หัวเชื้อยังคงจำเป็นที่จะต้องใช้ เทียบง่ายๆเติมวีพาวเวอร์ 6 ครั้ง ไม่เท่าใส่หัวเชื้อครั้งเดียวครับ สัดส่วนเคมีต่างกันมากต่อการชะล้าง1ครั้ง พิมพ์แล้วยาว คนโบราณมักสอนให้ประหยัดในความฟุ่มเฟือ ซึ่งผมไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่อยากขวางทางตีนใครเช่นกันครับ

 เนื่องจากเวลาผ่านไปปีหนึ่งแล้วก็เลยจำได้ไม่ชัดเจนว่ากี่บาท แต่รวมค่าใช้จ่ายแล้วประมาณ 1 หมื่นบาท ผมไม่แน่ใจว่าศูนย์บริการกินหัวคิวหรือไม่ เพราะทางศูนย์ไม่ได้ทำเองน่ะ แต่ช่างเถอะเพราะอย่างไรศูนย์ก็ไม่ได้กินตังก์ผมในกรณีแบบนี้หรอกครับ สามารถดูการล้างหัวฉีดแบบต่อเข้าท่อน้ำมันได้ที่ korkonrakrod.com ครับ หรือมีอีกหลายยี่ห้อ เช่น Carbon Clean , หรือล้างที่ MMSBosch ก็ไม่แพงครับประมาณ 3200 บาท

ถ้าคุณจะต้องเสียค่าล้างหัวฉีดหัวละ 4,000 บาท ผมคิดว่าน่าจะเปลี่ยนหัวฉีดใหม่ไปเลยไม่ดีกว่าหรือครับ ราคาหัวฉีดผมจำไม่ได้ แต่ถ้าเล่นล้างหัวฉีดทีละ สองหมื่นบาท ผมเปลี่ยนชุดใหม่ไปดีกว่าครับ

 ปรกติผมก็ไม่ใช้หัวเชื้ออยู่แล้วครับ แต่ที่ต้องล้างหัวฉีดแบบต่อเข้าท่อน้ำมันโดยตรง ไม่ใช่ใส่ลงถังน้ำมันครับ เป็นการล้างหัวฉีดที่ไม่ต้องเสียเงินเป็นหมื่นเพื่อล้างหัวฉีดตามร้านน่ะครับ เนื่องจากรถผมมีปัญหาเร่งไม่ขึ้นครับ จึงจำเป็นต้องซ่อม ทางศูนย์เช็คเีรียบร้อยแล้วว่าหัวฉีดมีปัญหาต้องนำรถเข้าล้างหัวฉีดที่ร้านข้างนอก ถ้าจำไม่ผิดค่าล้างหัวละ 4 พัน 4หัวก็ หมื่นสอง ผมก็เลยเลือกใช้บริการที่ถูกกว่าคือ 1630 บาท ครับ อันนี้ผมไม่แนะนำให้รถใหม่ ๆ ทำกันนะครับ นอกจากรถที่ึมีปัญหาหัวฉีดอย่างรถผม ตรงกันข้ามผมเห็นด้วยกับคุณคนว่างเรื่องการใช้ shell nitro plus สลับกับการใช้น้ำมันดีเซลอื่น ๆ ครับ ขอบคุณครับ

