ไม่ได้ดัดแปลงและไม่ได้ติดชุด E-kit ครับของผมโซลูน่าท้ายหยดน้ำเติมใช้ได้เลยใช้มาสามเดือนแล้วครับยังไม่พบปัญหาอะไร สตาร์ทเย็น (Cold start) ปกติ ไม่มีปัญหาเครื่องติดยาก ล่าสุดจอดทิ้งไว้าเกือบสัปดาห์ช่วงสงกรานต์ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่หลังจากใช้ได้สักระยะหนึ่งผมปรับแต่งเครื่องยนต์เล็กน้อยคือไปหาหัวฉีดของเครื่อง 1JZ-VVT-i มาใส่แล้วปรับองศาจุดระเบิดให้แก่ขึ้นเป็น 15 องศาก่อนศูนย์ตายบน เพราะผมประเภทเท้าหนักขับเร็ว แต่เดิมๆ ก็ใช้ได้ครับ อัตราเร่งเกียร์ 4 จาก 40-100 กม./ชม. หนืดลงไปสัก 1 -2 วินาที แต่ก็อย่างว่าแหละครับอยากรู้อยากลองวิชาและอยากเอามันส์ก็เลยปรับๆ แต่งๆ หน่อย อัตราสิ้นเปลืองในเมือง (โคราช) ก็ราวๆ 10 กม./ชม. ถ้าขับแบบเรียบๆ ไม่ซิ่งก็ได้ถึง 11 พอๆ กับ E20 แหละครับ

พอดีกำลังสนใจ ที่จะใช้ E85 อยู่ เลยอยากทราบว่าคุณรถเก่าเติมE85 และคนว่างงาน มีการดัดแปลงหรืิเพิ่มอุปกรณ์อะไรบ้างหรือเปล่า และใช้มานานหรือยังครับ 

 ออก civic fb ศูนย์แถวฟิวเจอร์ เติมe85 เต็มถัง  1240บาท วิ่งเข้าอ่างทองไปรับญาตที่แสวงหาและขัมานครสวรรค์ ระยะทาง361กมน้ำมันเหลือเกินครึ่งถัง 1ขีด ขับecon

ความเร็ว80-120/กมตามสภาพการจราจร

 จะยังไงก็ช่างครับ ระยะสั้นระยะยาวจะเป็นยังไงผมไม่สนใจผมรู้แค่ว่า ณ เวลานี้ เติมแล้ววิ่งได้โดยที่ไม่ต้องไปดัดแปลงอะไรกับเครื่องยนต์ผมใช้ครับ และวันนี้ผมก็เอารถส่วนตัวที่ขับไปทำงาน ไปรับไปส่งลูกไปโรงเรียนอยู่ทุกวันไปเติมน้ำมัน E85 รถที่ใช้เป็น โตโยต้า โซลูน่า ท้ายหยดน้ำปี 2000 ออกป้ายแดงมาเมื่อ ปี 43 เติม โซฮอล์ 95 มาตั้งแต่ประมาณ ปี 45 แล้วก็ใช้ยาวมาตลอดจนต้นปี 55 มาลองเติม E20ก็ใช้ได้ไม่มีอะไรผิดปกติ และก็มาเติม E85 เมื่อสองเดือนที่แล้วแบบเลี้ยวเข้าปั๊มไปเติมดื้อๆ ก็ไม่เห็นเป็นไร ใช้ได้ดี ประหยัดทันทีเดือนนึงร่วมๆ 1000 บาทเมื่อเทียบกับ โซฮอล์ 95 แล้วอย่างงี้จะดินรนไปออกรถใหม่ทำไม ต้องหาเงินดาวน์อีกไม่ต่ำกว่า 400,000 บาท แล้วยังเป็นหนี้อีกไม่ต่ำกว่า 4 ปี กับภาระอีกเดือนล่ะไม่ต่ำกว่า 8000 บาท เอาเงินไปเติม E85 ดีกว่าครับ 

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1355727264&grpid=03&catid=&subcatid=

