อาการ engine run on อาจเกิดจากหัวเทียนก็ได้ครับ ถ้าเพิ่งเปลี่ยนหัวเทียนมา อาจเพราะใช้หัวเทียนเบอร์ร้อนกว่าเดิม(หัวเทียนเบอร์ "ร้อน" ขึ้น การคายความร้อนจากเขี้ยวและแกนจะช้ากว่าหัวเทียนที่เบอร์ "เย็น" กว่า) ซึ่งหัวเทียนเบอร์ร้อนเนี่ย จะสตาร์ทง่ายกว่า วิ่งได้ปรู๊ดปร๊าดกว่าในตอนเครื่องยังเย็นอยู่ แต่ถ้าใช้เบอร์ร้อนกว่าเสป็คเกินสองเบอร์ขึ้นไป ขับลากยาว แช่รอบนานๆ มันอาจร้อนจัดจน "ชิงจุด" ได้ครับ ซึ่งเครื่องอาจน๊อค หรืออาจเกิด engine run on อย่างที่ว่ามาครับ

อีกเหตุนึงที่อาจเป็นได้ หลังการแช่รอบ แช่ทางยาว มา ก็คือเขม่าในห้องเผาไหม้เกาะเยอะมาก มันจะสะสมความร้อนเป็น spot ที่จะทำให้จุดระเบิดได้เองเหมือนกันครับ

ทั้งสองกรณี จอดพักสักหน่อย หลังบิดกุญแจดับเครื่องแล้ว ก็อาจเดินต่ออีกหน่อย(มากน้อยขึ้นกับอาการ) พอเครื่องเย็นก็จะสำลักดับไปเองครับ

และทั้งสองกรณีไม่ใช่เรื่องดีเลยครับ ควรแก้ไขให้ตรงจุด  เช่นเปลี่ยนเบอร์หัวเทียนให้ตรงเสป็ค โดยเฉพาะถ้าเล่นรอบจัดบ่อยๆ ขับแช่ไกลยาวมากๆ (เน้นว่าบ่อยและมาก) อาจเปลี่ยนเป็นหัวเทียน"เย็น" ลงสักเบอร์จะเซฟกว่าครับ แต่เช้าๆ อากาศเย็นๆ ใช้รอบต่ำ รถมันอาจออกอาการจะง่วงนอนหน่อย และถ้าขับรอบต่ำมากๆ ไม่ค่อยใช้รอบ ก็อาจมีเขม่าเกาะได้ง่าย บอดได้ง่ายกว่าหัวเทียนร้อน

หรือจะว่าไป ถ้าขับปกติธรรมดา ใช้เบอร์ตามเสป็คครับ เหมาะที่สุด

อ้อ... ถ้าเสป็คเดิมใช้แกนทองแดง อยากใช้ platinum หรือ iridium ก็ใช้ได้นะครับ แต่ต้องเป็นย่านความร้อนเดียวกัน(เบอร์เดียวกัน)ครับ  

น่าจะเกี่ยวกับกล่องสมองกลมากกว่า ที่มันเกิดเพี้ยนจากอุณหภูมิสูงๆ