ดอยตุงชันกว่าไม่มาก แต่ถนนแคบกว่ามากครับ.... ถ้าคุณพรมีกระบะและมั่นใจอยู่แล้วก็เอาไปแทนเจ้า Civic ดีกว่าครับ

เพิ่มเติมอีกนิดครับ ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นปัญหาอีกอย่างของการขับรถก็คือ ฝ้าขึ้นที่กระจก การแก้ คือ ต้องเปิดแอร์ให้เย็นกว่าอากาศข้างนอกครับ ไม่อย่างนั้นมองไม่เห็นทางครับ

 ขอบคุณมากครับสำหรับทุกคำแนะนำ โดยส่วนตัวแล้วมั่นใจกับรถกระบะมากกว่าครับ

ขอถามอีกนิดนึง ระหว่างดอยตุงกับดอยอินทนนท์อันไหนชันกว่ากันครับ

ผมว่านะ ดอยอินทนนท์อ่ะชิดซ้าย  สู้เขาพับผ้า ไม่ได้ อย่างมันส์ ยิ่งข้ามตอนกลางคืนนะ สุดยอด เอิ๊ก ๆ  ยิ่งได้รถขับหลังด้วยนะ แจ่มเลย หุหุ

รอบที่แล้ว นานมากแล้วร่วม 20 ปี ตอนที่ใช้ fiat 132 อยู่  แข่งกับ bmw ไปตลอดทาง   -- พ่อผมบอก หัวใจจะวาย ให้ผมขับ ก๊าาาก

ตอนขึ้นเขาไม่ค่อยเท่าไหร่ พอรถดูท่าจะไม่ไหวก็ลงเกียร์ต่ำ แต่ลงเขาชันๆ นี่สิสำคัญ เพราะต้องใช้ Engine Brake เข้าช่วย พร้อมแตะเบรกเป็นระยะๆ (อย่าแช่ ไม่งั้นเบรกไหม้ล่ะงานเข้า) พูดง่ายๆ ให้เห็นภาพว่ามือขวาหักพวงมาลัย มือซ้ายเข้าเกียร์ เท้าขวาเหยียบคันเร่ง/เบรกสลับกัน เท้าซ้ายเหยียบคลัตช์ ถ้าคุณมั่นใจว่าแบ่งแยกประสาทพอ และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ เช่น ตอนเร่งส่งขึ้นเนิน โค้งหักศอก โผล่ไปเจอช้างป่าขวางถนน คุณจะเบรกทันหรือไม่ หักหลบอย่างไรให้ปลอดภัย... แต่ยังไงๆ รถเบ็นซินใช้ Engine Brake สู้ดีเซลไม่ได้ครับ เพราะแรงบิดมาที่รอบสูง ไม่ค่อยหน่วงความเร็วเท่าไรนัก

แนะนำว่าถ้ามือใหม่ให้จอดตีนดอยแล้วนั่งสองแถวไปดีและปลอดภัยกว่าครับ เปลี่ยนบรรบากาศไปด้วยในตัว เพราะขึ้นไปจะทำให้การจราจรติดขัดเพราะการไม่รู้จังหวะ คนอื่นจะแซงก็แซงไม่ได้ จะให้ดีก็เรียนลัดโดยสังเกตการใช้เกียร์เบรกหรือการหักพวงมาลัยของคนขับ เพราะเขาขึ้นลงดอยทุกวัน ชำนาญกว่าเรามาก (ตอนเด็กๆ ประมาณ 10 ขวบผมนั่งแล้วสังเกตเอง จำได้แล้วมาใช้ตอนโต) จำไว้แล้วคราวหน้าค่อยลองกับดอยอื่นที่ชันหรือโค้งน้อยหน่อย

รถไปได้แน่ แต่คนต้องพร้อมด้วย ปั้นโค้ง ใช้เกียร์ ใช้เบรคให้เป็น ไม่งั้นตกเขาครับ

 ของร้อง   อย่าทำนะครับ    มันจะเกิดอาการมันส์จนเพื่อนค้อนนะครับ

เกินพอคับ .....   Jazz เครื่อง 1.5 แบกเกินพิกัด ผมยังพาขึ้นมาแล้วเลย

แล้วนี่เครื่อง 1.8 vtec แถมเกียร์ MT