หากรถเราเป็นประกันชั้น1  เราเป็นฝ่ายผิด  เราต้องซ่อมรถให้เขา  ถูกต้องใช่ไหมครับ  แต่หากคู่กรณีของเราประกันเขาหมด  เขาจะเคลมรถเขาได้ไหม   

 หากรถเราเป็นประกันชั้น1  เราเป็นฝ่ายผิด  เราต้องซ่อมรถให้เขา  ถูกต้องใช่ไหมครับ  แต่หากคู่กรณีของเราประกันเขาหมด  เขาจะเคลมรถเขาได้ไหม   

ที่คุณซื้อๆกันทุกวันนี้เค้าเรียกประกันอุบัติเหตุครับ คิดตามนะครับ ...มันไม่คุ้มครองต่อความเสื่อมจากอายุการใช้งานนะคุณ...แฟร์ๆสิครับ

ความคิดแรกเนี่ย มันเกิดมาเป็นคนได้ไงเนี่ย เค้าถามดีๆ ดันตอบส้นทีน  ไม่พอใจก้อควรเก็บไว้สิครับ สุภาพด้วยสิครับ

ไอ้เห่ย อ้าย สาาาาดดดด

เครมได้ก้เครมไปคุณ

อย่าคิดมาก เขาไม่ให้เครมก้ช่างมัน

จะคิดแบบว่าซ่อมเองได้ไง ในเมื่อถ้ามันเครมได้ เงินเสียไปปีละหมื่่นกว่าบาท ทุกปี

ถ้าเิกิดเครมได้ก้เครม

รู้อยู่ ว่า นิดๆหน่อยๆ แต่อย่าลืมนะ รถผม ซื้อมาไม่ใช่พันสองพัน ใครๆก้อยากให้มันดูดี

ให้พวกอื่นมันเอาค้อนซ่อมเองไปเถอะ เครมได้เครมไป คุน

ความคิดเเรกนี่  สุดบันยายไม่รุจะสันหาคำไดมาติเตียน  ถามดีๆ กลับเป็นอื่นไป

ขอเห็นต่างอีกแนวละกันครับ ผมว่าเรื่องทำสีรอบคันสำหรับร่องรอยเล็กๆ น้อยๆ กับรถใหม่เนี่ย... เป็นผมจะเลี่ยงครับ ไม่ว่าประกันจ่ายหรือจ่ายเอง เพราะคุณภาพสีที่สาดมาทับ ยังไงก็สู้สีเดิมดรงงานไม่ได้ครับ มันจะหมองซะก่อนเวลาอันควรครับ สู้ปฐมพยาบาลพวกขนแมวด้วยยาขัด หรือแต้มจุดที่ถึงเนื้อเหล็กเฉพาะจุดดีกว่าครับ

เรื่องประกัน ถ้าไม่จำเป็นผมจะไม่พยายามเคลมใดๆ ครับ ไม่ใช่เพราะมีความรับผิดชอบต่อผู้ทำประกันด้วยกันเองหรอก แต่ขี้เกียจรำคาญครับ แต่หากหากมีอุบัติเหตุแล้วเจอคู่กรณีพูดจาไม่รู้เรื่อง เสียเวลา ผมก็จะตามประกันมาคุยแทนเท่านั้นเองครับ ผมไม่คิดว่าการทำประกันเป็นการช่วยสังคมอ่ะ เพราะมันช่วยเฉพาะกลุ่มคนที่ทำประกันด้วยกันเท่านั้นครับ

จะรอดู เหมือนกันว่าบริษัทประกันยักษ์ใหญ่ เครือข่ายต่างประเทศ จะยื่นมือลงมาช่วยคนที่เดือดร้อนจากเหตุมารเผาเมืองที่ผ่านมาบ้างไหม เพราะถ้าดูตามตัวอักษร เขาลอยตัว แต่ถ้าดูว่าเป็นน้ำใจและช่วยเหลือสังคมจริง เขาต้องลงมาครับ

