มุมมอง        ทุกคนต่างเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น(ทำไมไม่กลับมามองตัวเองบ้างว่าทำและคิดอะไรอยู่และเพื่ออะไร)           

ที่เห็นบ่อยๆอีกพวกหนึ่งก็คือทหารที่ขับรถจยย. เปิดไฟวับวาบ ขับนำทางให้รถเจ้านาย เวลาขับออกจากค่ายทหารก็ออกมาจอดขวางรถทางตรงคันอื่น  อีกเรื่องหนึ่งคือ ถนนพหลโยธินช่วงจาก รพ.ภูมิพลไปจนสุดค่ายทหารอากาศแม่งชอบเปิดไฟเขียวให้แต่รถเข้า-ออกค่ายทหารเป็นหลัก บางครั้งเปิดไฟกระพริบไว้แต่มันตรงข้ามกับมาตรฐานทั่วไปคือ ทางตรงบนถนนพหลโยธินเปิดไฟกระพริบสีแดง แต่ทางเข้า-ทางออกจากค่ายทหารเปิดไฟกระพริบสีเหลือง นั่นหมายความว่าให้ทางเข้า-ทางออกค่ายทหารเป็นทางเอก ทำยังกะเป็นเจ้าของถนนแน่ะ

มีข่าวดีสำหรับเพื่อนๆอาสาทุกหน่วยครับ

วันนี้(16ก.พ.53) ที่บก.จร.วิภาวดี  เวลา 08.00 น. ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่าง บก.จร.กับ เจ้าหน้าที่จาก ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ กรุงเทพฯ ,รพ.

ตำรวจ,โรงพยาบาลราช วิถี,มูลนิธิปอเต็กตึ้ง,มูลนิธิร่วมกตัญญู โดยมี พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น.รับผิดชอบงานจราจร เป็นประธาน ในการประชุม ซึ่งประเด็นการประชุม

เป็นการประสานความร่วม มือกันในกรณีดังนี้ 1.การแจ้งเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ทางวิทยุสื่อสารและโทรศัพท์ 2.การประสานงานจราจรเพื่อการเข้าถึงที่เกิดเหตุโดยเร็ว 3.การซ้อม

แผนสาธารณภัย 4. การขอ อนุญาตรถฉุกเฉินต่างๆและรูปลักษณ์รถพยาบาลฉุกเฉิน ซึ่งจะขอแจ้งเฉพาะเรื่องผลการประชุมเกี่ยวกับการติดสัญญาณไฟ ว่า ได้ให้ทุกหน่วยรวบรวมราย

ชื่อเจ้าหน้าที่ และรถผู้ ปฏิบัติ ของแต่ละหน่วย มายื่นดำเนินการขออนุญาตตามกฏหมาย ซึ่งถ้าได้รับอนุญาตถูกต้องแล้ว ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดำเนินการอำนวยการจัดการจราจ

ให้เจ้าหน้าที่ต่างๆเข้า ไปถึงที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว เพราะปัจจุบัน ระบบใหม่ ต้องมีหน่วยล่วงหน้าเข้าไปตั้งศูนย์อำนวยการร่วมและจัดตั้ง บก.ส่วนหน้า จึงเรียนมายังท่านอาสา กู้ภัย

ทุกท่าน ให้รีบดำเนิน การแจ้งชื่อและรถให้กับหน่วยงานของท่าน เพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามกฏหมายต่อไป และเพื่อเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม เพราะปัจจุบัน ประชาชนไม่

ค่อยหลีกทางให้รถที่ติด ไซเรนกันจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อการช่วยเหลือประชาชน จึงต้องทำให้รถทั้งหลายที่ทำงานได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง โดยถ้าทำถูกต้องแล้ว

ประชาชนทั่วไปต้องหลีกทางให้ มิฉนั้นจะมีความผิดตามกฏหมาย จึงแจ้งมาเพื่อให้รีบดำเนินการครับ
               
                          การประชุมพูดคุยกันระหว่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้มีการปรึกษาหารือกันด้วยดี โดยฝ่าย

ระบบบริการการแพทย์ ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยอำนวยการด้านการจราจรกรณีเรื่องเร่งด่วนในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และแจ้งรายละเอียดของรถกู้ภัยต่างๆที่ทำหน้าที่ให้รับ

ทราบ ซึ่งรถทุกคันต้องขออนุญาตถูกต้องตามกฏหมาย โดยก่อนหน้าที่จะมาประชุมร่วมกันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการการแพทย์และมูลนิธิต่างๆได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่มาแล้ว และ

ในวันนี้ได้ข้อสรุปว่า ทางมูลนิธิต่างๆจะไปรวบรวม รถของเจ้าหน้าที่ต่างๆ มาขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฏหมาย และสามารถตรวจสอบได้ นอกเหนือจากนั้น ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม

ดำเนินคดีทุกราย จึงแจ้งเจ้าหน้าที่อาสา กู้ภัยทุกท่านเพื่อทราบ และให้รีบดำเนินการกับทางหน่วยงานต้นสังกัดเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องโดยเร็ว จะได้ทำงานร่วมก้นเพื่อช่วยเหลือ

สังคมไทยกันต่อไปครับ