ผมโทษ 2 ส่วนครับ

1) กฎหมายล้าสมัย: ทำให้เจ้าหน้าที่ใช้เป็นช่องหากิน สมัยนี้ทางหลวงหลายสาย รวมถึงทางด่วนให้วิ่งแค่ 90 กม./ชม. ดูอย่างมอเตอร์เวลย์ก้ได้ครับ 120 กม./ชม. ก็เหมาะสมดีแล้ว

2) วินัยผู้ใช้รถใช้ถนน: ผมโทษการอนุญาตให้สอบใบขับขี่ด้วยเกียร์อัตโนมัติซึ่งผมยังไม่เห็นด้วย ส่วนใหญ่ไม่เคารพ/ไม่รู้กฎจราจร ไม่มีมารยาท ขับเต่าคลานแช่ขวา ขอทางก็ไม่หลบ

เพราะเกียร์ธรรมดากว่าจะออกถนนได้ต้องมีฝีมือและการตัดสินใจดีในระดับหนึ่งแล้ว แต่เกียร์อัตโนมัติ แค่เข้าเกียร์ เหยียบเบรก/คันเร่ง ถือพวงมาลัยเป็นก็ออกรถได้ (เหมือนพวกชอบร้องคาราโอเกะ

ที่ถือไมค์ได้ก็แหกปากเหมือนควายออกลูก หลงๆ คร่อมจังหวะก็ให้คนอื่นทนฟังไป)แล้วก็มาเท้งเต้งกลางถนนเกะกะมาก แช่ขวาตีคู่กับเลนซ้าย แซงก็แซงไม่ได้ บางคันมือใหม่แต่สันดานไม่ดี

เราส่งสัญญาณขอทาง (ครั้งแรกไฟกระพริบ สักครู่ไม่หลบก็บีบแตรสั้นๆ จากนั้นก็ยาวครับ) ก็แกล้งเบรกกะทันหันซะงั้น พอเราแซงซ้ายก็กั๊ก เราแซงเสร็จแล้วมันก็บีบแตรเปิดไฟสูงใส่

 บนท้องถนนทุกวันนี้มีแต่คนเห็นแก่ตัว และมันคือสาเหตุของปัญหาส่วนใหญ่

  คำถามล่อเป้า   ความจำเป็นของแแต่ละคนตางกัน    บางคนพาแฟนไปเที่ยวถนนเลนขวาดีขับ60(จะได้อยู่ด้วยกันนานๆ)    บางคนเมียจะคลอดขับช้ายเพราะไม่มีรถ(แม่งแช่ขวากันหมด   สำหรับผมนะถ้าถนนข้างหน้ามันว่างไม่ว่าจะต้องความเร็ว200  หรือ50ผมก็จะขับให้ใกล้คันหน้าเข้าไว้   ถ้าคันหน้ามันขับ50ผมก็จะหาทางแชงมันไป     กรณีของตำรวจคุณคิดว่ามันจะรับ ใช้ประชาชนอย่างสโลแกนมันหรือครับเราก็รู้ๆกันอยู

