|
ก๊อบมาให้อ่านครับ: "โตโยต้า" เรียกคืนครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ | |
อ๊อฟ | *In Focus: "โตโยต้า" กับมหกรรมการเรียกคืนรถครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยานยนต์ Wednesday, February 03, 2010 11:35 อินโฟเควสท์ (03 ก.พ. 53)--ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยที่กินเวลายาวนานกว่า 1 ปีส่งผลกระทบในวงกว้างต่อทุกภาคส่วนของโลก อุตสาหกรรมยานยนต์เองก็หนีไม่พ้นเช่นกัน ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายต้องปิดกิจการลง บางรายต้องขายกิจการ บางรายต้องควบรวมกิจการ อีกหลายรายต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดจากภาวะล้มละลาย แม้แต่ยักษ์ใหญ่ของวงการอย่าง โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป เองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก เนื่องจากต้องต่อสู้เพื่อให้ยอดขายในสหรัฐดีดตัวขึ้น แต่ในขณะที่ทางบริษัทกำลังพยายามอย่างเต็มที่นั้น เหตุการณ์ร้ายๆที่ไม่ควรจะเกิดก็เกิดขึ้น มหากาพย์การเรียกคืนรถครั้งใหญ่ที่สุดของโตโยต้าเริ่มขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เมื่อ มาร์ค เซย์เลอร์ เจ้าหน้าที่ทางหลวงสายแคลิฟอร์เนีย ขับรถเล็กซัสมาบนทางหลวงสาย 125 นอกเมืองซานดิเอโก ด้วยความเร็วกว่า 120 ไมล์/ชั่วโมง ก่อนที่รถของเขาจะเสียหลักและลอยข้ามเกาะกั้น พลิกคว่ำหลายตลบ และระเบิดจนไฟลุกท่วม ส่งผลให้เขาและสมาชิกในครอบครัวอีก 3 คนเสียชีวิตทั้งหมด ข่าวร้ายของโตโยต้ายังไม่สิ้นสุดลงแค่นั้น เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาโตโยต้าต้องเรียกคืนรถยนต์จำนวน 2.3 ล้านคันในสหรัฐเพื่อนำกลับมาแก้ปัญหาเกี่ยวกับคันเร่งค้าง โดยรถรุ่นที่เรียกคืนได้แก่ โตโยต้า ราฟโฟร์ ปี 2009-2010, โตโยต้า โคโรลล่า ปี 2009-2010, โตโยต้า แมทริกซ์ ปี 2009-2010, โตโยต้า อวาลอน ปี 2005-2010, โตโยต้า คัมรี ปี 2007-2010, โตโยต้า ไฮแลนเดอร์ ปี 2010, โตโยต้า ทุนดร้า ปี 2007-2010 และ โตโยต้า ซีคัวญ่า ปี 2008-2010 ต่อมาไม่นานนักโตโยต้าก็เรียกคืนรถอีกประมาณ 2 ล้านคันในยุโรป นอกจากนั้นยังเรียกคืนรถอเนกประสงค์รุ่นราฟโฟร์ประมาณ 75,000 คันในจีน เนื่องจากรถรุ่นดังกล่าวอาจมีปัญหาที่คันเร่งเช่นกัน และหลังจากนั้นไม่ถึงสัปดาห์ โตโยต้า มอเตอร์ เซลส์ ยูเอสเอ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลด้านการขายของโตโยต้า มอเตอร์ ในสหรัฐ ได้แจ้งกับดีลเลอร์ประมาณ 1,250 รายในสหรัฐให้ระงับการขายและการผลิตรถทั้ง 8 รุ่นที่ถูกเรียกคืนไปก่อนหน้านี้ ปรากฏการณ์การเรียกคืนรถมากเป็นประวัติการณ์ครั้งนี้ทำให้ มาซายูกิ นาโอชิม่า รัฐมนตรีการค้าของญี่ปุ่น ออกโรงเรียกร้องให้โตโยต้าหามาตรการที่เด็ดขาดมาใช้เพื่อรับประกันความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อรถยนต์ของบริษัท หลังยอดเรียกคืนรถทะลุหลายล้านคันแล้ว ด้วยเกรงว่านอกจากปัญหานี้จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทรถยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายทั่วโลก และอาจถึงขั้นกระทบต่อเศรษฐกิจโลกก็เป็นได้ จากนั้นช่วงต้นสัปดาห์บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เซลส์ ยูเอสเอ ก็ประกาศว่าได้เริ่มแก้ไขปัญหาแป้นคันเร่งของรถโตโยต้ารุ่นที่เรียกคืนแล้ว พร้อมกันนั้นยังได้พัฒนาวิธีการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพสำหรับรถที่อยู่ในขั้นตอนการผลิตด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้รถโตโยต้าบางส่วนในสหรัฐและแคนาดายังไม่พอใจกับการแก้ปัญหาของโตโยต้า และได้รวมตัวกันยื่นฟ้องดำเนินคดีต่อโตโยต้า โดยโจทก์ได้ร้องเรียนว่าปัญหาการเร่งเครื่องโดยไม่รู้ตัวไม่ได้มีสาเหตุมาจากความบกพร่องของแป้นเหยียบคันเร่ง แต่เป็นเพราะระบบคันเร่งไฟฟ้าในรถโตโยต้ามากกว่า ขณะที่ทนายความในคดีที่เท็กซัสตำหนิโตโยต้าที่ไม่ดำเนินมาตรการใดๆ เพื่อแก้ปัญหาทั้งที่รับทราบข้อบกพร่องนี้มานานแล้ว อย่างไรก็ตาม จิม เลนท์ซ ประธานโตโยต้า มอเตอร์ เซลส์ ยูเอสเอ ยืนยันว่า ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเกิดปัญหาที่ระบบไฟฟ้าซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเร่งคันเร่งโดยไม่รู้ตัว ชินอิจิ ซาซากิ รองประธานบริหารบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ออกมายอมรับว่า บริษัทรู้สึกวิตกกังวลอย่างมากว่าจะไม่สามารถทำยอดขายรถยนต์ทั่วโลกปีนี้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังจากที่เกิดกรณีเรียกคืนรถหลายล้านคันส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงด้านคุณภาพที่บริษัทสั่งสมมานาน โดยนายซาซากิยอมรับว่ายอดสั่งซื้อรถโตโยต้าปรับตัวลดลงนับตั้งแต่ที่บริษัทได้ประกาศเรียกคืนรถยนต์ในหลายประเทศทั่วโลกเพื่อนำมาแก้ไขปัญหาคันเร่งค้าง พร้อมกับคาดการณ์ว่ายอดขายรายเดือนอาจร่วงลงมากกว่า 20% เมื่อพิจารณาจากกรณีการเรียกคืนรถในอดีต หลายฝ่ายเชื่อว่าการเพลี่ยงพล้ำของโตโยต้าครั้งนี้อาจเปิดโอกาสให้ค่ายรถยนต์อื่นๆ โดยเฉพาะคู่แข่งรายสำคัญอย่าง ฮอนด้า มอเตอร์ โค แย่งส่วนแบ่งในตลาดและตีตื้นขึ้นมาได้บ้าง แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อฮอนด้าเล่นไหลตามน้ำโดยออกมาประกาศเรียกคืนรถในเวลาไล่เลี่ยกัน สำหรับประเทศไทยนั้น นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน รองประธานกรรมการบริษัทเอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้าไทยได้ตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว พบว่าเป็นปัญหาจากสวิตช์ที่ประกอบกับประตู ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับฮอนด้าซิตี้ที่ผลิตในปี 2008 มียอดขายในประเทศไทย 2,700 คัน โดยในสัปดาห์หน้าจะแจ้งลูกค้านำรถยนต์ดังกล่าวมาแก้ไข ส่วนฮอนด้าแจ๊ซไม่มีปัญหาเพราะใช้ชิ้นส่วนผลิตคนละบริษัท และคาดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลต่อยอดขายแต่อย่างใด แม้โตโยต้ากับฮอนด้าจะเกิดวิกฤตด้านความเชื่อมั่นในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่แบรนด์โตโยต้าดูเหมือนจะได้รับผลกระทบมากกว่า ดูได้จากยอดเรียกคืนรถของโตโยต้าที่สูงถึงหลักหลายล้านคัน ขณะที่ของฮอนด้าอยู่ที่หลักแสนเท่านั้น จนทำให้กระแสข่าวการเรียกคืนรถของฮอนด้าถูกข่าวการเรียกคืนรถโตโยต้ากลบไปเกือบหมด ดังนั้นหากโตโยต้าไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาได้อย่างเต็มสูบแล้ว และหากโตโยต้ายังปล่อยให้เกิดปัญหาซ้ำซากขึ้นอีก ในระยะยาวยักษ์ใหญ่รายนี้อาจเสียตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์โลกก็เป็นได้ |
ผู้ตั้งกระทู้ อ๊อฟ :: วันที่ลงประกาศ 2010-02-03 11:59:58 IP : 61.90.147.245 |
1 |
ความคิดเห็นที่ 3 (3151795) | |
ซินญอรี่ | วันนี้มีแต่ใช้การตลาดผลิตรถ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ใช้วิศวกรผลิตรถ จึงมองแต่การลดต้นทุน เป็นกรณีศึกษาที่ดีกรณีหนึ่ง เพื่อที่อยากจะเป็นเบอร์ 1 ของโลก แต่ไม่รับผิดชอบต่อการออกแบบแก้ไขข้อบกพร่อง คนอยู่ในวงในการผลิตรถยนต์จะทราบดีครับว่าบริษัทผลิตรถต้องการแต่ควบคุมต้นทุน จนมองข้ามความปลอดภัยมาเป็นเวลานานแล้ว |
ผู้แสดงความคิดเห็น ซินญอรี่ วันที่ตอบ 2010-02-04 20:47:12 IP : 180.180.99.105 |
ความคิดเห็นที่ 2 (3151584) | |
จูน001 | แบบนี้รถรุ่นที่ผลิตในประเทศไทย เป็นรถที่ผลิตได้มาตรฐานกว่าที่ผลิตในเมืองนอก (ในประเทศไม่เห็นเรียกคืนสักรุ่นเลย) สำหรับโตโยต้า..... |
ผู้แสดงความคิดเห็น จูน001 วันที่ตอบ 2010-02-04 10:38:20 IP : 125.24.218.23 |
ความคิดเห็นที่ 1 (3151567) | |
k13 | แลกกับการขึ้นเป็นเบอร์1ของโลกครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น k13 วันที่ตอบ 2010-02-04 09:33:25 IP : 61.7.160.6 |
1 |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 4858908 |