นั่นดิ เป็นที่น่าสังเกตุว่า ถ้าดีกว่าแบบใส ทำไม โรงงานผลิตแบตจึงไม่แน่ะนำให้ร้านจำหน่ายเติม สีชมพูตั้งแต่แรกที่เปลี่ยนแบตใหม่.....อืม......น่าคิด.....แต่คิดไม่ออก

น้ำกลั่นใส ปกติจะขายอยู่ ประมาณ 8-10 บาท น้ำกลั่นชมพู 20-25 บาท

ความแตกต่างที่ร้านอธิบายให้ลูกค้าฟังก็คือ น้ำกลั่นใสจะเป็นน้ำกลั่นที่มีค่า กรด ค่าง เหมาะสม

แต่น้ำกลั่นชมพู จะเติมสารที่เรียกว่า อิเลคโครไลท์ เป็นเหมือนสื่อนำกระแสไฟฟ้า ทำให้การเรียกไฟจาก แบตเตอรี่ ได้เร็วกว่า

ช่วยในการรักษาแผ่นธาตุ แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ น้ำกลั่นใส จะเดือดที่ 100 องศา น้ำกลั่นชมพู จะเดือดที่ 120-130 องศา จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมน้ำกลั่นชมพู จึงใช้จุดขายที่ว่า เติมแล้ว การยุบตัวของน้ำกลั่นจะช้ากว่า น้ำกลั่นใส นั่นเอง

แต่ยังไง ก็นานาจิตตัง เพราะราคาที่แตกต่างกัน ไม่เกิน 15 บาท บางคนก็ว่าไม่เห็นต้องเสียตังค์ บางคนก็ว่าไม่เห็นเป็นไร เพราะมันอาจ มีความแตกต่างกันจริงๆ แต่แตกต่างอย่างมีนัย หรือเปล่า

น้ำกลั่นแบบสีชมพูไม่รู้ทำไมเห็นแต่แบตเตอรี่ขนาดเล็กครับ ขนาดใหญ่(75Aขึ้นไป)ผมไปส่องมาเป็นสิบคันแล้วไม่เห็นมีใครใช้เลยครับเห็นแต่น้ำกลั่นธรรมดา

ส่วนน้ำกลั่นควรเลือกยี่ห้อที่ดีไว้ใจได้ครับเพราะหากมีสารละลายโลหะปนเปื้อนอยู่จะทำให้แผ่นแร่มีขี้เกลือขึ้นอยู่หนาแบตจะเสื่อมเร็วครับ เพื่อนผมบางคนเนี่ยถึงขนาดใช้น้ำกลั่นเกรดห้องปฏิบัติการ (ก็พึ่งรู้ว่ามีนี่แหละ) เค้าให้เหตุผลว่าน้ำกลั่นนี้กลั่น 3 ครั้งโอกาสที่มีโลหะปนก็น้อยลง อายุแบตจะยืนขึ้น

ส่วนผมเคราะหามยามซวยลืมดูน้ำจนแบตแห้ง น้ำประปาก็เคยใส่ 555

แบบสีชมพูด้างว่าใส่สารอะไรก็ไม่แน่ใจ ใช้แล้วมันก็เหมือนๆกันนั่นแหละ ไม่สมกับราคาที่จะต้องไปจ่ายเพิ่มขึ้น แนะนำว่าใช้แบบใส ราคาถูกกว่า แบตเตอรี่มันก็ทนเท่ากันครับ แบตเตอรี่จะทนหรือไม่ทนขึ้นอยู่กับเจ้าของรถตรวจเช็คน้ำกลั่นบ่อยหรือไม่ ถ้าปล่อยให้แห้ง รับรองได้ว่าใช้ได้ไม่นานก็พังแล้วครับ