ผมว่า FORD Everest ใหม่น่าจะได้ 5 ดาวแน่นอนแล้วครับ เพราะมีพื้นฐานมาจาก Ranger ซึ่งเป็นกระบะรุ่นเดียวที่คว้า 5 ดาวจาก Euro NCAP ณ ขณะนี้ (เหนือกว่า VOLKSWAGEN Amarok อีกครับ)

เค้าโกดไรกันมา  ตอบซะละเอียดเลย  แต่ว่าเค้าถาม MU7 กับ everest มะช่ายหรอ  แล้ว อี everest 2.2 มันยังไม่ออกมะช่ายหรอ  ตอบกันไปได้ งิ

เอิ๊ก ๆ ไปดีก่า เด๋วโดนเตะ

 เยี่ยมค่ะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ

ความคิดคนเรามันไม่เหมือนกันอยู่แล้วครับ ล้านคนล้านความคิด เช่น ผมชอบรถมินิJCW ราคา3.2ล้าน คุณอาจจะชอบโตโยต้าอัลพาร์ดที่ราคาประมาณ3ล้าน แล้วก้มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันว่าทำไมถึงชอบรุ่นนี้

เข้าเรื่องครับ

จากข้อ2. ความรู้สึกหลังจากที่ผมขับ EVไปโคราช-สุรินทร์เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมกดคันเร่งเลย1,800รตน.รู้สึกว่าแรงบิดยังไม่ตกน่ะครับ แต่รู้สึกว่าใกล้4,000เริ่มไม่ออกแล้ว

จากข้อ4.-5. ความทนทาน คนไทยว่ามิตซูทน ฟอร์ดไม่ค่อยทน แต่ฝรั่งตรงกันข้าม เรื่องช่วงล่าง ส่วนตัวนะครับ ผมมองว่าทั้งสองรุ่นนี้เน้นความปลอดภัยในการขับขี่กับการลุยเสียมากกว่า ฟอร์ดก็เกาะ ลุยก็ดี มิตซูก็หนึบ ลุยก็เยี่ยม(ถึงว่ามันแพงกว่ารถตลาด)

จากข้อ6.เนื่องจากมิตซูพัฒนาพื้นฐานรถใหม่หมด เลยทำให้รถดูแข็งแรงกว่า ปลอดภัยกว่า กว้างกว่า ได้4ดาวจาก5ดาว ในขณะที่ฟอร์ดใช้พื้นฐานตัวเดิมที่ใช้มาเป็น10ปี แล้วมาเปลี่ยนบอดี้ใหม่ เลยทำให้ความแข็งแรงลดลง
ความปลอดภัยน้อยลง แต่คงความแข็งแกร่งสไตล์ฟอร์ดยังคงอยู่ เลยได้เพียง2ดาว(อีซูซุเห็นว่าไมได้ซักดาว)

ฟอร์ดพื้นฐานใหม่อาจจะได้4-5ดาว เนื่องจากได้พื้นฐานของF-150เมื่อ10ปีก่อนมาใช้งาน โดย80%โดยประมาณใช้พื้นฐานของF-150ที่แข็งแรง แข็งแกร่ง ทนทาน  20%โดยประมาณปรับแต่งรายละเอียดบางส่วนให้ดูดีขึ้น ทันสมัยขึ้น วัสดุที่นำมาประกอบอาจจะดีกว่าF-150อยู่เล็กน้อยครับ(F-150เมื่อ10ปีก่อนเท่ากับรถเรนเจอร์ใหม่ในปัจจุบัน)

ผมขออนุญาตเพิ่มเติมจากคุณนักเปรียบเทียบนิดนึงเฉพาะข้อที่เห็นต่าง (แต่ไม่แตกแยก) นะครับ

ข้อ 1 Everest และ Pajero Sport ใช้เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะทั้งคู่แล้วครับ

ข้อ 2 Pajero Sport มีแรงบิดสูงสุดตั้งแต่ 1800 - 3500 รตน. (เป็น Flat Torque หลังจาก 3500 รตน. แรงบิดจะตกลง) ส่วนของ Everest มีแรงบิดสูงสุดที่ 1800 รตน. หลังจาก 1800 รตน. แรงบิดจะตกลง...Everest จะประหยัดเชื้อเพลิงกว่าพอสมควร เพราะตั้งบูสต์ที่ประมาณแค่ 14-16 ปอนด์/ตรน.

