อยากถามเรื่องข้อดี ข้อเสีย ระหว่างเครื่องยนต์เบนซินกับดีเซล ในรถเก๋ง
avatar
นายหัวครก


 ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร  เครื่องยนต์แต่ละแบบเหมาะกับการใช้งานอย่างไร  และการดูแลบำรุงรักษาต้องทำอย่างไงบ้าง  รบกวนถามผู้มีความรู้ทุกคน



ผู้ตั้งกระทู้ นายหัวครก :: วันที่ลงประกาศ 2012-04-26 12:22:28 IP : 10.0.0.40, 124.


1

ความคิดเห็นที่ 7 (3352844)
avatar
รอส

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น รอส วันที่ตอบ 2012-12-10 09:28:15 IP : 49.49.23.132


ความคิดเห็นที่ 6 (3333333)
avatar
หมู

ขึ้นอยู่กัีบการใช้งานครับ  ถ้าเป็นผม ไม่ติดแก๊ส  ผมเลือกดีเซลอย่างไม่ลังเล  เพราะน้ำมันถูกกว่าครับ  อีกทั้ง เครื่องดีเซลออกแนวถึกๆอึดๆ  อีกอย่างไม่ต้องเปลี่ยนหัวเทียนตลอดชีพ      เป็นความชอบส่วนตัวนะครับ  

ผู้แสดงความคิดเห็น หมู (mo-dot-om-dot-ooh-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2012-05-10 15:53:11 IP : 118.175.144.145


ความคิดเห็นที่ 5 (3332440)
avatar
นายหัวครก

 ขอบพระคุณทุกคำตอบ เป็นประโยชน์มาก  ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบเทคโนโลยีhybridสักเท่าไร เพราะคิดว่ามันยังไม่เข้าที่เข้าทาง และเป็นเทคโนโลยีที่ยังแพงเกินกว่าสิ่งที่จะไ้กลับคืนมา   ใช้ธรรมดาถ้าจะเหมาะกว่ารักโลกนะแต่ปลูกต้นไม้ถ้าจะลงทุนน้อยกว่าขี่ลูกผสม

ผู้แสดงความคิดเห็น นายหัวครก วันที่ตอบ 2012-04-29 14:09:32 IP : 192.168.100.102


ความคิดเห็นที่ 4 (3332330)
avatar
Beerrl

คือเอาแบบง่ายๆว่า ถ้าไม่คิดจะติด gas 

ดีเซลดีกว่าทุกประการ ยกเว้นเรื่องเสียงดังครับ ยิ่งประเทศไทยน้ำมันดีเซลถูกกว่าเบนซินอีก ทำให้เมื่อคำนวณค่าน้ำมันที่จ่ายแล้ว ดีเซลประหยัดกว่าเบนซินเกิน 50% ในเมืองไทย (ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป น้ำมันดีเซลแพงกว่าเบนซิน 20% ราคารถดีเซลแพงกว่าเบนซินใน option เดียวกัน แต่รถดีเซลยังขายดีกว่าเบนซินอีก เพราะ กำลังดี ประหยัดกว่า และทนกว่า ค่าแรงเมืองนอกแพง ดังนั้นรถยิ่งทนยิ่งประหยัดค่าใช้จ่ายครับ)

ผมว่ารถดีเซลเหมาะกับ 

1.รถขนส่งที่ต้องใช้กำลังในการขนของ ขึ้นเขา (รถบรรทุก รถกะบะที่ขนหนัก)

2.รถที่ขับชานเมือง นอกเมือง มากกว่าในเมือง (ถึงแม้ขับในเมืองเยอะ ดีเซลก็ประหยัดกว่าทั้งอัตรากินน้ำมัน และ ค่าน้ำมัน แต่จะสู้ ติด gas หรือ Hybrid ไม่ได้)

3.คนที่ชอบอัตราเร่งช่วงกลางดีๆ เร่งแซงทันใจ แต่ปลายไหลสู้เบนซินไม่ได้ 

ผู้แสดงความคิดเห็น Beerrl (s-dot-kanakarn-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2012-04-27 11:21:24 IP : 110.168.154.226


ความคิดเห็นที่ 3 (3332316)
avatar
คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ

Weight
 
  Unladen weight EU in kg   1,475 [1.495]   1,495 [1,505]
 
  Max. permissible weight in kg   1,950 [1,970]   1,970 [1,980]
 
  Permitted load in kg   550   550
 
  Permitted axle load front/rear in kg   905 [1,125]   905 / 1,130
 
  Engine
 
  Cylinders/valves   4/4   4/4
 
  Capacity in ccm   1,997   1,995
 
  Stroke/bore in mm
 
  90.1 / 84.0   90.0 / 84.0
 
  Max. output in kW (hp) at 1/min
 
  135 (184) / 5,000   135 (184) / 4,000
 
  Max. torque in Nm at 1/min
 
  270 / 1,250-4,500   380 / 1,750-2,750
 
  Compression ratio : 1
 
  11.0   16.5
 
  Performance
 
  Top speed in km/h
 
  235 [235]   235 [230]
 
  Acceleration 0–100 km/h in s
 
  7.3 [7.6]   7.5 [7.6]
 
  Fuel consumption*
 
  Urban in l/100 km
 
  8.4-8.2 [7.9-7.7]   5,8 [5,4]
 
