกหากินกับการเห็นแก่ตัว แบบนี้เสียที .......โลกจะพังชิบหาย ช่างแม่ง มัน ..ขอให้รถกูไม่พัง เป็นพอ

บำรุงรักษารถตามกำหนดบ้าง ไอ่ดำๆเหนียวๆที่เห็นในรูปน่ะกำจัดออกไปได้ง่ายๆ

แต่ถ้าหายใจเข้าไปในปอด แล้วจะกำจัดยาก

 ซื้อรถมาแล้ว กะจะใช้แบบไม่รับผืดชอบต่อส่วนรวมเลยหรือไง?

หุ หุ

ระวังเป็นมะเร็งตายก่อนรถพัง

  เห็นด้วยกับคนรักหมี รถเราซื่อมาไม่ใช้ราคาบาทสองบาทนะครับต้องอยู่กับเราอีกนานไม่เหมือนคนรวยเขาเปลี่ยนรถบ่อย  รถผมออกจาก 0 วันแรกผมขับไปอุดเลย   ตอนรถเราเสียเราออกเงินเองนะครับเจ้านาย

 แล้วภาพหลังอุดแล้วไม่มีหรือครับขอดูบ้าง...ชัดๆ

แค่นี้ก็บอกแล้วนะครับว่าอุดหรือไม่อุดอันไหนมันจะดีกว่ากัน   รถยนต์ไม่ใช่ราคาบาทสองบาท  ใช้ให้ยืนยาวนานๆอันไหนจะดีกว่ากัน

ลิ้นปีกผีเสื้อของ ไฮฯ 2500 วิ่งมา 50000 กิโล ครับถ่ายก่อนอุด EGRครับ
 

EGR = Exhaust Gas Recirculation = การนำไอเสียมาปนกับไอดีเพื่อให้การเผาไหม้เลวลง เพื่อให้อุณหภูมิการเผาไหม้ต่ำ จะได้ไม่เกิด แก๊สพิษ ชื่อ NOx เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด เช่น มาตรฐาน Euro 3 และจะปรับไปเรื่อยๆ

NOx = ก่อให้เกิด
1 ระคายเคืองทางเดินหายใจ
2 ทำให้เกิดหมอกควัน ถ้าไปเจอกับ O3 
3 ฝนกรด 

เมื่อ EGR ทำงาน การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ จะไม่สมบูรณ์ ก็เกิด CO, HC และ CO2 รวมทั้งควันดำ มากขึ้นกว่าปกติ แต่ CO, HC (น้ำมันที่เราเสียเงินเติมเข้าไป) และ CO2 ก็จะถูกกำจัดโดย กรองไอเสีย ส่วน NOx บางส่วนที่ยังเหลือ ก็โดนกรองเก็บเหมือนกันแต่น้อย  พอใช้งานไปซักระยะหนึ่ง กรองไอเสีย ก็ ตันและเสื่อมคุณภาพ จนอาจจะจะพบรถมีควันดำ ควันเหม็น และ รถวิ่งไม่ออก

ทั้งยังทำให้ เครื่องยนต์สึกหรอไว น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพ ก่อนถึงกำหนดการถ่ายน้ำมันเครื่อง  

ผู้ผลิตบางรายจึง คิดค้น เลิกใช้ EGR และหันมา ป้องกัน ในระบบไอเสีย เช่น กระป๋องดักแบบยูเรีย

คนที่อุด เพราะ

1 ต้องการกำลังเต็มเม็ดเต็มหน่วย
2 ต้องการลดควันดำ
3 ต้องการประหยัดน้ำมัน
4 ไม่อยากให้ท่อร่วมไอดีสกปรก
5 อยากให้น้ำมันเครื่องสะอาด ได้ยาวนานกว่าเดิม
6 ไม่ต้องกระแทกคันเร่งเพื่อ ล้างแคท บ่อยๆ

คนที่ไม่อุด เพราะ

1 วิศวกรเค้าทำมาดีแล้ว
2 ถ้าไม่ดีเค้าจะมีไว้ทำไม 
3 กลัวเครื่องพัง 
4 กลัวเมียด่า 
5 กลัวหมดประกัน 
6 ฟังรายการวิทยุ เค้าบอกว่า มีไว้มันดีจริงๆ 
7 ขับไปเรื่อยๆ ไม่พังก็ไม่เห็นต้องอุด

