ขอบคุณทุกท่านคร๊าบบบบ

อาจารย์บรรยายซะน้ำลายสอเลย

พี่ Kitty_man ครับ ผมยังใช้ corona อยู่เหมือนเดิมครับ รถมันยังใช้ดีอยู่ แถมลงทุนซื้อ ช๊อค+สปริง แต่งมือสองมาใส่ เกาะถนนดีมากเลย แต่มีช่วงก่อนหน้านี้ได้ใช้รถบริษัทอยู่พักนึง เป็นฟอร์จูนเนอร์กับวีโก้ครับ ของมันแรง ตัววีโก้ไปยกล้อโค้งตัว S ที่อุดรมาทีนึง....อิอิอิ

ช่วงนี้ผมไม่ได้โทรฯหาพี่ชาญชัยเลยครับ เกรงใจสงสัยจะติดราชการ...เอ...หรือมัวแต่ขึ้นเขาใหญ่อยู่น้า....อิอิอิ

ผมขอแนะนำที่กิน

ร้านริมบ่อ-จากร้านพลอยมาทางสถานีรถไฟบางปะอิน ก่อนถึงประมาณ 100 เมตร ไก่รวนอร่อย

ร้านกันเอง-เลยจากร้านริมบ่อประมาณ 4-5 กม. ร้านจะอยู่ในวัด แต่ผมจำชื่อวัดไม่ได้ แต่จุดสังเกตคืออยู่ตรงทางโค้งพอดี ถ้าเลยไปก็เป็นตลาดโก้งโค้ง ร้านนี้อาหารรสจัดมาก แนะนำ ผัดเผ็ดกระดูกอ่อน ต้มยำปลาแม่น้ำ

ร้านก๋วยเตี๋ยวซี่โครงหมู ในปั้มเชลหน้า นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน

คุณอ๊อฟยังใช้ Corona อยู่มั๊ย คุณชาญชัยหายไปไหน

เคยไปกินมาแล้วครับ สมกับที่อาจารย์บอกครับ ถ้าปรับปรุงร้านอีกนิดลูกค้าตรึมแน่ๆครับ

ถ้าเข้าจากถนนสายเอเซียพอข้ามทางรถไฟไปจนถึงสี่แยกที่เลี้ยวขวาไปพระนครศรีอยุธยา  ตรงไปเข้าพระราชวังบางปะอิน  เลี้ยวซ้ายไปบางไทร  ให้เลี้ยวซ้ายไปสักครึ่งกิดลเมตร  พอใกล้ถึงโรงพยาบาลบางปะอิน  ดูด้านซ้ายมือดีดี  มีบ้านเก่าๆโทรมๆหน่อย  ชื่อร้าน  "พลอย"  เข้าไปสั่งอาหารทานได้  อาหารไทยรสชาติแบบไทยแท้ๆ  มีอาหารจากปลาเป็นเมนูเด็ด  ปลาบางอย่างในเมนูไปบางวันก็ไม่มี  เพราะหาปลาสดไม่ได้เขาก็ไม่ทำ   สั่งอาหารที่นี่แม้จะเร็วแต่ก็ต้องใจเย็น  เพราะลุงกับป้าจะทำทีละชามทีละถ้วย  เสียงโขลกเครื่องแกงดังโป๊กเป๊ก  ลูกสาวที่เป็นครูก็จะออกไปจัดเลี้ยงนอกสาถนที่บ่อยหน่อย  ใครชอบรสไทยๆเผ็ดๆไม่ร้อนปากมากมาที่นี่ไม่ผิดหวัง  รสชาติให้ 5 ดาว  ราคาให้ 6 ดาว  บรรยากาศให้สามดาว

ขอบคุณคร๊าบบบบ......อิอิอิ

     แต่ผมเมาไม่ขับ คงไม่ได้จิบเบียร์วุ้น....555......กินปลาแถวนั้นก่อนแล้วค่อยกลับมาจิบเบียร์ที่บ้าน....อิอิอิ