ตามที่เคยเคลม + จากประกัน (เทเวศ) นะครับ  ถ้าเคลมเป็นจุด แบบไม่มีคู่กรณี ไม่ต้องเสียค่า accept ใด ๆ ครับ  แต่ถ้าเคลมรอบคัน ต้องเสียค่า accept 3000 ครับ  ไอราคา 3000 นี่แล้วแต่อู่ด้วยนะครับ บางอู่ก็ 1500 บางอู่ก็ 2000 แต่ส่วนใหญ่ จะ 3000 

อย่าคิดมากกับ ค่า accept 3000 ครับ เพราะถ้าไม่มีประกันแล้วต้องทำสีทั้งคัน มัน 20000  up ง่ะ แล้วแต่ชนิดของรถ ชนิดของสี

ส่วนไฟหน้า เคลมได้เลย บอก หินกระเด็นใส่  คู่กรณีคึือ ก้อนหิน ไม่เสียค่า accept คับ 

การเคลมแบบเสียค่า accept คือ การที่เราถูกชนจากมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ หรืออื่น ๆ แล้ว มันหนีไป ง่ะ อันนี้เสียค่า accept  1000 ครับ แล้วแต่ประกันด้วยนะ

ถ้าประกันแพง ๆ อย่างพวก กรุงเทพ วิริยะ ทิพย  ก็อาจจะไม่ต้องเสีย

ตามที่เคยเคลม + จากประกัน (เทเวศ) นะครับ  ถ้าเคลมเป็นจุด แบบไม่มีคู่กรณี ไม่ต้องเสียค่า accept ใด ๆ ครับ  แต่ถ้าเคลมรอบคัน ต้องเสียค่า accept 3000 ครับ  ไอราคา 3000 นี่แล้วแต่อู่ด้วยนะครับ บางอู่ก็ 1500 บางอู่ก็ 2000 แต่ส่วนใหญ่ จะ 3000 

อย่าคิดมากกับ ค่า accept 3000 ครับ เพราะถ้าไม่มีประกันแล้วต้องทำสีทั้งคัน มัน 20000  up ง่ะ แล้วแต่ชนิดของรถ ชนิดของสี

ส่วนไฟหน้า เคลมได้เลย บอก หินกระเด็นใส่  คู่กรณีคึือ ก้อนหิน ไม่เสียค่า accept คับ 

การเคลมแบบเสียค่า accept คือ การที่เราถูกชนจากมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ หรืออื่น ๆ แล้ว มันหนีไป ง่ะ อันนี้เสียค่า accept  1000 ครับ แล้วแต่ประกันด้วยนะ

ถ้าประกันแพง ๆ อย่างพวก กรุงเทพ วิริยะ ทิพย  ก็อาจจะไม่ต้องเสีย

ความเห็นต่าง

ทรัพยากรที่ถูกสร้างขึ้นมา ทุกอย่างย่อมเกิดมลพิษตามมากด้วย ถ้าไม่ได้มีผลเสียอะไร ไม่มีความจำเป็นอะไรมากนัก ก็ใช้มันต่อไป

คิดว่าช่วยลดภาวะโลกร้อน

เรื่องการประกันรถนี่ ผมคิดว่าเราๆเข้าใจผิดอยู่มากว่า มีประกันแล้ว สามารถขับรถยังไงก็ได้ และหากเกิดอุบัติเหต ก็สามารถเคลมประกันได้ทุกเมื่อ

จริงๆแล้ว หลักของการประกันก็คือการที่คนที่เอาประกันมารวมตัวกันเป็นหมื่น เป็นแสน หรือเป็นล้านคน และจ่ายเงินค่าประกันคนละเล็กคนละน้อย โดยมีบริษัทประกันเป็นตัวกลางจัดการให้ และช่วยเหลือให้ผู้ทำประกันในกรณีเกิดเหตุใหญ่ๆขึ้น หรือพูดอีกอย่างก็คือ หลายๆคนช่วยเหลือผู้ที่เกิดเหตุและไม่สามารถรับมือกับเหตุที่เกิดขึ้นได้

