น่าสนใจแนวคิดของคุณdon คนไทยเราโดยต้มเสียจนสมองเสื่อมไปแล้ว หากมีนักวิทยาศาสตร์ไทยคิดค้นอะไรได้ จะโดนถล่มทันที โดยเฉพาะเรื่องพลังงานทดแทน มีเบื้องลหังวงจรอุบาทก์อีกเยอะ ที่พวกไม่รู้ประสาเพื้อกัน  เข้าทางบริษัทน้ำมันเลยแบบนี้..เศร้าจริงๆประเทศไทย

มีข้อมูลอีกด้านให้พิจาราณาครับ  http://www.gashhothai.com   ลองอ่านให้ละเอียดก่อนตัดสินใจในเรื่องนี้ครับ   greengas

ก้าวแรกต้องล้มเข่าแตกหน้าแหกบ้าง ก้าวสองต้องระวังยั้งให้อยู่ ก้าวสามก้าวสี่ก็เริ่มดีมีใจสู้ ได้เรียนรู้พัฒนาพาเดินเป็น

ขอเป็นกำลังใจให้นักคิดไทยทุกคนอย่าได้ท้อ มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ แต่อย่างให้ใครอุ้มไปเหมือน นักคิดที่ฟิลิบปินเมื่อยี่สิบสามสิบก่อนนู้นที่สามารถทำรถวิ่งจากการเติมน้ำได้อีกนะครับ

ชอบแนวคิดคุณพี่ don ครับ

ด้วยความปราถนาดี จากนักอ่านมารแป้นพิมพ์

แต่ถามว่าไฮโดรเจนมีอนาคตหรือไม่ ขอตอบเลยครับว่า "มี" แต่ไม่ใช่รูปแบบการสันดาปภายใน และ(อาจจะ)ไม่ใช่วงการรถยนต์

พวกโรงงานอุตสาหกรรมพวกปิโตรเคมี จะมีไฮโดรเจนเหลือทิ้งออกมาอยู่แล้วครับ หากเรานำของเหลือพวกนี้มาผลิตไฟฟ้าโดยผ่านเยื่อเพื่อให้เกิดเป็นเซลล์เชื้อเพลิงครับ หรือฝรั่งเค้าเรียก fuel cell ซึ่งในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์เค้ามีต้นแบบกันแล้วครับ แม้แต่ไทยเราเองมีคุณลุงนักประดิษฐ์ทำรถแบบนี้แล้วครับ นายกยังไปนั่งมาอยู่เลย โดยรถคันนี้ไม่ใช้น้ำมันเลยครับ ข้อเสียของเชื้อเพลิงประเภทนี้คือวัตถุดิบในการผลิตมีราคาสูงมากครับโดยเฉพาะเยื่อที่ใช้แลกประจุ

ในสหรัฐเองก็มีความพยายามใช้พลังงานในลักษณะนี้ถึงขนาดมี National Hydrogen Roadmap เพื่อวางระบบไฮโดรเจนในบ้านเขาโดยในปี2020 เขาจะใช้เชิงพาณิชย์แบบเต็มที่ แต่เค้าใช้fuel cell กัน

     ถ้าอ.สุมิตร ทำได้จริงอย่างท่านพูด ผมขอดูผลการทดสอบที่ออกมาเป็นข้อมูลเชิงปริมาณด้วยวิธีการที่เหมาะสมครับ เรื่องอย่างนี้เป็นวิทยาศาสตร์ครับ ทำซ้ำได้ ง่ายที่สุด(และหยาบที่สุดที่ยอมรับได้)ใส่เครื่องนี้แล้วขึ้นdyno test ก็ทราบแล้วครับว่ามันขึ้นจริงหรือไม่ ในต่างประเทศไม่ว่า cnn หรือ popular mechanic เนี่ยล้วนแล้วแต่ทดสอบออกมาเป็นข้อมูลเชิงประมาณทั้งสิ้นครับแล้วพบว่ามันไม่ได้ผลออกมาว่าประหยัดจริง

คุณสมบัติเชื้อเชิงชื้อเพลิงของไฮโดรเจนให้พลังงานต่ำกว่าน้ำมันมากครับ ที่ความดันบรรยากาศเนี่ยไฮโดรเจนให้พลังงาน 270BTU/ft^3 แต่น้ำมันเบ็นซินให้พลังงานที่ 860,400 BTU/ft^3 พลังงานต่างกันมากขนาดนี้ไม่สามารถจุดอะไรได้ครับ เครื่องพวกนี้ทำไฮโดรเจนได้ 2 ลิตรต่อนาที(ตามที่โฆษณา) หุงข้าวน้ำยังไม่ทันร้อนเลยครับ จะมาบอกว่าประหยัดขึ้น 30-40% ผมจึงไม่เชื่อครับ