พระราชวังบางปะอินประกอบด้วยพระที่นั่งต่างๆมีทั้งสถาปัตยกรรมไทย จีน ยุโรป และยังสามารถขึ้นกระเช้าข้ามฝั่งคลองไปชมความงามของวัดนิเวศธรรมประวัติซึ่งเป็นวัดไทยแห่งเดียวที่มีรูปแบบศิลปกรรมคล้ายโบสถ์ฝรั่ง บริการนั่งกระเช้าฟรี แต่มีตู้หยอดเงินบริจาคตามแต่กำลังศรัทธาครับ ก่อนไปเที่ยวทราบประวัติไว้หน่อยก็ดีจะได้เที่ยวสนุก บางปะอิน เดิมชื่อเกาะบ้านเลน สมัยเมื่อครั้งสมเด็จพระเอกาทศรถ (รัชกาลที่ 19 แห่งกรุงศรีอยุธยา) ยังเป็นวังหน้าได้เสด็จประพาสไปตามลำน้ำแล้วเกิดพายุกระหน่ำที่เกาะบ้านเลน พระองค์จึงว่ายน้ำขึ้นฝั่งพักแรมอยู่บนเกาะนั้น และได้หญิงชาวบ้านชื่ออออินเป็นบาทบริจาริกา ครั้นนางตั้งครรภ์คลอดบุตรเป็นชาย เรียกว่า พระองค์ไล จึงทรงรับเลี้ยงไว้ลับๆไม่มีใครรู้ ต่อมาภายหลังเด็กชายคนนี้ได้รับราชการจนมีตำแหน่งใหญ่ จึงทำรัฐประหารสำเร็จโทษพระเจ้าแผ่นดินองค์เดิม และปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ ทรงพระนามว่าสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง (รัชกาลที่ 24 แห่งกรุงศรีอยุธยา) เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว จึงโปรดเกล้าให้สร้างวัดชุมพลนิกายารามขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2175 เพื่อระลึกถึงมาตุภูมิของพระองค์และอุทิศส่วนกุศลให้พระมารดา พร้อมกับให้ขุดสระน้ำขึ้นกลางเกาะสร้างพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ขึ้นริมสระ ครั้นเมื่อกรุงแตกจึงถูกปล่อยทิ้งร้างไป จนกระทั่งรัชกาลที่ 4 เสด็จประพาสมาจึงโปรดเกล้าให้บูรณะ มาถึงรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าให้สร้างพระที่นั่งต่างๆ เพิ่มอีกหลายองค์เพื่อใช้เป็นที่ประทับและออกว่าราชการเมื่อเสด็จประพาสมณฑลกรุงเก่า ดังที่เราเห็นในปัจจุบัน

ส่วนศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ภายในก็มีที่น่าใจเยอะทั้งหมู่บ้านศิลปาชีพ สวนนก วังปลา หรือชมขั้นตอนการผลิตงานที่อาคารฝึกอบรมศิลปาชีพ หรือไปเลือกซื้อเลือกชมผลิตภัณฑ์ ส่วนร้านอาหารในศูนย์ศิลปาชีพก็มี ร้านเอมโอษฐ์ มีกุ้งอบเนย ปลาสำลี ยำมะม่วง ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียมพริกไทย ฯลฯ หรืออยากจิบเบียร์วุ้นเย็นๆ แกล้มอาหารป่า ปลา กุ้งแม่น้ำ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแถวลานเทซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน ก็มีร้าน เจ้าพระยากุ้งเผา ร้านริมน้ำ หรือเรือนไทย แถวลานเทนี้บรรยากาศดีเพราะเป็นบริเวณที่แม่น้ำน้อยซึ่งแยกจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดชัยนาท ไหลผ่านชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง แล้วมาสบกับแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้งตรงสามแยกบางไทร ที่เราเรียกกันว่า ลานเทนี่ละครับ บริเวณนี้จึงเป็นช่วงที่กว้างที่สุดของแม่น้ำเจ้าพระยา สมัยรัชกาลที่ 5 ยังไม่มีรถ ไม่มีถนน เส้นทางนี้จึงเป็นชุมทาง และเป็นเส้นทางคมนาคมทางเรือที่สำคัญ แต่ในฤดูฝนน้ำจะแรง และเชี่ยว อันตรายมาก หากมีโอกาสก็ลองไปเที่ยวดูได้ แต่อย่าลืมขอให้ร้านเปิดเพลง ลานเทสะเทือน ของสายัณห์ สัญญา หรือเพลงลานเท ของชรินทร์ นันทนาคร ด้วยนะครับ ไม่งั้นเสียเที่ยวแย่ 5555...

พระราชวังบางปะอิน,วัดใหญ่ชัยมงคล,วัดพนัญเชิง