1.เทพแกหวังจะได้กำไรจากห้องแถว แกจึงไปกู้เงิน แกควรจะทราบความเสี่ยงและความสามารถในการชำระหนี้ของแกดีแล้ว

2.ตอนกู้เงิน แบงค์ก็จัดการปล่อยสินเชื่อตามมาตรฐานที่กำหนดโดยแบงค์ชาติ(ใช้มาตรฐาbasel II ที่เข้าใช้บริหารจัดการความเสี่ยงธนาคารกันทั่วโลก)  โดยเขาจะมีข้อกำหนดว่ามีความเสี่ยงเช่นใด แล้วจึงปล่อยกู้โดยคิดดอกเบี้ยค่าหนึ่งภายใต้กฎหมายกำหนด พร้อมทั้งดอกเบี้ยผิดนัดซึ่งมากกว่าอัตตรปรกติหากไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดกี่งวดก็ว่ากันไป ซึ่งไม่มีใครไปบังคับขู่เข็ญแก

3.เมื่อผิดนัดก็ต้องใช้อัตราดอกเบี้ยตามข้อสัญญา ก็หลักการสัญญาต้องเป็นสัญญา แปลกตรงไหน ไม่ต้องแบงค์หรอกครับ ให้เทพแกลองคิดดูว่าใครยืมเงินแกไป แล้วไม่ใช้หนี้ตามข้อตกลงได้อย่างไร

4.แน่นอนครับแบงค์พอเห็นท่านไม่ชำระหนี้ก็ต้องมีการทวง ให้ท่านไปตกลงลดยอดหรือแบ่งจ่ายอย่างไรก็ว่าไป เขาเรียกขั้นตอนประนอมหนี้ ท่านก็ไปบอกว่าขายได้แล้วจะให้.......ลองเทพแกเป็นเจ้าหนี้ดูสิครับ จะคิดอย่างไร จริงอยู่เทพอาจใจดียกหนี้ให้.......แต่แบงค์คิดตกลงกับท่านเค้าก็มีกรอบครับ จากแบงค์ชาติอีกเช่นเคย จะให้มาชักดาบกันง่ายๆได้อย่างไร อีกด้านนึงของเงินกู้คือเงินฝากของผมและท่านผู้อ่านนะครับ

5.เมื่อตกลงกันไม่ได้ทำอย่างไรดีเล่า ก็ต้องฟ้องครับ จะเอานักเลงมาอุ้มไปสัมนากันง่ายๆได้อย่างไรพอฟ้องแล้ว ผมเดาว่าห้องแถวที่แกอยู่น่าจะติดจำนองแล้วโดนฟ้องบังคับจำนองไป เมื่อโดนบังคับจำนองเนี่ย กฎหมายเค้าก็ต้องให้บอกกล่าวเทพให้ชำระหนี้ก่อนฟ้อง 1 เดือน ก็ไม่รู้ว่าเทพไม่รู้จริงหรือว่าคิวตลกยาวเลยลืม ก็โดนฟ้องบังคับจำนองไป

      ต่อมาท่านแพ้คดี เค้าก็เอาทรัพย์จำนองขายสิครับ แบงค์อาจมีส่วนผิดที่ไม่ส่งหมายให้ท่านที่บ้านแต่ดันไปประกาศหนังสือพิมพ์ ส่วนขายได้เท่าใดก็แล้วแต่ว่าที่ซึ่งท่านขายมีคนสนใจมากเท่าใด แต่ส่วนมากก็ขายได้ราคาต่ำเพราะซื้อทรัพย์ประเภทนี้เหนื่อยครับ มักได้ของโทรม บางทีต้องสู้คดีหากเกิดมีมนุษย์พิศดารมีอำนาจวิเศษเหนือทรัพย์นั้นอีก

