ผมใช้ isuzu 3.0  ปี2010 ขับจาก กรุงเทพถึง นครศรีธรรมราช 800กว่ากิโล เติมแค่1,500 ยังเหลือคับ

อย่สงนี้โคตร ประหยัดครับ

 ผมใช้ isuzu 3.0  ปี2010 ขับจาก กรุงเทพถึง นครศรีธรรมราช 800กว่ากิโล เติมแค่1,500 ยังเหลือคับ

อย่สงนี้โคตร ประหยัดครับ

ราคาต่างกันประมาณ 5-6 หมื่น ถ้าอยากให้เครื่องแรงแล้วล่ะก้อค่อยเอามาลงกล่อง+ดันราง+ยกหัวฉีด ใส่ท่อ ยูเลส ก้อยังได้

 ของผม D MAX SPARK 2500 โกลด์ซีรี่ ปี 2008 กินเฉลี่ย 12.6 km/litre 

วิ่งรถเปล่าไปทำงาน บ่อวิน-แหลมฉบังขับไม่เกิน 90 หรือ รีบเร่ง 160 ก็ไม่ต่างกันมาก 12.4-12.6 km/l

วิธีวัดของผมคือ เริ่มจากเติมน้ำมันเต็มถัง แล้วรีเซตไมล์เป็น 000 แล้วขับตามปกติจนใกล้หมดถัง แล้วมาเติมน้ำมันเต็มถังอีกครั้ง นำปริมาณน้ำมันที่เติมให้เต็มนี้มาคำนวณ

ทำมาหลายถังแล้วยังได้อัตรานี้อยู่ครับ ว่ากรองอากาศสกปรก เป่ากรองแล้วก็ไม่ต่างเดิม

ประสบการจากผู้ใช้  เปลี่ยนมา ๒ คันแล้วครับ

- คันแรก NiSSAN BIG-M ปี 96 2.5 MT สภาพเดิม ๆ  อัตราสิ้นเปลือง ประมาณ ๑๒ - ๑๓ กม./ล (ความเร็วเฉลี่ย ๑๐๐-๑๒๐ กม./ชม)

- คัน ๒ ISUZU D-MAX Hilander 2.5 MT 2007 สภาพเดิม ๆ  อัตราสิ้นเปลือง ประมาณ ๑๐ - ๑๑ กม./ล (ความเร็วเฉลี่ย ๑๐๐-๑๒๐ กม./ชม)

เลยตัดสินใจขายหันมาใช้รถรถแก๊สแล้วครรับ (New Lancer CNG) อันนี้ประหยัดจริงครับ ประมาณ ๖๐ สต./กม.  แต่ต้องทำใจเรื่องรอคิวเติมครับ เชื่อแล้วครับ ว่าเดินหน้ารวย(ปตท.นะไม่ใช่เรา)  และถ้าชอบกระบะเพื่อเป็นพาหนะ ไม่เน้น 4x4/ยกสูง เคยใช้รถ สนง. VIGO 2.5 E ประมาณ ๒๐๐๑ - ๒๐๐๒ (ธรรมดาไม่ยกสูง) สภาพเดิม ๆ  อัตราสิ้นเปลือง ประมาณ ๑๕ - ๑๗ กม./ล (ความเร็วเฉลี่ย ๑๒๐-๑๔๐ กม./ชม) อันนี้ประหยัดจริงขอบอก

2.5 วีจีเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ 136 แรงม้า ผมว่าแรงม้าเท่านี้ก็โอเคแล้วครับสำหรับผม แต่ถ้าอีซูซุเอาเครื่องวี 6 3.0 มาลงอันนั่นค่อยน่าสนหน่อย

ถ้าจะใช้อีซูซุ ใช้เครื่อง3.0เลยครับ ได้แรงเยอะ เผื่อมีออกทางไกลกันบ้าง จะได้เร่งแซงสบายๆ ไม่ต้องคอยลุ้นว่าจะแซงพ้นไม่พ้นเหมือนรุ่น2.5(ขึ้นอยู่กับใจและฝีเท้าของท่านด้วยนะครับ) โดยส่วนตัวไม่ชอบเครื่อง2.5 อีซูซุครับ เพราะแรงน้อยกว่าเพื่อนในตลาด (ไม่นับวีโก้ 2.5เทอร์โบธรรมดา)