เห็นด้วย  ถ้าอาจารย์พัฒนเดชไปทดสอบรถที่พัทยาหรือระยองหรือแถวโคราชหรือที่ไหนก็ตาม  แล้วไปโดนตำรวจทางหลวงส่งใบสั่งมาปรับ 1,000 บาท ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่า 120  โดยไม่ฟังเหตุผลรายละเอียดใดเลย  บางทีมันก็ไม่น่าจะใช่  ช่วงนี้ถนนพหลโยธินจากสระบุรีเข้ากรุงเทพหรือจากวังน้อยไปสระบุรี  ในเลนคู่ขนานหรือเลนซ้ายสุดของทางด่วนไม่มีรถวิ่งกันเลย  รถสิบล้อจะไปวิ่งอยู่เลนกลาง  รถข้าก็จะวิ่งอยู่เลนขวากันเป็นส่วนใหญ่ปิดถนนวิ่งกันหมด  ผมจะรีบไปทำธูระไม่สามารถแซงได้เลย  ทำให้การจราจรติดขัดกันตลอดเวลา  ก็ต้องทนรับสภาพกันไปจนชินแล้ว  สำหรับป้อมยามตำรวจทางหลวงรอบ ๆ กรุงเทพ  เคยเห็นเด็กแว้นท์เยอะมากจะเข้าไปเรียกตำรวจทางหลวงให้มาปราม  เห็นหลายป้อมตำรวจทางหลวงปิดสำนักงานนอนกันหมด  น่าจะมีเวร (ไม่นอน) นั่งเฝ้ารับแจ้งเหตุก็จะเป็นการดีกว่า  แต่ก็ไม่คาดหวังอะไรกับตำรวจทางหลวงเช่นกันอยู่แล้ว  

ดิฉันเห็นด้วยที่สุดสะท้อนการทำงานที่ล้มเหลวงของตำรวจทางหลวงดังนี้ 

     1)  ปัญหาที่สำคัญที่สุดของรถติด  ส่วนสำคัญเกิดมาจากรถช้าวิ่งขวา  ทำให้รถที่ขับตามมาด้านหลังไม่สามารถดันขึ้นไปข้างหน้าได้  ตำรวจไม่สามารถเล่นงานรถช้าวิ่งขวาหรือแก้ปัญหาเหล่านี้ได้เลย  แต่วิธีที่ง่ายที่สุดคือเอากล้องไปตรวจจับรถที่จะรีบไปธุระโดยอ้างว่าวิ่งเกิน 120 แล้วเดียวจะเกิดอันตราย  ซึ่งไม่เป็นจริง  เพราะในขณะนี้ทั้งประเทศรถที่ขับช้าก็ชนกันตายเยอะแยะไป  ต่อไปรถที่เคยโดนใบสั่งจับปรับถึงบ้าน  ทุกคันจะวิ่งไม่เกิน 120 และจะวิ่งขวากันหมด  เพราะคิดว่าเป็นความเร็วที่ถูกต้องตามกฎหมาย  ถ้ามีรถตามกันมาน้อยก็พอแซงในเลนอื่นขึ้นไปได้  แต่พอรถมากันในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก  รถไม่สามารถแซงขึ้นไปได้ก้ทำให้รถติดสะสมตลอดเวลาทั้งวัน  โดยเฉพาะเส้นกาญจนนาภิเษก  วิภาวดี  พหลโยธินก่อนเข้าเมืองสระบุรี (ปรับ 1000 ตลาด) 

    2)  ในตอนกลางคืนมีปัญหาจราจรติดขัดหรือมีความเสี่ยงอันตรายเกิดขึ้นใด ๆ บนถนน   จะไม่มีตำรวจทางหลวงมาพื้นที่เกิดเหตุเพื่อแก้ไขปัญหาถ้าไมจนใจจริง ๆ  ซึงสะท้อนมาจากการมีอาสาสมัครโทรมาทางสถานีวิทยุ สวพง91  จส 100  ร่วมด้วยช่วยกัน  ฯลฯ  แต่ในทางตรงกันข้ามในเวลากลางวันรถจะรีบวิ่งไปทำงานตำรวจทางหลวงจะไปตั้งกล้องจับความเร็วหรือหาข้อบกพร่องของผู้ใช้รถเพื่อออกใบสั่งให้ได้มากที่สุด 

    3)  ถ้าตำรวจทางหลวงคิดว่าวิ่งเกิน 120   แล้วเกิดอันตราย  ก็ขอให้เสนอบริษัทรถจำกัดความเร็วรถไม่เกิน 120  โดยให้ดำเนินการกับรถของตำรวจทางหลวงเป็นตัวอย่างไปก่อน  ถามวาตำรวจทางหลวงจะยอมหรือไม่

