ยินดีคร๊าบบบบบ

โอ โฮ ...... ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆ เลย ครับ  คุณ M ( น่ารัก )  คำตอบนี่ ละ ครับ ตรงใจผม มาก ที่สุด เลย ครับ เข้าเป้า หาย ข้องใจ เรื่อง การใช้ เกียร์ AUTO เลย ละ ครับ  ขอบคุณมาก ครับผม

โอ๊วววววว..... ขออภัยคุณ หัดขับAUTO ครับ ผมลืมดูตรงที่มาร์คเป็นสีบานเย็นไว้ แหมๆๆๆ ขออภัยครับ

ในความเป็นจริงคือ จาก D เปลี่ยนเป็น D3-2-1 ในขณะรถวิ่ง ได้ครับ มิมีปัญหา แต่ต้องมีความเร็วไม่สูงมากนักจนเกียร์ดึงหน่วงตัวรถจนหัวทิ่ม นึกถึงเวลาเปลี่ยนเกียร์ธรรมดาสับลงต่ำน่ะครับ สำหรับเกียร์ออโต้ก็แตะเบรกชะลอความเร็วให้พอประมาณกับเกียร์ก่อน แล้วสับลงต่ำได้เลยครับ ไม่ต้องจอดเปลี่ยนเกียร์ครับ สำคัญคืออย่าเผลอสับไปที่ N ขณะกำลังวิ่ง หรือร้ายมากกว่าคือสับไป P หรือ R ขณะเคลื่อนตัวนะครับ เพราะอันนั้นจะทำให้เกียร์พังได้ครับ แต่สับจาก D ไป D3 D2 (ทีละขยักตามความเร็ว) อันนี้ได้เลยครับ ผมทำบ่อย อิอิ

ตอนผมขับเกียร์ออโต้ทีแรกนะครับ จอดเติมน้ำมันก็คาที่ D ไว้ แล้วสตาร์ทไม่ติดนึกว่าเจ๊งซะแล้ว โทรตามญาติซะวุ่นวายเลย(แบบว่าตอนนั้นให้ญาติซื้อให้) กว่าจะรู้ว่าให้ขยับไป N หรือ P ก่อนถึงจะสตาร์ทได้ ก็เล่นเอาใจหายอยู่พักใหญ่ครับ แหะๆ

ขอบคุณ คุณ M(น่ารัก) ครับ ผม รอผลละกัน ครับ เพราะ ในใจ ก็ ยังสงสัย อยู่เหมือนกัน เกี่ยวกัน เกียร์ที่ให้มาใน navara ที่มี d  d3 d2 d1 ถ้าโดยสรุป ตามบทความ ที่คุณคนว่างวันอาทิตย์ กรุณาตอบมา ก็ คือ ขึ้นเขาใช้ D อย่างเดียว ลงเขาใช้ d3 หรือ d2 หรือ d1 แล้วแต่ สภาพความลาดชัน   แต่ไม่สามารถ เปลี่ยนเกียร์ จาก d มาเป็น d3 d2 และ d1 ได้ ในขณะที่ รถ ยังวิ่งอยู่ได้ ต้อง จอดรถ ก่อน ทุกการเปลี่ยนเกียร์   ผมนึกถึงสภาพเวลาไปเที่ยวแล้วมีรถติดบนเขาเยอะๆ ถ้าต้องจอดแล้วเปลี่ยนเกียร์ จะทำให้คนอื่นเสียจังหวะในกรไล่ระดับ ความเร็วขึ้นเขาน่าดู คงโดน บีบแตร ไล่ แน่  ( พูดตามความรู้สึกของคนไม่เคยใช้ รถ เกียร์ AUTO นะ ครับ ไม่มีความรู้เรื่องนี้ จริงๆ ครับ )

ตอนนี้ผมใช้เกียร์ออโต้ของ ford อยู่ สังเกตุเหมือนกันว่า เวลาผ่อนคันเร่งตอนก่อนเข้าไฟแดง เหมือนรอบตกลงไปที่เดินเบาทุกครั้ง สงสัยเรื่อง engine brake เวลาลงเขาก็เลยเปิดคู่มือดู เค้าว่า ให้กด O/D ครับ

ผมเลยเดาว่าพวกเกียร์ออโต้รุ่นใหม่เนี่ย  engine brake ที่เกียร์สูงสุดขณะเข้า D เหมือนอีคาร์เก่าๆ ของผมคงไม่มีแล้ว อาจจะด้วยเหตุผลเรื่องการประหยัดน้ำมันในเมืองก็เป็นได้(แต่คอนเซพท์นี้ดูจะเปลืองผ้าเบรกจังอ่ะ) ก็เลยให้กด O/D แทน....ชีวิตลำบากขึ้นนิดนึง แต่ก็ไม่หนักหนาครับ

