อ่านแล้วก้เศร้า เพราะเราก้เสียค่าโง่มาแล้ว ขอตำหนิ คห1 ว่าไม่น่าเกิดมาเป็นมนุษย์เลย อ้าปากมาคงมิเห็นฟันหน้าแน่ๆ

พี่ estate อธิบายละเอียดเหมือนทำงานที่ศาลเลย ขอบคุณครับ แต่ผมอ่านกระทู้แล้วเข้าใจว่าเคสนี้เป็นสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแน่ๆ และ จขกท.คงอยากทราบว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป ผมแนะให้ทำแบบนี้ครับ

1. คุยกับคนขายให้คืนเงินมัดจำ 50,000 บาท และค่าเสียเวลาให้บ้าง แล้วเลิกสัญญา (ถ้าเห็นใจคนขายเพราะเขาอาจเสียดาย หรืออาจมีคนอื่นเสนอราคาดีกว่า)

2. ถ้าคุณอยากได้ที่ดินจริงๆ หรืออยากฟ้อง คุณก็ต้องทำหลักฐานยืนแจ้งผู้ขายให้ไปโอนที่ดินให้คุณให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 22 ต.ค.52 ก่อน ถ้าพ้นกำหนดผู้ขายไม่ดำเนินการคุณก็ต้องจ้างทนายฟ้อง การฟ้องก็มีให้เลือก 2 ทางคือ

ทางที่หนึ่ง ฟ้องเรียกเงินมัดจำ 50,000 บาท กับค่าเสียหาย 100,000 บาท รวมทุนทรัพย์ 150,000 บาท เป็นคดีมโนสาเร่ ฟ้องง่าย เสร็จเร็ว เสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ค่าฤชาธรรมเนียม ค่าจ้างทนายนิดหน่อย หรือคุณจะฟ้องเองโดยไม่จ้างทนายก็เตรียมหลักฐานแล้วเดินขึ้นศาลที่ลพบุรีเองก็ได้ (ผมเดาว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ลพบุรี เพราะคดีนี้ต้องฟ้องศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ แต่หากจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่อื่น เช่น สุไหงโกลก คุณคงตามฟ้องลำบากน่าดู 5555)

ทางที่สอง หากที่ดินสวยมากคุณอยากได้จริงๆ ก็ฟ้องบังคับให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินให้คุณก็ได้ ถ้าตีราคาที่ดิน (ราคาประเมินกรมที่ดิน) ไม่เกิน 300,000 บาท ก็เป็นคดีมโนสาเร่เช่นกัน ก็เสียค่าขึ้นศาลน้อยเหมือนทางที่หนึ่ง แต่ถ้าราคาประเมินที่ดินเกิน 300,000 บาท คุณต้องเสียค่าขึ้นศาลร้อยละ 2 ของราคาที่ดิน ถ้าเลือกทางที่ 2 คุณคงต้องจ้างทนายฟ้อง เพราะคดีจะยุ่งยากกว่าทางที่ 1

ระยะเวลาดำเนินคดีถึงชั้นบังคับคดีไม่น่าจะเกิน 6 เดือน หรืออย่างมากไม่เกิน 1 ปี คดีไม่ยากค่าทนายไม่น่าจะแพง เว้นแต่มีข้อเท็จจริงหรือเหตุอื่นที่ จขกท.ไม่ได้เล่ามาก็อาจทำให้คดียากขึ้น ผมเห็นด้วยกับความเห็นที่ 1 ว่าควรปรึกษาทนาย แต่ไม่ชอบวิธีการตอบแบบป่วนชาวบ้านแบบนี้ ดูแล้วมัน ก.ต. (ไม่ใช่คณะกรรมการตุลาการนะครับ) 5555... 

 ลองไปตั้งกะทู้ถามที่ www.PAMook.com หรือโทรไปถามก็ได้ครับเป็นเวปเกี่ยวกับกฏหมาย ขอให้โชคดีครับ

คห.1 ฉลาดไร้ที่ติ....หรือ...ที่ติไร้(ความ)ฉลาด

ขอยืมคำของท่านฯชาวจีนผู้หนึ่งมาใช้นะครับ..."เมื่อเปิดประตูหน้าต่างๆกว้างออกไป...ก็ต้องมีแลงวันบินเข้ามาบ้าง"......ไม่ต้องไปทำอะไรมันไม่นานมันก็ตาย วงจรชีวิตสั้นนิดเดียว....( อันนี้ต่อเพิ่มเอง )....ทุกๆอย่างเป็นเรื่องปกติของธรรมชาติ....เราต้องอยู่กับธรรมชาติ.....ไม่ใช่ให้ธรรมชาติมาอยู่กับเรา......ง่ายๆเราทำให้เกิดน้ำท่วม....เราต้องอยู่กับน้ำท่วม......ถ้าน้ำท่วมมาอยู่กับเรา...ก็เอวัง....เป็นการช่วยให้โลกนี้สีเขียว.....ส่วนอะไรจะเขียวตามบ้าง.....ก็ได้ดูกันทุกๆปีแบบต้องทนดู....แบบดูฟรีไม่เสียค่าสมาชิก....แต่ต้องเสียภาษีเงินได้....555

คุณฉลาดไร้ที่ติครับ เว็บนี้เค้ามีแต่คนจิตใจดี ดี เท่านั้นครับ คุณคงไม่เหมาะกับเว็บนี้แล้วล่ะครับ ....

