อ่านคู่มือก็จบ ผมป้ายแดง ก็เปลี่ยนตอน 10000 โลไม่เป็นพังเลย ตอนนี้ใช้มา 2 ปี 98,000 โลแล้ว ยังทำตามคู่มือเสมอมา ถ้าพังน่าจะพังไปนานแล้ว

ขอบคุณทุกๆท่านครับที่ช่วยผม...ใจเย็นๆครับ

ผมเห็นใจคุณครับที่ยังขาดความรอบรู้ด้านภาษา การศึกษาอาจน้อยไปหน่อย แต่คุณก็น่าจะภูมิใจตัวเองนะครับที่อุตส่าห์รู้วิธีโพสต์ข้อความในเว็บบอร์ดได้ คนโบราณเขาบอกว่า “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล” การเขียนด่าคนอื่นเพียงเพราะตัวเองไม่เข้าใจนั้น เป็นเพราะยังไม่รู้จักการให้เกียรติผู้อื่น 

สำนวนเกี่ยวกับรถและเมียนั้นยังมีมากกว่านี้ ที่นิยมพูดกันตอนเพื่อนมาขอยืมรถก็คือ “ปกติแล้ว รถ เครื่องเสียง และเมียนั้น เขาไม่ยืมกัน” ความหมายก็คือของเหล่านี้เป็นของส่วนตัว ที่เจ้าของรักและหวง จึงไม่บังควรอย่างยิ่งที่จะเอ่ยปากขอยืมจากผู้อื่น

ข้อความที่คุณโพสต์มายังไม่ได้ชี้ให้เห็นเลยว่า ความเห็นของผมเกี่ยวกับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องผิดที่ตรงไหน แต่ถ้าคุณไม่เข้าใจวิธีการอุปมาอุปมัยผมก็ขออภัยด้วย แต่ความเห็นของคุณไม่ได้แปลว่าคนอื่น ๆ จะเห็นด้วยตามนั้น  โปรดสังเกตว่าผมใช้คำว่าความเห็น เพราะในแบบฟอร์มที่ให้โพสต์นั้นเขาใช้คำว่า “ผู้แสดงความคิดเห็น” และ “ส่งความคิดเห็น”  ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นคำตอบที่ถูกใจคุณเสมอไป

บ้าหรือป่าวเอารถเปรียบกับเมีย  บ้องตื้นเหมือนชื่อเลยครับผมว่าคุณรู้ไม่จริงก็อย่าตอบให้คนที่รู้ตอบดีกว่า

ผมแปลกใจที่คุณไม่ลองอ่านคู่มือประจำรถ (หรือคู่มือผู้ใช้รถ) ดูก่อน การจะให้ตอบอะไรแบบเหมารวมไปหมดนั้นใช่ว่าจะทำได้หรือถูกต้องเสมอไป  รถแต่ละยี่ห้อก็ไม่แน่ว่าจะเหมือนกัน  อย่างรถแจ๊ซที่ผมซื้อให้ลูกใช้นั้น เขาระบุไว้เลยว่าอย่าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องก่อนกำหนด และกำหนดของเขาก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน ว่าเป็นแบบปกติหรือแบบใช้งานหนัก  ที่ว่าใช้งานหนักนั้นอาจชวนให้เข้าใจผิดได้  เช่นถ้าาวันหนึ่งขับแค่สองสามกิโล หรือไปจอดแช่อยู่ในที่รถติดนาน ๆ ก็เข้าข่ายแล้วครับ ซึ่งการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องในสองกรณีนี้ต่างกันเป็นเท่าตัว เพราะฉะนั้นหากเป็นเรื่องที่มีผลต่อการรับประกันแล้ว อย่าไปเชื่อผู้ตอบในเว็บบอร์ดมากไปกว่าคู่มือรถคุณ  จริง ๆ แล้วรถใหม่นั้นก็ต้องการรันอินเหมือนกันทั้งนั้นแหละ เพียงแต่วิธีการอาจไม่เหมือนกับสมัยก่อน เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องของการใช้ภาษามากกว่า (semantic) พูดง่าย ๆ รถก็เหมือนเมียแหละครับ ใหม่ ๆ ก็ต้องถนอมกันหน่อย ต้องมีการโอ้โลม (อุ่นเครื่องให้ร้อนได้ที่เสียก่อน) ก่อนจะออกตัว เพราะอะไรต่อมิอะไรก็ยังฟิตปั๋ง ไม่เข้าที่ดีนัก แม้เทคนิคการผลิตจะพัฒนาไปกว่าสมัยก่อนมากแล้วก็ตาม  ยิ่งถ้ารอให้พัดลมหม้อน้ำหมุนได้ยิ่งดี เพราะนั่นหมายถึงว่า กระบอกสูบของรถคุณขยายตัวจนกลมดิกแล้ว ลูกสูบจะชักขึ้นชักลงได้อย่างลื่นไหล และคุณก็ไม่ต้องเปลืองผ้าเบรกเหมือนการออกรถตอนที่เครื่องยังไม่ร้อนได้ที่ เพราะตอนนั้นโช๊กอัตโนมัติมันยังเร่งเครื่องให้อยู่ ทำให้คุณต้องคอยเหยียบเบรกไปตลอดทางจนกว่าเครื่องจะร้อน  การเหยียบเบรกตอนที่เบรกยังเย็นอยู่นั้นมันจะไม่นิ่มนวล เพราะมันพานจะหยุดกึกเอาดื้อ ๆ  ซึ่งหลายคนคงเจอกันมาแล้ว  ถ้ารอให้เครื่องร้อนได้ที่เสียหน่อย ผมคิดว่าน้ำมันเกียร์ก็คงทำงานได้เต็มที่ (อันนี้นึกเอาเอาเองนะครับ) ทำให้ระบบเกียร์ออโต้มีอายุยืนขึ้นอีกหน่อย  ทั้งหมดนี้เป็นแค่ความเห็นนะครับ จะจริงเท็จแค่ไหน เชื่อได้หรือไม่อย่างไร โปรดใช้วิจารณญาณเอาเอง

จริงๆเดี๋ยวนี้รถไม่ต้องรันอินเหมือนสมัยก่อนแล้วครับ  วิ่งไปตามปรกติเพื่อให้เครื่องยืดเส้นยืดสายสัก 80-100  ค่อยๆขับ  เสร็จแล้วจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่ 1000 โล ก็ไม่ว่ากันเหตุผลก็คือจะได้ชะล้างเศษเหล็กชิ้นส่วนที่เป็นผงที่เกิดจากการเสียดสีของการใช้ในครั้งแรกนั้นออกมา   ครั้งต่อไปก็เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 7500 กม/กึ่งสังเคราะห์    10000/สังเคราะห์  ทุกครั้งทุกๆ6 เดือนแล้วแต่ระยะไหนมาถึงก่อน เท่านั้นเอง  อย่าลืมเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องด้วยล่ะ