6.แน่นอนเมื่อหนี้ไม่หมดก็ต้องหาทรัพย์อื่นต่ออีกแต่เมื่อหนี้เกิน 1ล. ก็ต้องถูกฟ้องล้มละลายเพื่อให้ใช้หนี้ให้หมด..........เทพแกไม่ไปสู้คดีหรือทนายไม่เก่งเลยแพ้...รายได้อย่างที่แกอ้างถ้ารายจ่ายไม่มากก็รอดพ้นคดีล้มละลายได้สบายๆ.....อันนี้ผมถือว่าครึ่งๆเทพกับทนายน่าจะพอกัน หรือทนายแกบอกแล้วเทพไม่รู้เรื่องก็ไม่รู้....ก็เลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดไป

7.แต่เทพครับถ้าท่านคิดว่ากระบวนการเหล่านี้ไม่แฟร์ท่านก็ยอมให้พิพากษาล้มละลายแล้วนอนอยู่บ้านเฉยๆไม่ต้องทำงานหาเงินให้ลูกเมียหาเลี้ยงแทน พอครบกำหนดปลดจากการล้มละลายซึ่งกินเวลา3ปีนับแต่พิพากษาให้ล้มฯ และได้ร้องขอต่อศาล หนี้ของท่านก็หายไปในบัดดล..........หนี้ทุกอย่างเลยนะไม่ใช่หนี้แบงค์อย่างเดียว เว้นแต่ภาษีกับหนี้ที่ไปโกงเค้ามา

8.ท่านบอกว่าอย่างนี้ไปกู้นอกระบบดีกว่า ก็ดีครับเทพ ดอกร้อยละยี่สิบต่อเดือนผิดนัดก็โดนอัตราพิเศษเหมือนกัน......แถมส่งคนไปดูแลถึงบ้าน หากเค้าทวงแล้วทำเป็นหูทวนลม อาจโดน 11 มม.แคะหูได้ หรือปากดีว่าขายได้แล้วต้องใช้...อาจได้ต้มยำบาจาเป็นข้าวเย็นประหยัดไปอีกมื้อ

ให้ผมพูดแบบเป็นกลางในกรณีป๋าเทพนะครับ

ป๋าเทพแกไปซื้อบ้านซื้อที่คือแกมองของแกเองว่ามันต้องดีขึ้นราคาสูงขึ้น แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับเเบงค์ที่ต้องมาแบกความเสี่ยงไปด้วยกับป๋าเทพละครับ

แกซื้อแกก็หวังราคามันขึ้นฟันกําไร แต่พอไม่ได้เป็นอย่างที่คาดก็ปล่อยหลุดไม่ส่งต่อมันถูกต้องหรือครับ ผมถามหน่อยถ้าที่มันขายได้ราคาอย่างที่ป๋าเทพคิดกําไรแกจะเอามาแบ่งธนาคารหรือป่าวละครับ ก็ไม่ใช่ใช้ไหมแต่พอขายไม่ได้ราคาไม่ได้ดั่งหวังก็ปล่อยให้แบงค์ยึดให้แบงค์ไปขายขาดทุนหรือครับแบงค์เขาจะยอมหรือครับเขาทําไมต้องมาแบกความเสี่ยงไปกับป๋าเทพด้วยหรือ เพราะตอนซื้อแกก็ตัดสินใจซื้อของแกเอง จริงไหมละครับตามหลักจริงฯแกไม่ควรปล่อยให้ยึดควรติดต่อประนอมหนี้ หรือยืดเวลาชําระ หรือขายต่อคนอื่นจะดีกว่า แต่นี้แกเล่นดูไม่ไหวก็ทิ้งเลยไม่เอาและไม่โดนแบงค์ฟ้องก็แปลกและครับ

ส่วนในกรณีที่แกทําอะไรก็เจ๊งผมว่าเกิดจากตัวแกเองมากกว่าครับ เพราะฟังแกพูดตอนออกรายการ แกทําอะไรมองดูแล้วเหมือนไม่มีแบบแผนอะไรเลย ทําแบบลูกทุ่งคิดของแกเองทําของแกเองทําอะไรไม่ศึกษาให้ดีเสียก่อน มันเลยเจ๊งไม่เป็นท่าละครับ