คุณลูกบอลครับ อีซูซุไม่ได้ใช้เครื่องใหม่นะครับ ยังใช้เครื่องเดิมอยู่คือ 4JJ 1TC-X สำหรับรุ่น 3.0(เปรียบเทียบกับรหัสเครื่องของ Mu-7) และ 4JK 1TC(เปรีบเทียบกับD-Max) สำหรับรุ่น 2.5 เพียงแต่ปรับปรุงให้ค่าไอเสียให้ผ่าน EURO ระดับ 5 เท่านั้น รหัสเครื่องหรือข้อมูลผิดพลาดประการใดก็บอกกันด้วยนะครับ

ความเห็นส่วนตัวนะครับ ย้ำว่าความเห็นส่วนตัว เห็นต่างแย้งได้

คุณเอ็ม ครับ  อันนี้มันเครื่องใหม่เกียร์ใหม่แล้วครับ เพียงแต่ยังใช้ชื่อเดิม เท่านั้น

ผมมองจากมุมส่วนตัว ถ้าซื้อเอง(หรือให้แฟนตัวเองขับก็เหมือนกัน)

ผมเอา 3.0 ครับ เพราะได้กำลังสำรองมากกว่า ถึงขับไม่เร็วแต่อัตราเร่งก็(น่าจะ)ดีกว่าเวลาคับขัน

ตอนซื้อรถที่ใช้ปัจจุบัน(ford everest) เมื่อสองปีก่อน ผมก็อยากได้เครื่อง 3.0 แต่มันเพิ่มเงินอีกราวแสนนึง มาคู่กับระบบขับสี่ ซึ่งผมแทบไม่มีโอกาสใช้(ถ้าจำเป็นต้องไปลุยขับสี่ ผมเอาส่วนต่างแสนนึงเพิ่มอีกนิดไปเอาแคริเบียนมาสำหรับงานลุยดีกว่า) ก็เลยตัดสินใจเอาแค่ 2.5 ซึ่งก็ตอบโจทย์การใช้งานจนถึงวันนี้ได้สบายๆ ครับ

แต่ถ้าวันนั้นมี 3.0 ขับสองให้ใช้ และแพงกว่าในหลักหมื่น ไม่ต้องมีระบบขับสี่มาให้ดูแลเพิ่ม ผมว่าผมเอา 3.0 ครับ เรื่องความประหยัดน้ำมัน เท่าที่พบกับตัวเอง ความจุช่วงต่างนี้ ลักษณะการขับมีผลมากกว่าความต่างของความจุเครื่องครับ 2.5 ซดกว่า 3.0 ได้ไม่ยาก ถ้าเปลี่ยนคนขับหรือเปลี่ยนบุคลิกการขับครับ

ถ้าไม่กลัวเรื่องน้ำมันเครื่องหาย ก็ซื้อเลยครับ เจอมันเจอแน่แต่ใครจะแจ็คพอตแตกคืออีกเรื่องละครับ ปรับปรุงมาแค่ไหนก็ยากจะเชื่อ เจ็บแล้วต้องจำครับ

ใช้ 2.5 เกียร์ธรรมดาอยู่ เลยมาเชียร์อีกแรงครับ 

ความเห็นส่วนตัวผม ต่างกันตรงที่ ราคา หลายหมื่นอยู่นะครับ
ส่วนเรื่องตัวถัง เครื่องยนต์ อะไรต่างๆ ก็คงคล้ายๆ กันแหละ

เพียงแต่ 3.0 มันให้อัตรากำลังเครื่องยนต์ อัตราเร่ง ฯลฯ ดีกว่า 2.5 เวลาแซง หรือขึ้นเขา จะได้ประโยชน์มากจาก 3.0 แต่กินน้ำมันมากกว่า 2.5 นิดหนึ่งแน่นอน
แฟนคุณขับรถไม่เร็ว ผมแนะนำว่า แค่ 2.5 ก็คงพอ ครับผม