รถที่ไม่ได้ทำการอุด EGR

โหคุณเด็กลาดพร้าว80 ผมนึกเห็นภาพเลยครับ เคยสงสัยเรื่องอุดegrมานาน ตอนนี้กระจ่างแล้ว ความรู้สึกหลังได้อ่านคือไม่อุดดีกว่าคิดแบบคุณเลย ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะครับ

ไปคัดมาจากเวปเพื่อนบ้านครับ

พอได้อ่านแล้วทำให้ล้มเลิกความคิดที่จะอุดครับ

เพราะผมขอร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยดีกว่าครับ

EGR (exhaust Gas Recirculation) ใช้เพื่อการลด NOx (nitrous oxides) ซึ่งเป็นแก๊สพิษ.

NOx เกิดจากการที่ ไนโตรเจน กับออกซิเจนในอากาศ มาคลุกเคล้ารวมตัวกันแล้วเกิดการเผาไหม้ในลูกสูบ โดยช่วงของอุณหภูมิการเผาไหม้สูงกว่า 1,800 C(3,300 F)

วิธีการคือ กล่อง ECU จะรับข้อมูลมาจากเซนเซอร์ต่างๆ ทั้ง อุณหภูมิแก๊สไอเสีย ส่วนผสมหนาบาง และอื่นๆอีก แล้วมาประมวลผล ซึ่งถ้า ECU ตรวจพบว่าสภาวะการเผาไหม้อาจก่อให้เกิด NOx ได้ ก็จะส่งสัญญาณไปสั่งให้ EGR วาล์วเปิด เพื่อให้แก๊สไอเสียบางส่วนไหลกลับเข้าไปเผาไหม้ซ้ำอีกครั้ง (คล้ายๆกับการลดประสิทธ์ภาพทางความร้อนจากการเผาไหม้ให้ลดลง) เพื่อไม่ให้อุณหภูมิในการเผาไหม้สูงเกินจุดเปลี่ยน...


ดังนั้นในบางจังหวะที่วาล์วมีการเปิดมาก หรือ นานเกินไป เพื่อให้แก๊สไอเสียวนกลับไปเผาใหม่อีกครั้งมีมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดควันดำตามออกมาได้...
โดยเฉพาะรถที่วิ่งช้าๆ แต่ใช้รอบเครื่องต่ำ(ลากเกียร์สูง)นานๆ อย่างในกรณีคล้ายๆรถสองแถว จะทำให้อุณหภูมิในการเผาไหม้สูงอย่างต่อเนื่อง วาล์วก็จะเปิดนาน ทำให้เกิดควันดำมากขึ้น แล้วเกิดการสะสมของเขม่า ตามจุดต่างๆในระบบ...

วิธีการแก้ไขอย่างง่าย...ทำการเร่งเครื่องให้รอบสูงๆ คล้ายๆการเบิ้ลเครื่องเล่น แต่ลากยาวๆหน่อยนึงเพื่อให้เกิดการไล่เขม่าและไอเสียเดิมออกไป..
อีกวิธีคือการเข้าศูนย์บริการ ให้ดำเนินการแก้ไขโปรแกรม ECU ใหม่...

การอุด EGR วาล์ว ไม่ใช่วิธีที่ถุกต้องในเชิงวิชาการ(หรือเชิงวิทยาศาตร์) เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการกำจัดไอพิษจากแก๊ส ด้อยลง เป็นการเพิ่มหรือเร่งการทำลายสภาวะแวดล้อมโลกเพิ่มขึ้นอีกทางนึงด้วย....
ท่านอาจคิดว่า...เราอุดแค่คันเดียวมันจะกระทบสักเท่าไหร่กัน...
ท่านลองไปยืนท้ายรถที่จอดติดเครื่อง แล้วถามใจท่านดูว่ารู้สึกอย่างไร.
แล้วรถยนต์ในกทม. มีเป็นสิบล้านคัน ถ้าทำอย่างนี้แค่ 5เปอร์เซนต์(ประมาณ 5แสนคัน) ท่านคิดว่าสภาวะแวดล้อมจะเป็นอย่างไร....
ทุกอย่างอาจไม่เห็นผลกับตัวเราในวันนี้.....แต่แน่ใจหรื ว่าอยากให้ลูกหลานเราในอนาคต ต้องมารับผลกระทบจากสิ่งเหล่านี้....................

