การเปลี่ยนขนาดยางจากเสป็คเดิมๆ หรือเปลี่ยนหน้าหลังไม่เหมือนกัน ก็จะมีผลกับแรงเบรกนะครับ ถ้ารถมีระบบกระจายแรงเบรก ตรงนี้ก็น่าตรวจสอบครับ เพราะโดยปกติเพื่อความปลอดภัยเบรกหน้าจะจับเร็วและมากกว่าแบรกหลัง เพื่อป้องกันการเสียศูนย์เวลาเบรกในโค้งครับ(ที่จริงก็ไม่ควรเบรกแรงๆ ในโค้งอยู่แล้วแหละ) ยิ่งรถขับสี่ และถ้าใช้ระบบขับสี่บ่อยๆ ควรใช้ยางตามเสป็ครถอย่างยิ่งครับ และควรเปลี่ยนพร้อมกันทั้งสี่เส้นด้วย รถไถข้างบ้านผม(ขับสี่) แค่ใส่ยางผิดขนาดไปหน่อย ขับกลับบ้านแรงบิดที่ผิดปกติเล่นเอาเฟืองดอดจอกแตกไปเลยครับ

เคยใช้โคโรลล่า รู่นประมาณ 84 ขับหน้า เครื่องสองอี ปรากฎว่าเบรกหลังหมด แต่หน้ายังพอมี แปลกดี

พอดีผมไปเช็ครถที่40,000km มาปรากฏว่าผ้าเบรคหลังสึกมากกว่าผ้าเบรคด้านหน้า (ยังไม่เคยเปลี่ยนผ้าเบรคเลย) ก็เลยเกิดความสงสัยว่าผ้าเบรคที่ล้อหลังสึกมากกว่านั้นมาจา่กสาเหตุที่ตัวรถหรือสาเหตุจากคนขับ (รถที่ใช้เป็นรถโตโยต้า 4x4 ) และขอขอบคุณทุกท่านที่แสดงความเห็น ขอบคุณมากครัีบ

กรณีที่ผ้าเบรคหลังหมดก่อนผ้าเบรคหน้าตามที่ท่านถามมานะครับ  มีอยู่ 2 กรณีคือผ้าเบรคดิสค์หน้าใช้ของถูกซึ่งมีเนื้อผ้าเบรคแข็ง หรือเนื้อผ้าเบรคด้านเนื่องจากถูกบดกับจานเป็นเวลานานๆ จนผ้าเบรคไหม้ โดยหน้าของผ้าเบรคที่สัมผัสกับจานจะเกรียมเป็นสีน้ำตาลเข้ม  ผิวมัน ไม่สึกเป็นผง  สูญเสียประสิทธิภาพในการเบรคไป 

เวลาที่ท่านตรวจเช็คเบรค  ถ้าเปลี่ยนผ้าเบรคหลังเป็นครั้งที่สองแล้ว  แต่ช่างบอกว่าผ้าเบรคหน้ายังหนาอยู่  ก็ขอให้ช่างถอดออกมาดูหน่อยว่าผ้าเบรคเป็นอย่างที่ผมบอกมาหรือไม่  เพราะหลายครั้งพอช่างเห็นเป็นดิสค์เบรก  ก็จะดูเฉพาะมุมด้านข้างว่ามันหนาหรือไม่เท่านั้น

จริงเหรอที่ว่า..ผ้าเบรคหน้าจะหมดก่อนผ้าเบรคหลัง

จริงครับ.....แต่โดยทั่วไป  กรณีที่ผ้าเบรกหลัง(ดรัม) หมดก่อนผ้าเบรกหน้า(ดิสก์)...ไม่เคยเห็นจริงๆ ครับ (ติดมากับรถจากโรงงาน)นะครับ

ปรกติแล้วล้อหน้ามันจะเป็นดิสเบรค การจับตัวจะสูงกว่าเพื่อให้รถหยุดนิ่ง โอกาสที่ผ้าเบรคเสียดสีกับจานเบรคจะสูงมาก และโอกาสหมดก็มากเช่นเดียวกัน ระยะเวลาโดยเฉลี่ยผ้าเบรคถ้าใช้ตามปรกติก็ประมาณ 3-4 ปี หลังดั๊มพ์เบรค รถขับเคลื่อนล้อหน้าหรือหลัง โดยปรกติแล้วจะเป็นทุกคัน หลังจะหมดช้ากว่า แต่จะสลับกันไป