ผมเห็นด้วยกับคุณ "ลูกบอล" ครับ ฝนตกหนักมองไม่เห็นพื้นถนนเลยก็ยังมีนะครับ เปิดดีกว่าไม่เปิด เจ้าของกระทู้นี้ คงต้องมีวิจารณญานนะครับ ว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์จริง ๆ แล้ว ความเป็นจริงเป็นอย่างไร เอาสภาพการใช้งานจริงเป็นหลักครับ ไม่ต้องมากางกฏหมายหรอกครับ ในสถานการณ์เช่นนั้น ไม่จำเป็น เวลาที่คุณท้องเสียอยากจะเข้าห้องน้ำสุดที่จะทนแล้ว ห้องน้ำชายไม่ว่างสักห้อง แต่ห้องน้ำหญิงว่างอยู่ คุณขอเข้าไปแก้ไขปัญหาฉุกเฉินของคุณในห้องน้ำหญิง คงจะไม่มีใครว่ากระไรกระมังครับ (ยกตัวอย่างเฉย ๆ นะครับ)

noon

เปิดไฟอะไรก็เปิดเถอะครับอย่าให้แสงไฟไปรบกวนผู้ขับขี่คนอื่นเลยครับ...ช่วยๆกันมีน้ำใจบนท้องถนนอุบัติจะได้ลดน้อยลงครับ

ผมว่าดีกว่ามันไม่เปิดไฟเลยนะครับ

ทำอะไรง่ายๆ คือไทยแท้ครับบางครั้งบ่นมากๆคนนั่งข้างก็หงุดหงิดเราอีก สรุปว่าเราผิด บอกช่างมันเถอะ เหตุการณ์เช่นนี้พบเห็นบ่อย ส่วนที่ต้องเปิดจริงๆกลับไม่เปิดเช่น ไฟเลี้ยว ซ้าย หรือขวา ส่วนที่ไม่น่าเปิดก็เปิดกันจัง บางคันเปิดไฟสูงด้วย ไฟสปอตร์ไรท้ หน้าหลัง ทั่งๆที่วิ่งใน กท.  หรือวิ่งต่างจังหวัดก็ไหล่ทางทั้งๆที่รถติดก็เล่นเปิดกันเอง เวลาฉุกเฉินรถกู้ภัยก็วิ่งไม่ได้ หรือเราเองเข้าช่องซ้ายเปิดไฟเลี้ยวเพื่อเข้าปั๊ม มันยังไม่ยอกให้เข้าคงกลัวเราจะไปใช้ไหล่ทางแซงหน้ามัน  หรือในกท. ส่วนมากใช้ จยย.เราก็สงสัยว่าทำไมรถมันวิ่งออกซ้ายที ขวาที พอขับขึ้นไปประกบ คุยโทรศัทพ์กำลังสนุกออกรถชาด ข้างหน้ารถโล่ง ไอ้เราคิดว่าติดรถอะไร บางคันมือทั้งสองไม่ว่างจับพวงมาลัยเลย ทั้งโทรศัทพ์ทั้งไอแพด ตกลงไม่สนคนรอบข้างเลย บอกตามตรงครับผมเกลียดพวกเหล่านี้มากบนท้องถนน บางครั้งต้องเบรกเพราะรถมันเซถลามาหา พอได้จังหวะแซงขึ้นไป เมียบอกมันคุยโทรศัพท์อยู่  ต้องขอโทษด้วยครับนอกเรื่อง เรื่องไฟฉุกเฉิน

 ตามความเห็นที่ 9 ก็คงจะสมบูรณ์แล้ว..ใครสงสัยต่างประเด็นออกไป ก็ หาซื้อหนังสือมาอ่านเพิ่มเติมครับ

น่าจะใช้ให้ถูกต้องครับ อย่างที่หนุ่มเมืองนนท์ บอกครับ

สัญญาณไฟฉุกเฉินนั้น รถสมัยนี้จะติดมาให้ทุกคัน เป็นสัญญาณไฟเหลืองกะพริบทั้งหน้าหลังซ้ายขวารวม 4 ด้าน ตามวัฒนธรรมบ้านเรา หากรถถูกลากจูงก็จะเปิดไฟฉุกเฉินนี้ทันที หรือถ้าผ่านสี่แยกจะไปทางตรงส่วนใหญ่ก็จะเปิดไฟฉุกเฉินนี้ทันที จุดนี้สร้างอันตรายอย่างมากบนทางหลวง เพราะการให้สัญญาณที่ผิดและไม่เป็นสากล

กล่าวโดยสรุปก็คือ ไฟสัญญาณฉุกเฉินนี้ จะใช้ต่อเมื่อรถนั้นได้จอดอยู่กับที่เท่านั้น ห้ามไปใช้วิ่งบนท้องถนนแล้วเปิดไฟฉุกเฉิน บางกรณีที่เห็นบ่อยๆ ก็คือ เมื่อรับคนเจ็บป่วยต้องการรีบนำไปส่งโรงพยาบาล ด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็เปิดไฟฉุกเฉินแล้ววิ่ง เพื่อจะได้ถึงโรงพยาบาลเร็วๆ แต่มักปรากฎว่าทั้งคนขับคนเจ็บและญาติ ไม่ค่อยจะถึงโรงพยาบาลส่วนมากจะถึงเพียงสี่แยกใดสี่แยกหนึ่งเท่านั้น

ตามกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบก ปี 2522 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 มีข้อกำหนดเกี่ยว
กับ เรื่องนี้ดังนี้ คือ
......ใน มาตรา 56 ระบุไว้ว่า กรณีที่รถยนต์เกิดเครื่องยนต์เสีย หรืออุปกณ์รถยนต์เสีย จะต้องเคลื่อน
ย้าย ให้พ้นจากทางเดินรถหากไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ต้องเปิดสัญญาณไฟกระพริบ หรือสัญญาณ
ไฟฉุกเฉิน ตามที่กฎกระทรวงกำหนดแสดงให้เห็นชัดเจน
...... ทั้งนี้ กฎกระทรวง ข้อ 11 ได้ระบุเกี่ยวกับสัญญาณไฟฉุกเฉินไว้ว่า...กรณีที่จำเป็นต้องจอดรถ
ในทาง เดินรถเนื่องจากเครื่องยนต์ หรือ อุปกรณ์รถยนต์ขัดข้อง ให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติดังนี้
......ให้สัญญาณเป็นไฟกระพริบเหลือง อำพัน-ขาว ที่ติดตั้งอยู่หน้ารถด้านซ้าย และขวา และไฟ
สัญญาณกระพริบ แดง-เหลืองอำพัน บริเวณท้ายรถ
......เพราะฉะนั้น จึงหมายความว่า ไฟฉุกเฉิน หรือไฟผ่าหมากนั้น ตามกฎหมายจะให้ใช้เฉพาะรถ
จอดเสียเท่านั้น ......กรณีเปิดไฟฉุกเฉิน-ไฟผ่าหมาก เมื่อวิ่งรถผ่านทางแยกนั้น นอกจากจะเปิดไม่ได้แล้ว หากเกิด
อุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนขึ้น บางครั้งอาจจะตกเป็นฝ่ายผิดด้วย เนื่องจาก พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา
71 (2) ระบุไว้ว่า..."เมื่อขับรถมาถึงทางร่วม ทางแยก และไม่มีรถอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่
ต้องให้รถในด้ายซ้ายในทางร่วม ทางแยกไปก่อน"...
......กรณีนี้...อาจเป็นการเคยชินของผู้ขับขี่รถ... แต่เพื่อเตือนให้ท่านคำนึงถึงความถูกต้อง จึงต้อง
ยกข้อกฎหมายมาให้ท่าน ทบทวนกันครับ...

 ฝนตกหนักขนาดถึงต้องเปิดไฟฉุกเฉิน 

แนะนำให้จอดนอน 

ไฟฉุกเฉินเปิดกรณีจอดฉุกเฉินอยู่กลางถนนหรือข้างทาง

 ไฟตัดหมอกมันก้อคือไฟสูงนั่นและคับทุกวันนี้คนไทยก้อมีน้อยมากที่ขับรถแบบถูกกฎจารจรอ่ะคับไม่ว่าจะฤดูไหนไหนหรือวันอะรัยก้อมีอุบัติเหตุตลอดเวลาคับ ต้องเอาอย่างเมืองฝรั่งเขาที่ผมอยู่ออสเตรเลียมีแต่รถเครื่องยนต์แรงแรง แต่ตามกฎหมายให้คับแค่ 70-90 เท่านั่นเอง ทางด่วนก้อได้แค่ 110 ถ้าขับเกินโดนปรับ 400 ดอล เขาไม่เคยมีอุบัติเหตุเลยคับเพราะมีกล้้องทุก 3 กิโลเมตร เมืองไทยผมว่าน่าจะทำดูบางน่ะคับเพื่อชีวิตของประชาชนอ่ะคับ

เท่าที่ผมจำได้ สัญญาณไฟกระพริบจะใช้ได้เมื่อรถจอดสนิทเท่านั้น ตาม พรบ.จราจร 2522 ซึ่งผู้มีใบอนุญาตขับรถต้องศึกษามาแล้วทุกท่าน  ตอนฝนตกนะไม่เท่าไหร่ครับ แต่ตอนปกติที่ผ่าน สี่แยก สามแยก ที่ไม่มีสัญญาณไฟ  แต่เปิดไฟกระพริบ  ยิ่งอันตรายครับไม่รู้ว่าท่านจะเลี้ยวขวา หรือ เลี้ยวซ้าย หรือ ตรงไป 555  ไม่เป็นไรครับระวัง ๆ เอาเราอยู่กันแบบไทย ใจเย็นๆ จะได้ไปถึงที่หมายด้วยความปลอดภัยทุกท่านครับ

 ฝนตกหนักให้เปิดไฟตัดหมอกครับ นั่นเป็นวัตถุประสงค์ของไฟตัดหมอกเลย คือ เปิดเพื่อให้เขาเห็นรถเรา และ ทำให้ท่านเห็นเส้นขอบทาง และขอบถนน 

แต่ถ้าไม่ตกหนักมากแบบเปิดน้ำฝนแรงสุดให้เปิดไฟหน้าก็พอครับ

ไฟกระพริบฉุกเฉินไว้กรณีจอดเสีย ถ้าลากกันให้เปิดฝากระโปรงท้าย บางรุ่นจะมีป้ายสามเปลี่ยมที่ฝากระโปรงท้าย เปิดไฟหรี่

ถ้าฝนตกมากๆอนุโลมไฟฉุกเฉินครับ                                                                            

 ถ้าคิดอย่างนั้นคุณก้อสร้างถนนขับเองเลยคับถ้าเบื่ออ่ะคับ คนที่เขาเปิดไฟกระพิบก้อเพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่นคับ

เห็นด้วยกับ ความเห็นที่ 1 ครับ เวลาฝนตกหนัก ทัศนวิสัยไม่ดี ช่วยได้เยอะมากครับ ไม่งั้นเขาจะทำมาทำไม อย่าเอาความคิดตัวเป็นใหญ่ ถูกต้องแล้วครับ

 ความจริงไม่น่าเบื่อนะ ดีเสียอีกจะได้ช่้วยกันระวัง อย่าเอาความคิดตัวเป็นใหญ่