เหมือนกันครับ ผมวิ่งมอเตอร์เวย์จากชลบุรีเข้ามาทำงานแถวบางวัว (นิคมฯ เวลโกรว์) เจอแบบนี้ทุกเช้า แต่ยังดีที่ขาเข้าตอนเช้ารถไม่มากเลยแซง (ซ้าย) ฉลุย

อย่าพูดให้เสียอารมณ์เลยครับ  เช้า ๆ เนี่ย เจอทุกวัน  พ่อมัน มอเตอร์เวย์ ขับ 60 - 80 แช่ขวา  ผมมา 120 - 160  ต้องวิ่งซ้ายแซงเอา

ที่ผมกับคุณเอ็มน่ารักแสดงความเห็นก็หมายถึงมารยาทการใช้รถใช้ถนนครับ ขับช้าก็ชิดซ้ายให้คนอื่นเขาแซงกันไป

ทุกวันนี้สภาพการจราจรส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับมารยาทและฝีมือคนขับ รถติดเวลาเกิดอุบัติเหตุก็เกิดจากชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน (หลายครั้งเกิดเหตุคนละช่องจราจรหรือฟากถนนก็รถติด) มือใหม่คลานแช่เลนขวา ไม่สนใจไฟสัญญาณขอทางจากคันหลังที่เร็วกว่า บางคันเห็นแค่ฝนตั้งเค้าก็เบรกแล้ว ไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา แล้วพวกนี้ก็ชอบอยู่ขวาตลอด น่าเบื่อมากครับ

ผมเองก็ขับรถไม่ช้ามาก 120-140 กม./ชม.เป็นส่วนใหญ่ เจอกรถเร็วกว่าไม่ต้องรอให้ขอทาง ผมก็หลบซ้ายให้ครับ

 จากความที่10 (3327488)นะครับ ถ้าคุณคิดว่าคุณอยากขับรถแบบถนนโล่งๆคนเดียวผมขอแนะนำให้ เอาเงินไปสร้างถนนส่วนตัววิ่งเลยคับ ..จบ

ผมว่าผมก็เจอรถคันนี้บ่อยขึ้น ครับน้า Non อิอิ แต่มีทั้งทะเบียนบางกอก ทะเบียนบ้านนอกเลยครับเดี๋ยวนี้ 555 >>>>>

"... ดูง่ายๆ รถทะเบียนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เวลาทางราบตะบี้ตะบันเหยียบเข้าไป (120-160 กม./ชม.) พอเจอรถบรรทุกวิ่งอยู่เลนซ้ายก็เบรกเหลือ 60-80  กม./ชม. พอเลยไปและทำใจได้ก็เหยียบต่อ (ไม่หลบให้เราแซงด้วย แถมยังเร่งเวลาเราจะแซงเลนซ้าย) ไปชะลออีกทีก็ตอนขึ้นดอย..."

ผมขึ้นดอยแม่สลองเมื่อปีที่ผ่านมา ผมขับเจ้า HYUNDAI H-1 เกียร์ธรรมดาตามหลังเจ้า March ก็เห็นวิ่งฉิวดีนะ ผมว่าบางทีเราตามหลังรถที่คนขับมือใหม่ กล้าๆ กลัวๆ มัวแต่คลาน เลยทำให้ไปโทษสมรรถนะของรถ

คุณดูง่ายๆ รถทะเบียนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เวลาทางราบตะบี้ตะบันเหยียบเข้าไป (120-160 กม./ชม.) พอเจอรถบรรทุกวิ่งอยู่เลนซ้ายก็เบรกเหลือ 60-80  กม./ชม. พอเลยไปและทำใจได้ก็เหยียบต่อ (ไม่หลบให้เราแซงด้วย แถมยังเร่งเวลาเราจะแซงเลนซ้าย) ไปชะลออีกทีก็ตอนขึ้นดอย (ผมเซ็งมาก เพราะชะงักขณะที่เราลงเนินเร่งส่งเพื่อขึ้นเนิน)... สรุปว่ารถยนต์สมัยนี้สมรรถนะใช้ได้ แต่มือใหม่หัดขับเกลื่อนถนน เพราะสอบหรือซื้อใบขับขี่ง่ายกว่าแต่ก่อน (ใช้เกียร์อัตโนมัติเพื่อสอบใบขับขี่ได้ด้วย)