    4)  ตำรวจทางหลวงแต่ละแห่งสามารถออกใบสั่งได้เดือนละหลาย ๆ พันใบ ถึงหลักหมื่นใบ   ใบละ 500 - 1000 บาท   ก็ไม่ได้ทำให้ระบบการจราจรรื่นไหลแต่อย่างใด  กลับติดสะสมกันมากขึ้นกว่าเดิมอีก  ซึ่งในขณะนี้วิ่งไปตามถนนจะเห็นว่ารถช้าวิ่งขวากันหมด  ทำให้รถติดกันตลอดวัน  ถามว่าการกระทำของตำรวจทางหลาวงนี้ที่ทำให้รถติดสะสมกันทั้งวัน  จะมีความรับผิดชอบอะไรบ้างไหมคะ

    5)  ตำรวจทางหลวงส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นผู้ใช้รถใช้ถนนเหมิอนพวกเราซึ่งวิ่งกันทั้งวัน  และในแต่ละวันไม่ได้รีบไปไหน  ย่อมไม่มีสำนึกที่จะแก้ไขปัญหารถติดสะสมอยู่แล้ว  จึงไม่มีมุมมองที่จะทำให้รถวิ่งได้โล่ง

   6)  ปัญหาอุปสรรคบนถนนมีหลายสิบอย่างที่อันตรายกว่าการขับรถเกิน 120  โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนกลางคืน  ซึ่งตำรวจจะไม่สามารถมามีบทบาทในส่วนนี้เลย  แต่จะเน้นเรื่องการปรับรถที่วิ่งเร็วกว่า 120  เพราะได้รับรางวัล   

   7)  การแก้ไขปัญหาในอนาคต  ต้องมีอาสาสมัครที่สามารถเขียนใบสั่งตำรวจทางหลวงหรือตำรวจจราจรได้เฃ่นกัน

เพราะสิ่งใดที่เป็นเรื่องห้ามของระบบจราจร  ตำรวจจราจรหรือตำรวจทางหลวงก็มักจะทำหมด  เช่น  จอดรถในทางแยก  ขับย้อนศร  ฯลฯ  ก็น่าจะเป็นการดีคะ