จากการที่ทดสอบกัีนในรถหลายแบรนด์ พบว่าอัตราการสิ้นเปลืองของนำ้มัน E85 นั้นจะมากกว่า เบนซินอยู่ราว ๆ 25% แม้ว่าค่าความร้อนจะน้อยกว่าถึง 34% ก็ตาม เนื่องจากในโครงสร้างโมเลกุลของเอทานอลมี ออกซิเจนอยู่ ซึ่งช่วยในการเผาไหม้สมบูรณ์หมดจดมากขึ้น ดังนั้นหากเทียบกับเบนซิน 91 ราคา 43.25 บาท/ลิตร แล้ว จะประหยัดค่อนข้างมากคือ 21.38*25% = 26.725 บาท เท่ากับประหยัดไปลิตรละ 16.525 บาท ถามว่าคุ้มไหม ผมตอบว่าคุ้ม แต่เราจะเปรียบกับ E20 ไม่ได้ เนื่องจาก E20 ก็มีอัตราสิ้นเปลืองมากกว่าเบนซินเช่นกัน หรือหากเบนซิน91 เลิกจำหน่าย เราก็ยังต้องเปรียบกับ Gasohol 95 จึงจะถูกต้อง ก็ยังถือว่าคุ้มอยู่ดี และยังคุ้มในเชิงอากาศที่บริสุทธิ์ขึ้นด้วยครับ

ส่วนเรื่องไบโอดีเซลนั้น อย่างเรา ๆ ทำอะไรไม่ได้มากนัก คนที่จะต้องทำไม่ใช่เรา แต่เป็นรัฐบาล ผู้มีอำนาจบริหารบ้านเมือง เราก็เพียงมองดูอยู่ห่าง ๆ อย่างคนเป็นห่วงบ้านเป็นห่วงเมือง และได้เพียงหวังว่า วันหนึ่งรัฐจะเห็นความสำคัญเรื่องนี้ รุ่นเรายังมีน้ำมันดิบให้ใช้ผลาญอยู่ แต่รุ่นลูกของเราไม่มีแล้ว ตอนนั้นเมืองไทยจะเ้ป็นอย่างไร อยากเห็นนายกสักคนที่มีวิสัยทัศน์ยาวไกลเหมือนในหลวงของเรา และเอาจริงทำจริงเหมือนในหลวงของเรา มาช่วยกันอธิษฐานนะครับ

ปัญหามันอยู่ตรงที่คนไม่ใช่มันครับ เช่น คุณเห็นไหมละว่าพยายามส่งเสริม E20 มานานแล้ว แต่จะมีคำถามจะเข้ามาตลอดว่า เมื่อเบนซิน 91 จะหยุดขายแล้วจะใช้อะไร หมายความว่าคนที่ใช้แก๊สโซฮอล E10 91และ 95 ได้ ก็ยังไม่ยอมใช้ ทั้งๆที่รถเก่าสามารถแก้ไขให้ใช้แก๊สโซฮอล 91 หรือ แก๊สโซฮอล 95 ได้ ก็ไม่ทำ จะใช้มาตราการด้านภาษีหรือลดราคาน้ำมันแบบทุกวันนี้ ผู้ใช้ก็ไม่ยอมใช้ เพราะกลัวรถพังเพราะจะมีแต่คนพูดว่าใช้แล้วพัง ในความเป็นจริงก็คือ ถ้าจะให้คนใช้จริงๆ ภาครัฐจะกล้ายกเลิกทั้งเบนซิน 91 และเบนซิน 95 ไหม ยกเลิกไปพร้อมๆกันนี่แหละแล้วบังคับให้รถที่อ้างว่าใช้ไม่ได้ต้องหาทางแก้ไขให้มันใช้กับแก๊สโซฮอลรุ่นต่างๆได้

อย่างที่คุณเคยพูดว่าน่าจะส่งเสริมการใช้ Biodiesel เยอะๆ ยกระดับขึ้นไปเป็น B10 ซิ ถามหน่อยเถอะ ทุกวันนี้ราคาปาล์มตกต่ำ จะพยายามเพิ่มให้เป็น B7 แต่คำถามก็มาอีกว่า รถเก่าใช้ได้แค่ B5 ไม่ใช่หรือ ผสม ถ้าผลิต B7 ออกมาจะมีปัญหาไหม หรือจะพูดแค่ให้เกษตรกรดีใจเท่านั้นกันแน่ ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เกษตรกรก็จะตายกันเป็นแถวแล้วครับ ผมถึงบอกไงว่าทุกวันนี้ นักลงทุนจะมาทำเกษตรที่บ้านเรา อดตายแน่ ไปทำต่างประเทศแล้วใช้ AEC เข้ามา โอกาศรอดยังมีครับ อยู่บ้านเรา ที่ดินการเกษตรก็จะทำ Zoning ไปทำต่างประเทศจะเอากี่แสนไร่ ค่าแรงก็ต่ำกว่าเพราะงานเกษตรไม่ต้องใช้ความรู้มากมาย แรงงานมีเยอะ