ถ้าสมมติเครื่องนี้ว่าผลิตไฮโดรเจนได้ประมาณมากพอที่จะเผาไหม้ก็ต้องอัดแก็สเหล่านี้เข้าห้องเผาไหม้ในบริมาณทีสูงมากหากจะอัดให้ได้พลังงานที่121,000BTU/ft^ ต้องใช้ความดันที่ 625 Barหรือ10000 psi แต่NGVมีแรงดันแค่250psi วัสดุที่ไหนจะทนได้ครับ BMW ทราบเรื่องนี้ดีจึงได้ทำการเครื่องยนต์ที่ฉีดด้วยไฮโดรเจนเหลวครับแล้วก็ไม่ได้เอาไฟจากเครื่องยนต์ไปปั่นแยกไฮโรเจนด้วยด้วย เค้าออกแบบถังเก็บ เสื้อสูบ หัวฉีดใหม่หมดลงทุนไปมากมาย ถ้าเครื่องนี้ประหยัดได้จริงเขาไม่ซื้อสิทธิบัตรไปพัฒนาต่อเล่าครับเรื่องพวกนี้มีตั้งแต่ยุค 70 แล้วครับไม่ใช่อ.สุมิตรเพิ่งทำ

อีกอย่างที่ผมจะเล่าครับคือ กฎการอนุรักษ์พลังงาน พลังงานจะมีอยู่คงที่เท่าเดิมเพียงแต่จะเปลี่ยนรูปไปเท่านั้นน้ำมันก็ได้ค่าพลังงานค่านึงแต่อยู่ๆจะเพิ่มขึ้นเพราะมันไปหมุนไดนาโมและใช้ไฟฟ้าไปแยกน้ำไม่ได้ครับ นี่ยังไม่นับรวมความสูญเสียที่เกิดจากระบบอีกนะครับเพราะโลกนี้ไม่มีระบบไหนสมบูรณ์โดยไม่มีการสูญเสียแบบคิดในกระดาษทดครับ

รถใช้ไฮโดรเจนจำเป็นต้องใช้กระแสไฟฟ้ามาแยกน้ำให้กลายเป็นออกซิเจนและไฮโดรเจน เครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงร่วมนี้จะมีพลังงานลดลงแต่จะต้องออกแรงเพื่อผลิตไฟเพิ่มมากขึ้นให้เพียงพอในการแยกก๊าซ ผมเป็นห่วงว่ากระแสไฟจะนำมาแยกก๊าซได้พอต่อการใช้หรือเปล่า

ขอมองต่างมุมในประเด็นนี้ เพราะผมคิดว่าหลายท่านให้ความเห็นที่รวบง่ายเกินไป โดยไม่พิจารณาถึงข้อเท็จจริงบางอย่าง จนมองเป็นเรื่องต้มตุ๋น เป็นมิจฉาทิฐิไปเลย เรื่องที่ขอมองต่างเป็นเช่นนี้ ผมว่าอันนี้มาช่วยกันคิดอย่างสร้างสรรค์ดีกว่าครับ อย่าไปตั้งแง่กับคนที่คิดค้นเรื่องพวกนี้เลย คือเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสโดยบังเอิญ พบกับ อ.สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ซึ่งเรื่องราวของอ. เคยเป็นข่าวอยู่พักหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องรถพลังน้ำ หรือรถที่ใช้ Hydrogen เป็นพลังงานสันดาป ซึ่ง อ. พูดไว้อย่างน่าสนใจว่า เหตุผลที่รถประเภทนี้เป็นไปได้ยากในการผลิตเพื่อใช้ ก็เพราะว่า บริษัท ฯน้ำมันนั้นคอยคุกคามและข่มขู่คนที่ออกมาทำเรื่องพวกนี้ เพราะคิดดูว่าถ้าหากรถที่เราขับๆกันไม่ต้องใช้น้ำมัน แต่เติมน้ำแทนได้ บริษัทฯน้ำมันพวกนี้ก็เจอปัญหาแน่นอน ซึ่งถ้าเราพิจารณากันแบบวิญญูชนก็พอจะเข้าใจได้ว่า บริษัทฯน้ำมันยักษ์ใหญ่เหล่านี้มักมีอิทธิพลในการ สกัด ตัดตอน หรือขัดขา คนที่คิดจะหาพลังงานเชื้อเพลิงใหม่ๆ แทนน้ำมัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ แต่จะเป็นการเสียประโยชน์อย่างมหาศาลกับพวกผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่เหล่านี้ ผมเองก็เรียนวิทยาศาสตร์มาระดับหนึ่ง เมื่อฟัง อ. อธิบายให้ฟัง ก็ต้องฟังและคิดวิเคราะห์ ซึ่งผมเองก็เห็นว่ามีเหตุผลที่รับฟังได้ระดับหนึ่ง และผมถามว่า การที่เราสามารถหาพลังงานทดแทนน้ำมัน ซึ่งพวกเรากันเองบ่นเช้า สาย บ่าย เย็น เวลาที่พวกบริษัทฯ ค้าน้ำมันมันขูดรีดเอาๆ มันไม่เป็นการดีหรอกหรือ ผมจึงแปลกใจครับ ที่เราไม่สนับสนุนหรือหาเหตุผลที่สร้างสรรค์มาถก แต่กลับไปเหน็บแนม หรือกระแหน๋กระแหนคนที่ออกทำเรื่องพวกนี้ ซึ่งคนที่วิจารณ์อาจยังไม่ได้ทราบข้อมูลครบถ้วนก็เป็นได้ ซึ่งรวมถึงผมในตอนแรกด้วย ที่เห็นว่าเรื่องนี้ดูไร้สาระ แต่การได้คุยกับผู้รู้และนักปราช์ญทำให้คนโง่งมมีดวงตาสว่างไสวขึ้นครับ