ข้อ 4-5 ความทนทาน ผมว่าด้านเครื่องยนต์ Pajero Sport น่าจะได้เปรียบ เพราะบล็อก 4D56 ใช้มานาน อึดมาก วงการออฟโรดยอมรับ ปัจจุบันยังใช้อยู่แต่พัฒนาฝาสูบเป็น 16 วาล์ว (ตัวปัจจุบันตั้งบูสต์ที่ประมาณ 30 ปอนด์/ตรน.) ส่วนพวกช่วงล่างและตัวถังน่าจะพอๆ กันครับ ถ้าช่วงล่างเน้นลุย Pajero Sport ดีกว่า แต่ถ้าเน้นทรงตัวทางเรียบ Everest ดีกว่าครับ

ข้อ 6 ความปลอดภัย ผมคิดว่าไม่ได้ดูจากจำนวนแอร์แบก น่าจะดูจากผลการทดสอบการชน Euro-NCAP นะครับ...ดาวยิ่งเยอะยิ่งดี (สูงสุด 5 ดาว...แต่ไม่ใช่ไก่ย่างนะครับ...555+)...แล้วค่อยไปดูคะแนนการปกป้องผู้โดยสาร คนเดินถนน ฯลฯ

สรุปอีกทีว่ารอ Everest ตัวใหม่มาก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีนะครับ....แต่ถ้าดูจากข้อมูลแล้ว Everest ใหม่น่าจะผงาดเป็นเจ้ายุทธจักร PPV ครับ (เฉพาะด้านสมรรถนะนะครับ)

เพิ่มเติมเล็กน้อยจากข้อ6ครับ

แอร์แบกซ้าย ขวาที่ฟอร์ดให้มาคือ เป็นแอร์แบกที่ป้องกันการกระแทกจากด้านข้างน่ะครับ

คุณ Non Wacharakiat

เทียบกันยากนะครับ Ford Everest กับ Pajero Sport 178Hp

เพราะทางมิตซูฯเขาเพิ่งพัฒนาเครื่องยนต์ให้แรงขึ้น ส่วนฟอร์ดเขาใช้เครื่องยนต์เดิมแบบรุ่นที่แล้ว(Durotorq 2.5 143 Hp 330Nm.)

ถ้าให้เทียบก็น่าจะได้นะครับ แต่จะเทียบเฉพาะ Everset 2.5 4x2 LTD NAVI กับ Pajero Sport 2WD GLS

1.ฟอร์ดจะได้เปรียบเรื่องเกียร์อัตโนมัติ 5สปีด แต่มิตซูฯจะมีเพียง 4สปีด

2.มิตซูฯจะได้เปรียบเรื่องแรงบิด เพราะแรงบิดจะออกตั้งแต่ 1800rpmแต่แรงบิดจะไปสุดที่ 3500rpm แต่ฟอร์ดของฟอร์ดตั้งแต่ 1800rpmเป็นต้นไปจนถึงรอบสูงสุด ได้อย่างเสียอย่างทั้งคู่ครับ (สรุป ฟอร์ด เสียตรงที่แรงบิดน้อยกว่า แต่ได้ตรงที่แรงบิดไม่จำกัดรอบ ลากรอบแซงสบาย แต่อย่าเกินRed Zoneนะครับ ส่วนมิตซูได้แรงบิดมากกว่า แต่เสียตรงที่จำกัดรอบไว้ที่ 3500rpm)