สุดท้าย ในความเป็นจริง ทุกวันนี้เรามี Ethanol เหลือจนแทบจะบอกได้ว่าเกินความต้องการภายในประเทศแล้วจนต้องส่งออกไปขายต่างประเทศเยอะมาก เพราะส่งออกกำไรดีกว่าขายบ้านเราและความต้องการภายในประเทศยังไม่มี เพราะภาครัฐเองไม่สามารถกระตุ้นความต้องการใช้ได้ มาตราการ E85 ทุกวันนี้ ภาครัฐใช้เพื่อเอื้อให้ผู้ผลิตรถเท่านั้น ภาคผู้ใช้รถอย่าหวังครับ       

 ผมว่า E85 ควรส่งเสริม ด้วยเหตุผลดังนี้

1. ผลกำไรกลับคืนสู่เกษตรกรและเศรษฐกิจของชาติ และลดการขาดดุลการค้าเนื่องจากการน้ำเข้าน้ำมัน

2. ลดมลภาวะทางอากาศ เพราะ E85 เผาไหม้สมบูรณ์กว่าเบนซินทั่วไป มลพิษจึงน้อยกว่า

3. น้ำมันใต้ดิน ไม่เกิน 40 ปี ก็หมด แต่เอทานอลบนดิน ไม่มีวันหมด

แล้วควรส่งเสริมอย่างไร

1.ส่งเสริมด้วยการลดภาษีเพื่อจูงใจให้บริษัทรถยนต์ผลิตรถยนต์ที่สอดรับกับ E85 ซึ่งรัฐก็ทำอยู่ แต่ยังไม่เพียงพอ

2.ส่งเสริมด้วยการอุดหนุนราคาจำหน่าย E85 ซึ่งรัฐก็ทำอยู่ และใช้ ปตท. เป็นกลไกหนึ่งในการขยายบริการ E85 เหมือนที่ใช้ปตท.ขยายปั๋มNGV. ถ้ารัฐจะเอาจริงก็ทำได้ ส่งเสิรมไปให้ชัดเลยว่า Taxi และ รถขนส่ง ใช้ NGV ส่วนรถส่วนบุคคลใช้ E85 อย่างนี้คนที่จะซื้อรถที่ใช้ E85 ก็สบายใจที่จะซื้อเพราะหาเติมได้ง่าย