ยังไงปลายปีเอาไปไต่เขาเล่นก่อน แล้วผมจะกลับมารายงานละกันครับ

ขอบคุณ คุณคนว่างวันอาทิตย์ มาก ครับ

คัดลอกมาจาก Folktravel

รถเกีียร์ออโต้ คงเป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะให้ความสะดวกสบายในการขับขี่ โดยไม่ต้องสนใจกับการเข้าเกียร์เลย แต่พอเราจะเอารถเกียร์ออโต้คันเก่งไปเที่ยวภูเขา น้ำตก ซึ่งไม่ใช่ที่ราบ เราจำเป็นต้องเรียนรู้ถึงวิธีการขับรถอย่างถูกวิธีเพื่อความปลอดภัยของตัว เองเองและเพื่อนร่วมทางกันครับ

การขับรถขึ้นภูเขา

อันนี้ผมแนะนำว่าให้ใช้เกียร์ D จะดีที่สุด เนื่องจากเกียร์ออโต้จะสามารถทดเกียร์ต่ำลงได้เองโดยอัตโนมัติเมื่อเครื่อง ยนต์ขาดแรงในการส่งขึ้น เกียร์ออโต้จะคอยเปลี่ยนเกียร์ให้ตลอด การใช้เกียร์ที่ไม่เหมาะสมจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักเกินไป ถ้ารู้สึกว่ารถยังเคลื่อนที่ช้าก็ให้เหยียบคันเร่งเพิ่มจากปกติ พยายามสังเกตรอบเครื่องยนต์ไม่ให้เกิน 4,000 รอบ/นาที

การขับรถลงภูเขา

การขับรถลงจากเขาจะมีแรงโน้มถ่วงคอยฉุดรถให้ลงจากเขา วิธีที่ดีที่สุดในการขับรถลงเขาคือใช้เกียร์ต่ำเข้าช่วย ส่วนมากจะใช้เพียงเกียร์ 1 และเกียร์ 2 ในการลงเขาเท่านั้น ในขณะที่เราใช้เกียร์ต่ำเครื่องยนต์จะมีกำลังมาก เครื่องยนต์จะช่วยต้านไม่ให้รถไม่ให้รถลงจากเขาเร็วไป หรือที่เรียกว่า Engine Brake

ถ้าความเร็วรถยังไม่อยู่ในความเร็วที่ปลอดภัยให้ใช้เบรคย้ำเป็นระยะๆ ไม่ควรเหยียบเบรคแช่เป็นเวลานาน เพราะจะทำให้เบรคเกิดความร้อน และจะเบรคไม่อยู่ในที่สุด

ถ้าทางลงเขายาว แล้วจำเป็นต้องเหยียบเบรคตลอด อาจเป็นเพราะคันหน้าขับช้า ให้หาที่จอดรถริมทางพักรถเป็นระยะๆ เพื่อลดความร้อนที่สะสมในระบบเบรค และห้ามใช้น้ำราดเข้าไปที่จานเบรคในขณะที่ยังร้อนอยู่ จะทำให้จานเบรคคด เสียหายได้

ในการเข้าโค้งที่เป็นเนินขึ้นหรือลง เราอาจจะมองไม่เห็นรถที่วิ่งสวนมา ให้เบรคชะลอรถก่อนเข้าโค้ง เมื่อใกล้จะหลุดโค้งแล้วให้เหยียบคันเร่งส่งจะช่วยให้บังคับรถได้ง่ายขึ้น ในการเข้าโค้ง ให้บังคับรถให้อยู่ในเลนส์ฝั่งเรา และระวังรถฝั่งตรงข้ามที่อาจแซงในทางโค้งมาที่เลนส์เราด้วย

การขับรถลงเขาห้ามปล่อยเกียร์ว่างลงเขาโดยเด็ดขาด เพราะจะไม่มีเครื่องยนต์ช่วยในการควบคุมความเร็ว และยังอาจสร้างความเสียหายให้กับระบบเกียร์ออโต้ได้อีกด้วย ตอนสมัยขับรถใหม่ๆ ผมเองก็เคยเข้าเกียร์ผิดปล่อยเกียร์ว่างลงจากผาเดียวดาย เขาใหญ่ เจอหลุมแล้วหลบไม่ทันตกหลุมเข้าจังๆ โชคดีที่ว่าเป็นล้อขอบ 14 มียางหนา ถ้าเป็นขอบ 15 หรือ ขอบ 17 ยางอาจจะแตก แม๊กดุ้งได้เหมือนกัน

^^อ่านไม่รู้เรื่องครับ^^

http://www.folktravel.com/archive/%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84.html