  Extra-urban in l/100 km
 
  5.0-4.9 [4.9-4.8]   3,8 [3,9]
 
  Combined in l/100 km
 
  6.3-6.1 [6.0-5.9]   4,6-4,5 [4,5-4,4]
 
  CO2 emissions in g/km
 
  147-144 [141-138]   120-119 [118-117]
 
  Tank capacity, approx. in l
 
  60   57
 
  Wheels

 

ข้อมูลข้างบนนี้ คัดลอกมาจาก Web site ของ BMW ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบเครื่องยนต์ของ BMW รุ่น 320i กับ BMW 320d โดยขอให้ดูที่อัตราการสิ้นเปลืองในเมืองอยู่ที่ 5.8 ลิตร/100 กม. ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลและที่ 8.2 ลิตร/100 กม. ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งเท่ากับทางโรงงานเคลมว่าเครื่องดีเซลจะสิ้นเปลืองอยู่ที่ประมาณ 17 กม/ลิตร และเครื่องเบนซินจะอยู่ที่ 12 กม/ลิตร (ตัวเลขจากโรงงาน) ส่วนค่าคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ เครื่องเบนซินจะปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ 144 กรัม/กม. ในขณะที่เครื่องดีเซลจะปล่อยที่ 120 กรัม/กม. ซึ่งเท่ากับว่าเครื่องยนตืดีเซลยุคใหม่นั้นสะอาดกว่าและประหยัดกว่าเครื่องยนต์เบนซิน

http://www.bmw.com/com/en/newvehicles/3series/sedan/2011/showroom/compare.html?model_1=320i&model_2=320d  

ผู้แสดงความคิดเห็น คนว่างวันอาทิตย์ช่วยตอบ วันที่ตอบ 2012-04-27 09:43:24 IP : 110.171.1.71


ความคิดเห็นที่ 2 (3332308)
avatar
ชาว CK

ส่วนเครื่องเบนซิน เครื่องยนต์สั่นน้อยกว่าเพราะแรงอัดในกระบอกสูบน้อยกว่า เวลารถจอดนิ่งในรอบเดินเบานี่รถนิ่งยังกะดับเครื่องอยู่  ที่ด้อยกว่าคงจะเรื่องการใช้เชื่อเพลิงคือดีเซลจะวิ่งได้ไกลกว่าเบนซินเล็กน้อย  เครื่องดีเซลจะมีควันไอเสียให้เห็นมากบ้างน้อยบ้างและไอเสียของดีเซลจะมีเขม่าปนออกมาด้วยเป็นมลพิษต่ออากาศ  และที่แน่นอนเครื่องยนต์เบนซินใช้พลังงานทางเลือกได้คือแก๊ส

ผู้แสดงความคิดเห็น ชาว CK วันที่ตอบ 2012-04-27 08:17:47 IP : 115.31.161.226


ความคิดเห็นที่ 1 (3332251)
avatar
M(น่ารัก)

กว้างๆ เท่าที่ทราบนะครับ ในขนาดความจุเท่าๆ กัน

เครื่องดีเซลน้ำหนักมากกว่า เสียงดังกว่า แรงบิดสูงกว่า รอบต่ำกว่า(แรงม้าน้อยกว่า)

ดีเซลเหมาะกับการใช้งานต่อเนื่อง ความเร็วไม่เปลี่ยนแปลงบ่อย วิ่งไกลๆ แบกน้ำหนักเยอะๆ สู้น้ำดีกว่า(ไม่ได้จุดระเบิดด้วยระบบไฟแรงสูง)

การดูแลรักษาดีเซลจุกจิกน้อยกว่า(ชิ้นส่วนต้องดูแลมีน้อยกว่า โดยเฉพาะในระบบจุดระเบิด) แต่ค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบหัวฉีดน้ำมันจะสูงกว่า ถ้าเสีย

ดีเซล sensitive กับความสะอาดน้ำมันมากกว่า ไวต่อการเจือปนของความสกปรกและน้ำ โดยเฉพาะรุ่นใหม่ๆ แรงดันหัวฉีดสูงๆ (รุ่นเก่าสบายกว่า)

ดีเซลปัจจุบันยังแรงดีเหมือนก่อน ประหยัดน้ำมันกว่าก่อนมาก แต่กลัวน้ำมากขึ้น(ระบบอิเลคทรอนิคส์มีมาก) การเรียกรอบและการใช้รอบสูงทำได้ดีขึ้นกว่าก่อนมาก แต่ค่าบำรุงรักษาระบบจ่ายน้ำมันก็สูงกว่าดีเซลรุ่นเก่ามากเช่นกัน(ถ้าเสีย)

ถ้าจะใช้ดีเซล ควรใจเย็นในการไต่ความเร็ว ขับทางไกลยาวๆ หรือไม่ใช้แบบสตาร์ทแล้วจอด แล้วสตาร์ทใหม่บ่อยๆ และต้องเลือกปั๊มและน้ำมันที่สะอาด คุณภาพน้ำมันไว้ใจได้

ถ้าขับแบบวัยรุ่นใจร้อน ขับๆ จอดๆ ใช้น้อย ไม่แนะนำดีเซลครับ

ตอนนี้นึกออกแค่นี้อ่ะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น M(น่ารัก) วันที่ตอบ 2012-04-26 15:12:00 IP : 10.132.0.132, 2



1


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.