3.ส่งเสริมการปลูกมันสำปะหลังและอ้อยให้ได้ผลผลิตดีกว่านี้โดยพึ่งพาเคมีน้อยที่สุด

4 ส่งเสริมการตั้งโรงงานผลิตเอทานอล โดย BOI 

ปัญหาของ E85 หลักๆคือ ตอนนี้มีปั๋มอยู่ 60 ปั๋มทั้งประเทศ ถึงน้ำมันจะราคาถูก แต่ถูกเพราะรถที่ใช้ E85 จะกินน้ำมันมากกว่าปรกติเพราะ Ethanol ให้พลังงานที่ต่ำกว่า จึงจะต้องมีการฉีดน้ำมันเพิ่มเพื่อให้ได้พลังงานเท่าเดิม สำหรับผม E85 ยังไม่ใช่คำตอบในตอนนี้ เพราะที่บริษัทรถเขาออก E85 กันเพราะภาครัฐต้องการให้ออกรถรุ่นนี้และส่งเสริมโดยการลดภาษี ซึ่งบริษัทรถเห็นช่องว่าจึงออกรถ E85 เพราะเมื่อราคารถถูกลง ผู้ซื้อจะเข้ามาซื้อเพิ่มขึ้น ถึงแม้นว่าซื้อไปแล้วจะไม่ใช้ E85 ตามที่มันถูกออกแบบมาก็ตามแต่ถ้าถามว่ารถใหม่ที่ใช้ E85 จะใช้ E85 ไหม คำตอบคือใช้ไปเพื่ออะไรครับถ้ามันต้องวิ่งรอบกรุงเพือหาน้ำมันเติม ยกเว้นว่าปั๋มข้างบ้านขายอยู่เท่านั้น  การที่ภาครัฐจะยกเลิกเบนซิน 91ตั้งแต่มกราคาปี 2556 นี้และบริษัทน้ำมันหลักๆจะออก E20 มาขายแทนนั้น น่าจะส่งเสริมให้ E20 มีการใช้มากกว่าเดิมเพราะจะหาน้ำมันได้ง่ายกว่าปัจจุบันที่มีเพียงปตท.และบางจากเท่านั้นที่จำหน่าย เมื่อทุกบริษัทฯจำหน่าย E20  แนวโน้มการใช้ E20 จะมีมากขึ้นและจะกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้นตามไปด้วย แต่ถ้าดูจากทุกวันนี้ E85 แนวโน้มก็คงจะมีอยู่แค่กรุงเทพฯเท่านั้นและกว่าจะขยายทั่วประเทศ คงจะอีกนาน ดังนั้น ถ้าอยากใช้รถ E85 จริงๆ ขายคันเก่าซื้อคันใหม่จะคุ้มกว่ามากครับ ความสะดวกในการหาน้ำมันเติมให้รถจะเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าครับ ข้อสำคัญ น้ำมัน E85 ราคาแค่ 21.38 บาทต่อลิตร ทุกคนทราบดีกว่ารถใช้ E85 จะกินน้ำมันมากกว่า E20 หรือ E10 ดังนั้น เมื่อเอามาคำนวนค่าน้ำมันของรถที่ใช้ E85 จะประเมินค่าใช้น้ำมันจริงได้อยู่ที่ประมาณ 28-29 บาท/ลิตรในเมือง ซึ่งห่างจาก E20 เพียง 2 บาทกว่านิดๆต่อลิตรเท่านั้น ดังนั้น ความคุ้มค่ามันจึงลดลง        

 กล่องพวกนี้เป็นกล่องแบบ piggy back คือ เอาสัญญาณที่กล่องสั่งให้โซลินอยด์ทำการเปิดหัวฉีดมาแปลงสัญญาณใหม่เพื่อให้ฉีดเชื้อเพลิงมากขึ้น เปิดวาล์วไอดี ไอเสีย ให้เหมาะสม (ปรับ air fuel ratio) เพราะเอธานอลมีค่าการให้พลังงานน้อยกว่าเบนซินถึง 30%  แต่คราวนี้ ชิ้นส่วนบางอย่างของรถยนต์ เช่นปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ยางหัวฉีด หรือชิ้นส่วนโลหะประเภทแมกนีเซียม หรืออลูมีเนียม ยางจะไม่ทนต่อเอธานอล ยกตัวอย่างเช่น สายน้ำมันเชื้อเพลิง e10 ใช้สายแค่ SAE R7 แต่เอธานอล หรือ e85 ขึ้นไปใช้ R10 เติม e85 ในสาย r7 สายจะบวมแตกไว เป็นต้น

    ถ้าคุณไปอ่านเว็บรถซิ่งของเมืองนอกที่มาใช้ e85 เพราะความแรง เขาใช้จะมีการเปลี่ยนยางซีลวาล์ว ยางหัวฉีด ท่อน้ำมัน ปั๊มติ๊ก ด้วยครับ แต่ถึงอย่างไรอายุการใช้งานรถจะสั้นลงกว่าเดิมแน่นอนเพราะวิศวกรเขาออกแบบมาให้ใช้เชื้อเพลิงแค่ e10 เท่าน้ัน การเปลี่ยนจังหวะการเปิดวาล์ว หรือเปิดหัวฉีดมันก็ช่วยได้ไม่มาก ถ้าจะแก้มันต้องไปตั้งแต่ขนาดกระบอก ช่วงชัก วัสดุทำเสื้อสูบ แหวน ก้าน ฯลฯ