ผมขอออกความคิดเห็นในความคิดผมเองดังนี้แล้วกัน ส่วนท่านใดจะขับขี่เท่าไหร่ก็สุดที่จะห้าม..การขับขี่ผมคิดว่าใครๆก็ขับขี่เร็วได้ขับขี่จนสุดไมล์หรือคันเร่งจมก็ย่อมได้ 555..  และช่วงนั้นๆของชีวิตก็ผ่านพ้นมันมาแล้ว มานึกย้อนดูว่าเราทำไปได้ยังไง รอดตายมาได้จนบัดนี้ก็ดีแล้ว และล่าสุดก็เมื่อต้นเดือนนี้ผมก็ใช้มอร์เตอร์เวย์มุ่งหน้าศรีราชาก็ขับขี่ปกติไม่เกิน 120 กม/ชม เกินบ้างในจังหวะแซง แต่พยายามไม่ให้เกินนี้และก็จะไม่ขับกั๊กหรือกีดขวางรถที่เร็วกว่าเพราะมักมองกระจกหลังและข้างตลอด ผมเองก็ไม่ค่อยใช้เส้นนี้บ่อยนักเพราะไม่ค่อยเดินทางไปทางนี้นอกจากมีธุระ แต่เมื่อพบเจอมามักเห็น กระบะดัดแปลง 4ประตู เจ้าพลังทั้งหลาย หลายค่ายขับกันปาดซ้ายปาดขวา จากซ้ายสุดปาดมาขวาสุดท่านลองนึกภาพดูว่ามันกี่เลน และเค้าออกมาแทบจะไม่ดูเลยว่าเลนขวาสุดมีรถที่วิ่งเร็วกว่ามาหรือไม่ ดูมั่นใจจริงๆ แล้วถ้าหากชนกันใครเดือดร้อนไม่เฉพาะคู่กรณีหรอกครับ รถอื่นที่ใช้ทางร่วมขับขี่มาดีๆอาจถึงชีวิตได้ ถ้าหากท่านใดกำลังภายในเหลือๆได้โปรดเห็นใจเพื่อนร่วมทางด้วยเถอะครับ ถ้าถนนโล่งพอซัดได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีผู้ร่วมทางหนาแน่นแต่ท่านจะปาดทุกช่องที่พอมีช่องอย่าเลย อุบัติเหตุแค่เสี้ยววินาทีครับ และส่วนมากที่ผมเป็น สมช.คลับรถยนต์ที่ผมใช้รุ่นนั้นๆอยู่ ส่วนมากก็เห็นแต่ละท่านมักบอกว่ารถรุ่นนี้เกาะถนนมากๆ ซัดในโค้งได้เกิน 140 ++ ยังเกาะแน่น เฮ้อๆ.... ไม่พลาดก็แล้วไป ผมก็ได้แต่อ่านแต่ไม่กล้าออกความเห็นครับ กลัวเค้าเคืองเอาครับส่วนความเร็วที่ผมเคยใช้รถยนถนนโล่งรถไม่หนาแน่นดึกๆตอนเดินทาง หรือกลางวันผมก็เคยแต่ต้องทางตรงโล่งแค่รู้ขีดความสามารถของรถก็แค่ เข็มมันชี้ประมาณ 200 ผมก็ต้องยกคันเร่งแล้ว เพราะไม่อยากเสี่ยงเอาชีวิตคนที่อยู่ข้างๆไปด้วย ส่วนปัจจุบัน ไม่เกิน 110-120 ก็หรูสำหรับผมแล้วครับ

สาเหตุที่ทำให้รถติด รถที่วิ่งๆตามกันน่ะไม่เท่าไหร่ ปัญหาหลักๆมักเกิดจากติดไฟแดงตามแยก ก่อสร้าง รถจอดข้างทาง คือรถที่ขับไม่ว่าจากเลนใหนพอเลนตัวเองไปไม่ได้ก็จะเบี่ยงไปเข้าเลนอื่นทำให้รถเกิดการชะลอตัวเมื่อรถมีปริมาณมากจึงเกิดการติดขัด

    ที่เขากำหนดไม่ให้ขับเกิน 120 สำหรับนอกเมืองก็เพื่อความปลอดภัยครับ ยิ่งขับเร็วยิ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เราขับๆไปดีๆไม่รู้หรอกว่าจะมีมอไซค์ สุนัข รถอีแต๋น คนข้ามถนนออกจากข้างทางตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด ให้เบรคจนล้อตายก็ไม่อยู่หรอกครับ   ที่พูดได้เนี่ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยโดนนะครับ โดนมาแล้วตอนแซงน่าจะใช้ความเร็วประมาณ 130 (โดนกล้องจับความเร็วและจดหมายส่งมาถึงบ้าน) ทั้งๆที่ก่อนหน้าขับมาไม่ให้เกิน 120 ตลอดทาง  น่าจะเรียกว่าซวยมากๆ

ไม่รุคับ เพราะไม่เคยขับต่ำกว่า 160  และส่วนใหญ่วิ่งเลนซ้าย เพราะเลนขวาติดรถกาก ๆ  ขับ 60 แช่ขวาครับ 

ใบสั่ง ส่งมาเหอะ ไม่จ่าย ไม่มีผลต่อการต่อทะเบียน  มีผลตอนขายรถ   ไม่คิดจะขายรถคันนี้  ถ้าขายก็ขายเป็นซากไป   จบนะ  รถอะไรซื้อมา 9 แสนกว่าเกือบล้าน   ขับ 2 ปี ลองเชคราคาเล่น ๆ เหลือ 450000   บร้าล่ะ ครึ่งนึง   เง้อ