ท่านยอมเสียประสิทธิภาพของรถยนต์ลงสัก2-3เปอร์เซนเพื่อแลกกับสิ่งดีให้ลูกหลานในอนาคต หรือท่านอยากได้ความแรงความมันเพิ่มอีกสัก 2-3 เปอร์เซนต์โดยยอมแลกสิ่งดีๆในอนาคตของลูกหลานทิ้งไป....(เพราะเราอาจไม่ได้อยู่ร่วรับชะตากรรมร้ายกับเขาก็ได้จะไปสนใจทำไมล่ะ...ก็แล้วแต่ศรัทธาครับ....)
 

ที่ผ่านมาได้มีการคิดค้นวิธีในการลดมลพิษต่างๆ วิธีหนึ่งคือการใช้ระบบหมุนเวียนไอเสีย Exhaust Gas Recirculation (EGR) ซึ่งในครั้งแรกการใช้ EGR ก็เพื่อจะนำความร้อนจากไอเสียเวียนกลับเข้ามาในเครื่องยนต์ ช่วยให้อุณหภูมิของไอดีสูงขึ้นในกระบวนการเผาไหม้ จึงเป็นการประหยัดพลังงาน แต่ประโยชน์ที่ได้รับเพิ่มเติมก็คือสามารถลดออกไซด์ของไนโตรเจน (NOX) ได้ด้วยซึ่งก๊าซนี้เป็นอันตรายต่อปอดและระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ ในปี ค.ศ.2002 ที่ผ่านมา หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศสหรัฐอเมริกา US Environmental Protection Agency หรือ EPA ได้กำหนดให้ลด NO X ลงอีก 50 % จากมาตรฐานปี ค.ศ 1998 ( จาก 4.0 เป็น 2.0 g / Break Horse -hr.) และ มาตรฐานมลพิษของประเทศอื่นๆ ก็มีแนวโน้มในการลด NO X มากขึ้น จึงทำให้ผู้ผลิตเครื่องยนต์ดีเซลส่วนใหญ่จำเป็นต้องติดตั้งระบบ EGR มากขึ้น แต่ระบบ EGR มีข้อเสียคือความร้อนและสิ่งสกปรกที่เวียนกลับมากับไอเสีย ทำให้เครื่องยนต์มีคราบเขม่าเกาะจับ และน้ำมันเครื่องมีอุณหภูมิสูงขึ้นจึงเสื่อมสภาพเร็ว อีกทั้งมีธาตุกำมะถันและไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบอยู่บางส่วน ทำให้แปรสภาพเป็นกรด เกิดสนิมและเครื่องยนต์สึกหรอมากขึ้น ดังนั้นน้ำมันเครื่องที่ใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลที่ติดตั้ง EGR นี้จะต้องมีความคงทน และ คุณสมบัติพิเศษในการกำจัดสิ่งสกปรก กรดหรือป้องกันสนิมได้ดียิ่งขึ้น
 

คือมีคนไปอุด EGR แล้วรถไม่กินน้ำมันเครื่องน่ะครับ ซึ่งก่อนหน้านั้นเวลาเอารถเข้าศูนย์ ช่างจะเติมน้ำมันเครื่องเพิ่มให้ครั้งละ 0.5 Lite แต่หลังจากอุดแล้วก็ไม่ได้เติมน้ำมันเครื่องเพิ่ม งงครับ ช่วยอธิบายการทำงานของ EGR ให้ฟังหน่อยครับ

พูดหลายหนแล้วว่าปัยหาของ SCV อยู่ที่น้ำมัน ป้องกันได้โดยจะต้องเลือกปั๋มที่พอที่จะมั่นใจได้ เด็กปั๋มจะต้องปล่อยให้รถน้ำมันลงน้ำมันไปแล้วครึ่งชั่วโมงเพื่อให้สิ่งสกปรกที่อยู่กันถังนอนก้น ถึงจะเติมให้ลูกค้าครับ EGR ไม่ตอบเพราะอาจารย์เห็นว่าเป็นคำถามที่ไม่สร้างสรรค์ แต่ไม่อุด ชาร์ปก็ไม่ละลายครับ