    คุณเลือกติดได้แต่ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงและปัจจัยแวดล้อม สมมติน้ำมันลิตรละ 70 บาท e85 ลิตรละ 20 บาท เป็นผมผมก็ติดครับแม้ว่ารถจะอายุการใช้งานสั้นลงก็ตาม ผมก็ทำใจไว้ว่าเออ ถึงเวลาวิ่งสักแสนสองแสนต้องเปลี่ยนเครื่องนะ เงินค่าน้ำมันที่ประหหยัดมันคุ้มค่ากว่าเยอะนะ 

 ขอบคุณ คุณคนว่างวันอาทิตย์ และทุกท่านทีี่่ให้ความเห็น เป็นประโยชน์จริง ๆ ครับ สำหรับคนที่กำลังสงสัยในเรื่องนี้

ใครมีความเห็น ความรู้เชิญแชร์ได้เลยครับ

ขอเตือนเพิ่มเติมอีกสักนิดว่า ผมได้เข้าไปอ่านเวปๆหนึ่ง แสดงความคิดเห็นกันอย่างสนุกสนานโดยเอารถที่สามารถใช้ E20 แต่ไปเติม E85 แล้วนำเอามาวิ่งใช้งาน โดยไม่มีการติดตั้ง ECU หรือปรับปรุงระบบใดๆทั้งสิ้น แล้วบอกทุกคนว่าสามารถใช้งานได้เมื่อวิ่งอยู่ในเมืองเป็นส่วนใหญ่และจะกลับไปใช้ E20 หรือ E10 เมื่อวิ่งทางไกล แล้วบอกว่าสามารถใช้งานได้แถมสนับสนุนให้คนที่สนใจไปทำ ในความเป็นจริงนั้น ถ้าใช้งานระยะสั้น มันทำได้เช่นเกิดไม่มีน้ำมันและต้องเติม ถ้าไม่เติมแล้วไม่มีน้ำมันวิ่งกลับบ้าน ในกรณีอย่างนี้ ทำได้ครับ แต่ต้องเป็นการใช้งานระยะสั้นๆเท่านั้น สิ่งที่ผมกลับมากคือ ถ้าเครื่องมันพังขึ้นมาและเขาไม่ศึกษามาให้ดีก่อนแนะนำให้ใครไปใช้ตาม เกิดรถคนที่เชื่อคำแนะนำเขาใช้ไปแล้วเครื่องพัง ตัวใครตัวมันนะครับ เพราะในเวปคุณจะไปจี้เอาผิดใครมันไม่ได้นะ 

 นอกจากกล่องแล้ว ทีช่วยยืดการจ่ายน้ำมันของหัวฉีดแล้ว มันต้องมีการเปลี่ยนอุปกรณ์ทางเดินของน้ำมันทั้งระบบคับ รวมทั้งถังน้ำมันด้วย

 อย่างที่พี่คนว่างฯแนะนำนะคับ ระยะสั้นใช้ได้คับ แต่ผลเสียระยะยาวจะตามมาคับ

กรุณาเข้าไปอ่านบทความข้างล่างนี้ เพื่อความเข้าใจให้ถูกต้องว่ารถที่จะสามารถแปลงเป็นรถ FFV จะต้องทำอย่างไร ไม่ใช่ซื้อแค่กล่องติดแล้วจะจบ ระยะสั้น รถจะวิ่งได้ ใช้งานได้ แต่ระยะยาว ปัญหาจะเกิดตามมาถ้าไม่มีการดัดแปลงครับ และถ้าคิดจะไปดัดแปลงเองข้างนอกก็ไม่สามารถทำได้ การโฆษณาเพื่อจะขายสินค้า จะบอกว่าใช้งานได้ทั้งนั้น แต่ไม่บอกว่าระยะยาว รถคุณจะเป็นอย่างไร แค่กล่องๆเดียวไม่วิเศษอย่างที่คุณคิดหรอกครับ ถ้ากล่องมันเก่งตามที่โฆษณา ทำไมโตโยต้าเขาจะต้องปรับปรุงอุปกรณ์ของเขาให้ใช้งานได้เล่าครับ แค่ซื้อกล่องวิเศษนี้มาติดเท่านั้นไม่ดีกว่าหรือ ไม่สิ้นเปลืองงบพัฒนาด้วยนะ 

http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9550000138161

เรามาคอมบายแล้วดูในกระทุ้ของคุณแม็กไกลเว่อร์นะ