ผมต้องบอกว่าผมไม่ได้เข้าข้าง หรือเชียร์อ.ท่านดังกล่าว ไม่ได้เป็นนายหน้าขายอุปกรณ์ดังกล่าวใดๆ เพียงแต่ผมคิดว่าเราเป็น "ทาส" ของพวกพ่อค้าหน้าเลือดมานานเกินไปแล้ว ไม่เคยเห็น forward mail ประเทศในตะวันออกกลางหรือครับ ที่พวก ชีค หรือเจ้านคร มีบ้านทำด้วยทอง หรือรถยนต์แพงๆเป็นร้อยๆคัน ของเหล่านี้พวกเขาได้มาจากการขูดเลือด ประเทศที่ซื้อน้ำมันไปเติมรถเพื่อใช้งานอย่างเราๆท่านๆ ในราคาที่คนบางคนกำหนดราคาตามใจชอบ ทีละ 40-80 สตางค์ โดยอ้างราคาตลาดโลกเป็นสรณะ ก็ลองคิดกันดูครับ

สรุปง่ายๆครับ พลังงานที่สูญเสียไปกับพลังงานที่ได้จาก H2 เข้าไปในห้องเผาไหม้เนี่ยมันไม่คุ้มกันครับ

อีกอย่างนึงเครื่องเนี่ย ในเมืองนอกมีขายมาหลายสิบปีแล้วครับจนคนทำขายมันติดคุกรอบที่สองแล้วครับ

ส่วนทางด้านการทดสอบนั้น CNN และนิตยสาร Popular Mechanic เคยซื้ออุปกรณ์นี้มาทดสอบแล้วครับ ปรากฎว่าไม่ได้ประหยัดขึ้นแม้แต่น้อย

แถมอีกอย่างครับเรื่องเครื่องตัดแรงโน้มถ่วงที่มาในรูปที่จุดบุหรี่อีกอย่างนึงครับ ต้องระวัง

รายการโฆษณาต้มหมูระดับชาติ

ผมชอบฟัง ชอบอ่าน และชอบคุยด้วยครับ เรื่องพวกนี้

แต่ผมว่ามันยังไม่ถึงเวลาครับ เพราะที่จริงคนเราแยกน้ำออกเป็นเชื้อเพลิงได้นานแล้วล่ะ ไม่เชื่อย้อนไปเปิดหนังสือวิทยาศาสตร์ตอน ม.ต้นสิครับ

ที่ว่ายังไม่ถึงเวลา เพราะเทคโนโลยีของพลังงานที่ใช้แยกน้ำ กับพลังงานที่เอาพลังงานกลับไปเผาให้เป็นพลังงานจลน์อีกครั้ง มันยังไม่สมดุลย์กันครับ โดยเฉพาะเครื่องสันดาปภายในเนี่ย พลังงานสูญเสียยังนับว่า "มหาศาส" มากครับ ตรงนี้ยังน่าจะมีช่องว่างให้พัฒนาต่อมากกว่าครับ

หรือถ้าจะวิ่งด้วยไฮโดรเจนจริงๆ ผมว่าก็ทำรถไฮโดรเจน กับปั๊มไฮโดรเจนแทนปั๊มน้ำมัน จะลงตัวกว่าแบกน้ำใส่ถัง แล้ววิ่งไปแยกน้ำไปน่ะครับ อันนี้คิดแบบคนมักง่ายนะครับ

ไม่ก็รถไฟฟ้าเพียวๆ ชาร์ตแบตฯ วิ่งกันเลย สบายกว่าเยอะครับ

ผมเห็นว่าเรื่องนี้เป็นช่วง "เปลี่ยนผ่าน" ของเทคโนโลยีครับ สินค้าในช่วงนี้ซื้อมาใช้ก็ใช้ได้ไม่ค่อยคุ้มหรอกครับ ยกเว้นอยากช่วยสนับสนุนเค้า อันนั้นก็อีกเรื่องนึงครับ แต่ผมไม่อ่ะ... ผมไม่มีตังค์ขนาดนั้น

รถจักรไอน้ำไงล่ะ

เก็บตังไว้เติมน้ำมันดีกว่าครับ

ใช่

ถ้ามันดีจริง ป่านนี้บริษัทรถแต่ละยี่ห้อเขาติดตั้งเข้าไปแล้ว

แต่ก็ยังมีคนโดนหลอกอยู่เรื่อยๆครับ บาปกรรมจริงๆ