3.เรื่องความประหยัด* ใกล้เคียงกัน ผมลองแล้ว(ฟอร์ดเฉลี่ย 12.5 กิโลต่อลิตร มิซูเฉลี่ย 12.2 กิโลต่อลิตร สงสัยเพราะเกียร์ออโต้4สปีด)

4.ความทนทาน ฟอร์ดกินขาด(เพราะของเขาพัฒนามาเป็นร้อยปีแล้ว แต่ใช่ว่ามิตซูจะไม่ทนนะครับ ก็ทนอยู่)

5.การทรงตัว มิตซูฯดีกว่านิดหน่อย เพราะมิตซูฯใช้ช่วงล่างแบบเดียวกับรถแข่งแรลลี่ระดับโลก ส่วนฟอร์ด ของเขาเกาะแต่ไหนแต่ไรแล้ว

6.ความปลอดภัย เท่ากัน แต่ฟอร์ดมีแอร์แบกซ้าย ขวา(ไม่ใช่แอร์แบกคู่หน้านะครับ)

7.รูปทรง แล้วแต่คุณนะครับ จะเอาบึกบึนสไตล์อเมริกัน หรือจะเอาสไตล์หล่อสำอางแบบญี่ปุ่นนะครับ

8.ความสะดวกสบาย ผมให้เท่าๆกันครับ แต่มิตซูฯจะเสียตรงที่ไม่มีแอร์แถวที่2ครับ

9. อะไหล่และการบริการ มิตซูจะได้เปรียบครับ ฟอร์ดศูนย์มีเพียง 90 กว่าแห่งทั่วประเทศครับ(แต่ศูนย์เขาได้มาตรฐานระดับโลกเลยนะครับ)

10. ความบันเทิง ใกล้เคียงกันครับ เพราะผมตรวจสอบแล้ว

11.ราคา ใกล้ๆกันครับ ฟอร์ด 2.5 4x2 LTD NAVI 1,145,000 มิตซู 2Wd 2.5 VGT GT 4Auto 1,142,000 ราคาเหมือนไม่ต่างกันมาก แต่ถ้าคุณตรวจสอบรายละเอียดให้ดีๆ คุณจะรู้ว่ารุ่นไหนดีกว่า

(ทั้ง2รุ่นนี้คุณเอาไปเปรียบเทียบเพิ่มเติมนะครับ เอาแบบละเอียดแล้วมาบอกกันด้วยนะครับ ว่ารุ่นไหนดีกว่ากัน)

และ12. สุดท้ายนี้ ขึ้นอยู่กับคุณนะครับ ว่าจะเลือกคันไหน

ตามคุณนักเปรียบเทียบเลยครับผม....แต่ขอเพิ่มเติมนิดนึงครับ

เจ้า Everest ตัวใหม่ลดขนาดเครื่องยนต์ลงเป็น 2.2 ลิตร แต่แรงและประหยัดขึ้น....150 แรงม้า 375 นิวตัน-เมตร

> มากกว่าเครื่อง 3.0 VGS Turbo <4JJ1-TCX> ของ ISUZU ที่อยู่ที่ 333 นิวตัน-เมตร (เกียร์อัตโนมัติ) และ 360 นิวตัน-เมตร (เกียร์ธรรมดา)

> มากกว่าเครื่อง 3.0 D-4D <1KD-FTV> ของ TOYOTA ที่อยู่ที่ 343 นิวตัน-เมตร

และอีกรุ่นคือรุ่นใหญ่ 3.2 ลิตร 5 สูบ  200 แรงม้า 470 นิวตัน-เมตร....ที่สำคัญคือโมเดลใหม่นี้ใช้ทั่วโลกครับ

ส่วนอีกตัวที่อยากให้เปรียบเทียบคือ MITSUBISHI Pajero Sport ตัวใหม่ เครื่องยนต์ 2.5 ตัวเดิม (4D56 Turbo) แต่ปรับปรุงให้แรงขึ้นเป็น 178 แรงม้า 350 นิวตัน-เมตร (เกียร์อัตโนมัติ) และ 400 นิวตัน-เมตร (เกียร์ธรรมดา)

