|
benz c200 vs c220 cdi | |
เจด้า | ขอรบกวนถามหน่อยนะคะ ถ้ามีงบแบบซื้อแบบใดแบบหนึ่งก็ได้นี่ ระหว่าง c200 กับ c220 cdi ในระยะยาวอันไหนดีกว่ากันในแง่การบำรุงรักษา ค่าน้ำมัน (ถ้าประยัดน้ำมันโดยใช้ CDI แต่ในขณะเดียวกันเครื่อง CDI ก็แพงกว่าเป็นแสน เอาส่วนต่างมาเติมน้ำมันแล้วใช้เบนซินดีไหมคะ) แล้ว2รุ่นนี้มีความแตกต่างอะไรบ้าง นอกจากการใช้เชื้อเพลิงต่างกัน แล้วดีเซลของเบนซ์มีปัญหาไหมและเสียงดังมากไหมคะ เมื่อเทียบกับเครื่องดีเซลของ bmw 320d แล้วรถเบนซ์นี่ถ้าใช้ไปประมาณ 9-10ปี ราคาขาย
ขอความรู้ด้วยค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ เจด้า
|
ผู้ตั้งกระทู้ เจด้า :: วันที่ลงประกาศ 2010-02-16 11:17:42 IP : 124.120.2.155 |
1 |
ความคิดเห็นที่ 5 (3393776) | |
wongpoom11@gmail.com | แล้วต้องระมัดระวังอะไรเป็นพิเศษบ้างครับ ค่าซ่อม ค่าอะไหล่ แพงหรือไม่ ครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น wongpoom11@gmail.com วันที่ตอบ 2014-08-18 12:11:55 IP : 27.55.110.196 |
ความคิดเห็นที่ 4 (3372775) | |
บังเอิญทราบ | ตามที่กล่าวมาข้างต้น คุณคงไม่เลือกยี่ห้ออื่นแน่ BENZ C200 และ C220cdi ราคาเครื่องยนต์เบนซินกับดีเซล แตกต่างกันประมาณ2.5แสนบาท ราคารุ่นเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นนี้ไม่เกิน2.8ล้านบาท ถ้าผู้ใช้เป็นสุภาพสตรี ให้เลือกเครื่องยนต์เบนซินจะทำให้การเดินทางตลอด10ปีมีความสุขแน่นอน แต่เลือกเครื่องดีเซลก็ไม่แตกต่างกับขับรถยนต์ขนาด 1800 ซีซีทั่วไป เครื่องยนต์เบนซินของBENZ ทนทานมากกว่า50ปีแน่นอน ที่เครื่องดีเซลขายราคาแพงกว่าเบนซิน เพราะโรงงานในเยอรมันณีผลิต เครื่องยนต์ดีเซลในสัดส่วนน้อย จงหมั่นใจในยนตกรรมของเยอรมัน ที่พัฒนามา มากกว่า 100 ปี |
ผู้แสดงความคิดเห็น บังเอิญทราบ วันที่ตอบ 2013-08-12 01:34:33 IP : 110.171.128.70 |
ความคิดเห็นที่ 3 (3155230) | |
คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ | ถ้าเรื่องขายต่อ เบนซ์ราคาก็ตกครับ แต่น้อยกว่า BMW ด้วยเหตุผลที่มันเป็นขวัญใจยอดนิยมทั้งของผู้มีอันจะกินและพอเป็นรถเก่า มันก็จะกลายเป็นความฝันของผู้พึ่งจะมีเหลือกินอยากซื้อมาครอบ BMW นั้น เป้นรถที่พวกวัยรุ่นใช้เป็นเสียส่วนใหญ่ เพราะความเป็นสปอรต์ที่มีมานมนานและเป็นความฝันของวัยรุ่นทุกคนที่อยากจะได้ขับ BMW การที่จะเล่นรถทั้งสองตันนี้ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าระบบเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆในรถรุ่นปัจจุบันนี้ คุณเอาไปซ่อมตามอู่อาแปะ อากงต่างๆไม่ได้อีกแล้วครับ เพราะรถพวกนี้จะต้องใช้เครื่องมือพิเศษที่มีราคาแพงถึงจะทำการตรวจสอบและซ่อมแซมได้ เป็นผม ถ้าจะใช้ยางเบนซ์ แต่ถ้าสัก 4-5 ปีเปลี่ยน BMW ครับ เพราะขอแค่ 5 ปีของความมัน ผมก็ว่าน่าจะพอนะครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ วันที่ตอบ 2010-02-17 09:13:43 IP : 61.90.30.231 |
ความคิดเห็นที่ 2 (3155040) | |
เจด้า | -ขอบคุณค่ะ พิมพ์ขาดไปตรง ถ้าเบนซ์นี่ขับไป9-10ปี แล้วขายต่อ ราคามันตกลงไปสักกี่เปอร์เซ็นต์คะ โดยทั่วๆไป รถจะตกลงปีละประมาณ 20% ใช่ไหมคะ ขอบคุณมากค่ะ สำหรับคำตอบ (บีเอ็มราคาตกลงกว่าเบนซ์พอสมควรใช่ไหมคะ เห็นในเวป มีคนบอกว่าบีเอ็มมีปัญหาจุกจิพวกระบบไฟฟ้า ซ่อมแพง) มีญาติเพื่อนใช้บอกว่าซ่อมแพง+นานด้วยค่ะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น เจด้า วันที่ตอบ 2010-02-16 15:49:49 IP : 124.120.2.155 |
ความคิดเห็นที่ 1 (3154962) | |
คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ | ก่อนอื่น รถเครื่องดีเซลทุกรุ่น เครื่องดังทั้งนั้นแหละครับ แต่ของเบนซ์และบีเอ็มถือว่าเงียบแล้วนะครับ ถ้าจะเลือกใช้นาน เลือกเบนซ์ แต่ถ้าเรื่อกขับสนุก ผมเลือก BMW 320d เพราะวิ่งมัน แต่อย่างไรก็ตาม ยังมันสู้ BMW 520d ไม่ได้ครับ ซึ่งสำหรับผม ผมชอบขับ BMW 520d มากครับด้วยเหตุผลดังกล่าว เรื่องราคาเครื่องดีเซลที่แพงกว่าถือว่าปรกติสำหรับรถเยอร์มันครับ การดูแลรักษาของเครื่องดีเซลนั้น ง่ายทั้งคู่ การประหยัดเชื้อเพลิง เครื่องดีเซลประหยัดกว่าเครื่องเบนซินมากครับ แต่ถ้าจะถามผมว่าถ้าเป็นผมจะเลือกเบนซินหรือดีเซล ผมตอบว่าดีเซลเพราะผมเป็นแฟนรถดีเซลครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ วันที่ตอบ 2010-02-16 12:19:28 IP : 58.8.77.252 |
1 |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 4859507 |