ข้อหนึ่งที่ลืมเตือนคือ น้ำยาพวกนี้ต้องมอมรับว่ามันกัดสิ่งสกปรกออกจริง แต่มันกัดทุุกอย่างที่คุณมีอยู่ในระบบน้ำมัน ผลคือมันไม่ได้ทำแต่ความสะอาด มันจะทำให้ระบบหัวฉีดคุณพังตามไปด้วยครับ ถึงได้บอกว่าไม่แนะนำด้วยเหตุผลดังกล่าว และการที่จะใช้เชลล์ Nitro Plus ให้ประหยัดคือเดือนละครั้งพอ เพราะในความเป็นจริง น้ำมันตัวนี้นอกจากจะมีสารชะล้างในปริมาณที่สูงกว่าน้ำมันท่วไป ค่าซีเทนของน้ำมันตัวนี้ก็สูงกว่าด้วย ซึ่งเหมาะกับการใช้กับรถยุโรปต่างๆมากกว่ารถกะบะ เพราะเครื่องยนต์กะบะนั้น ผู้ออกแบบต้องการให้ผู้ใช้ รถใช้น้ำมันคุณภาพทั่วไปที่มีจำหน่ายในประเทศ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้น้ำมันที่ค่าซีเทนสูง การใช้น้ำมันค่าซีเทนสูงจะทำให้ค่าใช้จ่ายของคุณสูง แต่ถ้าคุณใช้รถในเขตที่จะต้องขึ้นเขาหรือใช้ความแรงของเครื่องเป็นประจำเช่นวิ่งขนของหรือขึ้นเขาในภาคเหนือ จะใช้ Nitro Plus ตลอดก็ไม่มีใครว่าเพราะในการใช้งานแบบนั้น คุณต้องรีดความแรงของเครื่องยนต์ออกมาให้หมด สรุปคือจะใช้อะไร ให้พิจารณาถึงความเหมาะสมกับการใช้งานและกระเป๋าสตางค์ของคุณเองครับ แต่น้ำยาหัวเชื้อไม่ว่าจะเป้นหัวเชื้อดีเซลหรือหัวเชื้อน้ำมันเครื่อง ไม่มีความจำเป็นเลยแม้นแต่น้อยและสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ เอาง่ายๆ 1,630 บาทนะ คุณสามารถเติมน้ำมันได้หนึ่งถังกว่าๆเลยนะครับ      

 จากประสบการณ์ตรงนะครับ รถผมใช้มาแล้ว 7 ปี เป็น โคโลราโด เติมยี่ห้อไหนก็วิ่งไม่แรงเหมือนตอนออกรถใหม่ ๆ 

พอดีมีเพื่อนแนะนำ ให้ล้างหัวฉีด ก็เลยตกลงล้างหัวฉีด ( ยี่ห้อ ลิควิ โมลี ) จ่ายค่าน้ำยาและค่าเบียร์ 1 ป๋อง ก็ 1,630 บาท มาล้างให้ถึงบ้าน

รถก็กลับมาวิ่งเหมือนรถใหม่ รถหากใช้ไปนาน ๆ หัวฉีดจะเริ่มตีบตัน การล้างหัวฉีดทำให้สะอาด แล้วหลังจากนั้นก้อใช้ shell Nitro Plus

สลับกับน้ำมันยี่ห้ออื่น  ลองทำตามผมนะครับ ได้ทั้งแรงและประหยัด ใครสนใจก็ส่งอีเมล์มานะครับ(ไม่ใช่การโฆษนานะครับ เพราะผมไม่ได้ให้บริการเอง)

นหัวเชื้อน้ำมันดีเซลเป็นของไม่มีความจำเป็นและไม่จำเป็นที่จะต้องไปซื้อเติมเพื่อเพิ่มค่าใช้จ่ายให้สิ้นเปลือง ตามปรกติ ในน้ำมันที่คุรเติมเขาก้มีสารชะล้างผสมอยู่ตามปรกติแล้ว  แต่ถ้าต้องการทำความสะอาดหัวฉีดและทางเดินน้ำมันเพิ่มเติม ให้ใช้้นำมันที่ค้างอยู่ในถังให้หมดหรือใกล้หมดเสียก่อน และสามารถเติมเชลล์ V-Power Nitro Plus ให้เต็มหนึ่งถังทุกเดือน เพียงเดือนละหนึ่งถังก็เพียงพอแล้วเพราะในน้ำมันตัวนี้ มันมีสารชะล้างทำความสะอาดผสมอยู่ในน้ำมันเพิ่มเติมจากน้ำมันธรรมดา การทำแค่นี้เพียงพอแล้วครับ ข้อที่สำคัญกว่าคือ แนะนำให้เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันดีเซลอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพราะน้ำมันดีเซลบ้านเรา ถังเก็บตามปั๋มมันสกปรกและตัวถังก็ด้อยคุณภาพเกินมาตราฐานต่างประเทศ เราจึงไม่สามารถเปลี่ยนตามค่ามาตราฐานที่ระบุในคู่มือไม่ได้ ค่าไส้กรองน้ำมันดีเซลอันหนึ่งถูกกว่าค่าซ่อมเครื่องยนต์มากครับ  

ลองเติมปั๊มทั่วไป จับกิโล

เติมไนโตร จับกิโลเทียบกัน

ผมใช้แต่เบนซิน สมัยที่โฆษณาว่า เติมถังวิ่งได้ไกลกว่า 1 ลิตร

โกหกทั้งเพ เรียงตามลำดับคือ บางจาก ปตท เอสโซ่ คาลเทก และเชลล์รั้งท้าย