เป็นดังที่คุณ mon ว่า ยืนยันอีกเสียง

เคยคลานตามหลังอามีร่าขึ้นภูเรือ (อาจไม่เกี่ยวกับกระทู้) เห็นแล้วอึดอัดมากกกก  ผมตัดสินใจได้เลยว่าจะไม่คบกับรถเครื่องเล็ก..เว้นแต่ว่าจะถูกสั่ง

ขอบคุณทุกท่านครับ

โอเคจัดไปนิสสันอามีร่า

ผมได้ลองนั่งและขับ NISSAN March (Eco Car) ก็กว้างไม่แพ้รถพิกัดใหญ่กว่านะครับ (ผมสูง 186 ซม. หนัก 89 กก.) เพราะการออกแบบภายในให้มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ (แต่พื้นที่เก็บสัมภาระหลังรถแคบไปหน่อย) อัตราเร่งก็ใกล้เคียงกับพิกัด 1.5-1.6 ลิตรของหลายยีห้อ... ทดลองก่อนตัดสินใจครับ... ส่วนตัว Almera ก็มีมิติเท่ากับ TOYOTA Altis หรือ HONDA Civic (ฐานล้อยาว 2,600 มม.)

 รถเล็ก พื้นที่แคบๆนั่งไกลๆทางยาวๆรถมันไปได้หมดละครับแต่สภาพคนนั่ง คนขับล่ะครับ มันต่างกับรถที่ใหญ่กว่าแน่นอนครับ จะเห็นผลชัดๆเมื่อคุณไปถึงปลายทาง

เห็นด้วยกับคุณลูกบอลครับ ต้องเข้าใจพื้นฐานของรถว่าสร้างมาเพื่อการใช้งานแบบไหน ถ้าคุณเข้าใจก็จะใช้รถได้อย่างประหยัดและปลอดภัยครับ

ใข่คับ  ถ้าไม่คำนึงถึงความประหยัด มันก็วิ่งได้ 160 ล่ะคับ   แต่ค่าน้ำมันกะอักแน่นอน ฟันธง   และคนพวกนี้ คือ พวกที่เข้าไปบ่นตามเวบ และคลับต่าง ๆ ว่า eco car กินน้ำมัน  ไม่เหมือนที่โคสะนา  ก็วิ่ง ไปเท่าไหร่ล่ะ บอกกินน้ำมัน เง้อ

March กับ Almera ใช้เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 3 สูบ 12 วาล์ว ไม่ใช่ 1.3 ลิตรครับ... ทางเรียบไปได้หมดครับ (แต่ขึ้นดอยชันๆ ก็ต้องอาศัยจังหวะเร่งส่งเพื่อชดเชยแรงบิดที่ต่ำครับ)

ที่คุณกล่าวมาก็มีส่วนถูกแต่ไม่เสมอไป ปัจจุบันมีการพัฒนาไปมาก ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลังรองรับกำลังแรงม้าและแรงบิดที่สูงขึ้น ระบบเกียร์ที่ถ่ายทอดกำลังก็มีผลมาก เช่น March/Almera ใช้ระบบ CVT ที่ให้กำลังต่อเนื่องและประหยัดเชื้อเพลิงกว่า (ความเร็ว 100 กม./ชม. March กับ Almera ใช้รอบเพียง 2,000 รตน. ขณะที่ TOYOTA Altis 1.6 ใช้รอบที่ 2,400 รตน.) จึงเป็นเหตุผลที่เครื่องยนต์เล็กกว่าอาจจะสึกหรอน้อยกว่าเครื่องใหญ่ก็เป็นได้ครับ

บนทางพิเศษผมขับที่ 120-140 กม./ชม. เจอ March กับ Almera แซงบ่อยๆ ครับ

ชั่วโมงนี้...

1.6 ลิตร = FORD Fiesta

1.2 ลิตร (Eco Car) = NISSAN March/Almera

วิ่งต่างจังหวัด ถ้าคุณขับ 80 - 90 มันก็ 20 กม./ลิตร ครับ  แต่คุณจะขับแค่นั้นตลอดทางจริงง่ะ  แล้วเมื่อไหร่จะถึง   พอวิ่งระยะประหยัดของเครื่อง 1.6 ที่ 100 - 120  แล้วกินกะอัก ครับ   จาก 20 กม./ลิตร อาจจะมี 10 กม/ลิตร

จับเชพ ติด LPG ประหยัดกว่าไหม