ถึง คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ

คุณคงทราบดีว่า Mu 7 มีแต่เครื่อง 3.0

แต่คุณทราบมั้ยว่า ทำไมMu 7 ไม่มีเครื่อง 2.5

ผมขอตอบเลยว่า เครื่อง2.5ของอีซูซุนั้น แรงบิด-แรงม้าน้อยกว่าฟอร์ดเยอะ(อีซูซุ 116ม้า 280นม. ฟอร์ด 143ม้า 330นม.*)

ถึงอีซูซุตัว3.0 จะแรงม้ามากกว่าฟอร์ดก็จริง(*อีซูซุ 163แรงม้า ฟอร์ด 156แรงม้า) แต่แรงบิดฟอร์ดมากกว่า(ฟอร์ด 380 นม. อีซูซุ 360นม*.)

*ข้อมูลทั้งหมดที่ผมกล่างอ้างมาจากโบร์ชัวร์ของอีซูซุ กับ ฟอร์ด ทั้งหมด

MU-7 Super Platinum

สาเหตุที่อยากให้ตัดสินใจเสียก่อนว่าจะใช้รถแบบ 4x4 หรือ 4x2 เพราะถ้าเป็น 4X2 Ford จะมีแค่รุ่น 2.5เท่านั้น ซึ่งข้อแตกต่างระหว่างเครื่อง 2.5 ของ Ford กับเครื่อง 3.0 VGS Turbo ใน MU-7 คือ MU-7 แรงกว่ามากครับ นั่นแหละคือข้อแตกต่างหลัก

http://www.ford.co.th/servlet/ContentServer?cid=1178852034723&pagename=Page&c=DFYPage&site=FTH

รุ่นขับสี่ผมก็ไม่มองเหมือนกัน(ไม่มีตังค์) แต่สำหรับขับสองทั้งคู่  option สองตัวนี้ใกล้เคียงกันครับ ต่างกันตรงค่าตัวป้ายแดงมิวแพงกว่าที่ option เท่าๆ กัน แต่มิวมีเพื่อนเป็นล้าน ส่วน EV ผมขับทั้งช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เจอรุ่นเดียวกันคันเดียว คนละสีอีกต่างหากครับ

อีกอย่างที่ต่างคือหน้าตาและบุคลิก ต้องลองไปดูเองครับว่าชอบแบบไหน ;)

ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่าด้วยเหตุผลอะไรที่คุณถึงจะซื้อรุ่น 4x4 เรียนตามตรงครับ ถนนบ้านเราดีพอใช้รุ่นขับสอง ใช้รุ่นขับสองไปเถอะ เพราะรุ่นขับสี่นั้น ค่าดูแลรักษาสูงกว่าขับสองและเวลาเสียรับรองได้ค่าซ่อมสูงกว่ากันมากครับ ถ้าไม่ได้ใช้งานลุย ไม่แนะนำให้ใช้ คนที่อยู่ภาคเหนือ ต้องจับรถขึ้นไปบนเขาสูงเป็นประจำ ถนนหนทางขาดเพราะดินถล่ม ต้องวิ่งฝ่าดอบ การใช้งานแบบนี้เท่านั้นแหละครับถึงจะแนะนำ อย่ามองดูแต่ว่าฉันต้องการซื้อรถรุ่น Top เพราะคำว่า Top นั้น ถ้าไม่ได้ใช้งานจริง เท่ากับคุณเสียค่าโง่ครับ ผมยังไม่พูดถึงตัวรถ แต่ขอให้คุณเอาข้อมูลตรงนี้ไปตัดสินใจเสียก่อน แล้วค่อยมาคุยกันว่าจะให้เปรียบเทียบรุ่นขับสองหรือไม่ครับ