ตามปกติทางธนาคารจะมีการติดตามลูกหนี้ให้มาชำระเงินหรือมาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ แต่บางกรณีตามแล้วไม่มาไม่ติดต่อเจ้าหนี้จำเป็นต้องฟ้องร้องและบังคับคีตามกฎหมายในการขายทอดตลาดหากลูกหนี้เห็นว่าราคาต่ำเกินไปตามกฎหมายก็ให้ลู้หนี้คัดค้านราคาได้  แต่ในกรณีไม่ใช้หนี้จนดอกเบี้ยท่วมลูกหนี้บางรายมาคุยเจรจากับแบงค์ดีๆบางที(ส่วนใหญ่)แบงค์จะปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตัดดอกเบี้ยให้ บางรายโชคดีจ่ายแค่เงินต้นก็มี

ต้องเห็นใจทั้ง2ฝ่าย ในกรณีป๋าเทพหากทนายแสดงทรัพย์สินให้ศาลเห็นตั้งแต่ชั้นต้นว่ามีทรัพย์สินพอชำระหนี้ได้ ศาลไม่สั่งพิทักษ์ทรัพย์หรอกแต่นี่ทนายกลับเพิ่งมาแสงดรายการทรัพย์สินทีหลังไม่แสดงตั้งแต่ศาลชั้นต้นเหตุการจึงออกมาแบบนี้

ต้องเข้าใจธนาคารพานิชย์มีแบงค์ชาติควบคุมหากมีหนี้ npl ล้นมากเจ้าหน้าที่ก็ต้องรับผิดอีกเขาทำตามหน้าที่ ทุกคนมีหน้าที่ต้องเข้าใจหน้าที่แต่ละฝ่ายไม่มีใครที่ไหนอยากกลั่นแกล้งให้คนอื่นล้มละลายหรอกหากมาชำระหนี้เขาหนือมาคุยกับเขาบ้างไม่ฟ้องถึงล้มละลายหรอก

คุณลองคิดว่าถ้าคุณเป็นเจ้าหนี้ คุณจะทำยังงัย ลูกหนี้เอาเงินก้อนคุณไปแล้ว รับปากว่าจะส่งเท่านั้นเท่านี้ แต่ไม่ทำตามสัญญา ถ้าลูกหนี้ไม่ผิดสัญญา เจ้าหนี้ก้ไม่ทำอะไรลูกหนี้อยู่แล้ว เจ้าหนี้ก็ต้องยึดทรัพย์ลูกหนี้ออกขายทอดตลาด เราก็รู้กันดีว่าขายทอดตลาดราคาไม่สูงหรอก แล้วเขาก็ให้ลูกหนี้เข้าไปดูแลการขายได้ด้วย ได้เงินไม่พอก็ต้องไปยึดทรัพย์อื่นมาใช้หนี้ต่อ หากลูกหนี้ไม่มีทรัพย์อื่น เจ้าหนี้ก็ไม่ได้เงินคืน   

ยังมีความไม่ยุติธรรมอีกเยอะในประเทศไทย เช่น ไอ้ธนชาติ.... ผมส่งรถตรงเวลามา 55 งวด (เหลืออีก5งวดหมด) งวดที่ 56 ส่งช้า มันคิดค่าส่งจดหมายเตือน 300 บาท พอย่างเข้าเดือนที่ 2 มันปรับเดือนละ 1,000 บาท (รวม 1,300 บาท/เดือน) กับเงินต้นที่เหลืออยู่ไม่กี่หมื่นบาท (โคตรๆเลยพี่น้อง) ถามว่าผู้รับผิดชอบ (สค(ก)บ.)มันทำอะไรอยู่ นั่งๆนอนๆกินภาษีประชาชนไปวันๆ ถุย....