ผมคิดว่า หากเราซื้อประกันแล้ว คงไม่อยากให้เราเองเกิดอุบัติเหตร้ายๆขึ้นกับรถของเราเอง ซึ่งเมื่อ 1 ปีผ่านไป และไม่เกิดอะไรขึ้น เราอาจจะมีความรู้สึกว่าเราได้เสียเงินไปเปล่าๆ ไม่น่าจะซื้อประกันเลย แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าจะเกิดเหตุกับเราเมื่อไหร่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบริษัทประกันจะได้กำไรเงินที่เราจ่ายไปทั้งหมด เขาอาจจะต้องเอาเงินส่วนนี้ไปจ่ายให้กับลูกค้ารายอื่นก็ได้

เพราะฉะนั้น การซื้อประกันก็คือการซื้อความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นนั่นเอง หากไม่เกิดขึ้นก็ดีกับเราเอง แต่หากเกิดอะไรขึ้น เราก็ยังมีบริษัทประกันเข้ามาช่วยเหลือ รับผิดชอบค่าซ่อมแซมที่เกิดขึ้นแทนเรา

ส่วนที่ถามมาเรื่องซ่อมสีทั้งคันนั้น ผมเห็นว่าเราน่าจะซ่อมแซมเอง เป็นเหมือนกับซ่อมแซมความสึกหรอที่เกิดขึ้นกับตัวรถซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับการประกันภัยเลย รวมทั้งไฟหน้าที่คุณพูดถึงด้วย

หากลูกค้าทุกคนคิดแต่เพียงว่าเราจะต้องหาทางเอาคืนจากเงินประกันที่เราเสียไป แล้วบริษัทจะเอาเงินมาจากที่ไหนหละครับ บริษัทก็คงต้องเจ๊งไป แล้วเราจะหาใครมาเป็นตัวกลางทำเรื่องนี้ให้กับเรา เราๆแต่ละคนก็คงต้องรับความเสี่ยงกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับตัวเราเองเป็นคนๆไป

ผมเองเคยอยู่ในวงการประกันภัยมาบ้าง จนป่านนี้ผมก็ยังคงซื้อประกันอยู่ เรื่องกระแทกกันเล็กๆน้อยๆ ผมไม่เคยเคลมเลย จะทำก็เมื่อเกิดอุบัติเหตใหญ่ๆเท่านั้น สำหรับผมเกิดมา 1 ครั้ง รถพังทั้งคันเลย และผมก็ได้ใช้ความช่วยเหลือที่บริษัทมีให้อย่างเต็มที่ และขอขอบคุณทุกๆคนที่ซื้อประกัน และให้ความช่วยเหลือผมในครั้งนั้นด้วย

ผมว่าน่าจะคุยกับอู่น่ะครับ  ถ้าคุณเป็นเจ้าของเอง  ปกติชั้น 1 ไม่น่าจะมีปัญหาแต่ทางอู่อาจจะต้องทำเรื่องให้  แต่ถ้าอู่ที่งานล้นเขาอาจจะปฏิเสธครับ  ส่วนความคิดเห็นแรกถือว่าเขาเป็นฝั่งประกันฯแล้วกันครับ

ไอเรื่องขี้โกงเค้าประเภทนี้ยังต้องมาถามให้แน่ใจอีกเหรอครับ แบบนี้ไม่เรียกการใช้สิทธิหรอก เค้าเรียกว่าโกง โกหก เอาเปรียบ อยากได้ อยากมี นิสัยแบบนี้ยังมีอีกเหรอ ก็คงใช่นะเดี๋ยวพวกขี้โกงมันจะมาตอบเป็นพรวนให้แล้วกัน ถ้าไม่เรียกโกงป่านนี้คุณคงไปถามบริษัทประกันแล้วละมั้ง