ขอบคุณครับคุณ ขับ estate เก่าๆ มากนะครับสำหรับคำตอบ

และขอตอบคุณ คห.1  ผมยอมรับว่าผมโง่ในเรื่องกฎหมายครับ แต่ขอตำหนิคุณอย่างหนึ่งคือ ใจคุณแคบจัง รู้จักไหมครับ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา น่ะครับ

ผมเข้าเว็บอาจารย์มาเป็น 10 ปีแล้วมั้ง แต่ผมเพิ่งเคยเจอความเห็นแบบคุณเป็นครั้งแรกนะเนี่ย ผมจะบันทึกข้อมูลคุณไว้ครับ

เอาคร่าวๆนะครับ อย่ายึดกับที่ผมเขียนมากเพราะผมยังไม่เห็นสัญญาของคุณทั้งฉบับ และไม่ทราบว่าคู่สัญญาของคุณเป็นใคร......ผมจึงอาจไม่เห็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด ตัวอย่างเช่นสัญญาฉบับนี้เป็นสัญญาชื่อจะซื้อจะขายแต่จริงๆอาจเป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดซึ่งกรรมสิทธิ์รถโอนไปเป็นของคุณแล้วก็ได้ต้องดูเนื้อความตามข้อสัญญา

ฟ้องคดี ก็ฟ้องบังคับให้ผู้ขายปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อขาย คือส่งมอบรถให้คุณและรับชำระราคาไป รวมถึง และเบี้ยปรับตามสัญญา 1แสนบาท (แต่ในส่วนของเบี้ยปรับ 1แสนบาทนี้ศาลมีอำนาจลดให้ได้ ทั้งสองกรณีหากศาลสั่งให้ผู้ขายชำระเงินจะต้องชำระเงินต้นและดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับจากวันฟ้อง

แต่หากผู้ขายขายรถไปแล้วก็ต้องคืนเงินมัดจำและให้ชำระค่าเสียหายพร้อมทั้งจ่ายเบี้ยปรับ +ดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับจากวันฟ้อง

ส่วนการฟ้องคดี อาจเป็นการฟ้องคดีผู้บริโภค ตามพรบ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคหากคู่กรณีเป็นผู้ประกอบการ (ง่ายๆก็คือบริษัทขายรถ เต็นท์รถ นั่นแหละ) กรณีนี้จะได้ยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียม ค่าขึ้นศาล ฟ้องแบบนี้คดีเร็วครับ

แต่ถ้าคู่กรณีเป็นคนธรรมดาก็ฟ้องแบบธรรมดาเสียค่าขึ้นศาลร้อยละ 2 ของทุนทรัพย์(ราคาทรัพย์ที่เรียกไป เช่นรถราคา 5แสน ทุนก็5แสน) รวมค่าอ้างเอกสารอีกนิดหน่อย และค่าทนายความ แต่เมื่อชนะคดี ศาลอาจให้ค่าทนายความคืนนิดหน่อยตามอัตราที่กฎหมายกำหนด และให้ผู้ขายใช้ค่าฤชาธรรมเนียมที่ออกไป ฟ้องแบบนี้ศาลนัดไกล่เกลี่ยก่อน ไกล่เกลี่ยไม่ได้ค่อยนัดพิจารณา(ขอข้ามในรายละเอียดนะครับ) อาจกินเวลาบ้าง แต่หากชนะช่วงเวลานี้คุณก็ได้ดอกไป

หากชนะ หรือแพ้ อาจมีอุทธรณ์ฎีกากันต่อไป ทั้งนี้คุณไม่ต้องไปศาลทุกนัดครับ คดีแพ่งส่วนใหญ่เป็นการส่งเอกสารให้ศาลพิจารณาครับ 

มือไม่พายยังเอาเท้าราน้ำ คนเราน่ะต้องมีน้ำใจต่อกัน มีแต่คนแบบนี้ IP : 124.120.83.119 สังคมไทยมันถึงได้แย่ลงทุกวัน หมั่นเข้าวัดไปปฏบัติธรรมบ้างนะครับ ไม่ช่วยเค้าไม่ไม่ว่า ยังมีหน้าไปซ้ำเติมเค้าอีกนะครับ นิสัยคนเราทำไมถึงได้เป็นแบบนี้หนา

ถูกต้อง....  เว็บนี้เป็นเว็บความรู้  เค้ามาขอความรู้ / คำแนะนำ แต่ อ้ายคห.1 ถ้าตอบดีๆไม่เป็นก็อย่าไปตอบ  มิน่าล่ะ สมชื่อ ฉลาดแบบไร้สติ  จริงๆ สงสัยว่าในชีวิตนี้ที่เกิดมาคงช่วยเหลือคนอื่นไม่เป็น

ไม่น่าเลย เว็บความรู้ครับ อย่ามากวนกันเลย

เวรกรรมจริง ๆ

แล้วทามไมไม่ไปปรึกษา สำนักงานกฎหมาย ทนายความ  ไปตรงนั้นง่ายกว่า เร็วกว่า ดำเนินการฉับไว จะกระทู้ถามอาไร ดูตาม้าตาเรือหน่อยดิ  โง่ๆแบบนี้ละเค้าถึงไม่ขายให้ไง