|
ถอยวีออสมาประมาณ 1 เดือน เคลือบแก้วดีไหมครับ | |
แพนด้าเกริล | ถอยวีออส สีเทา(ควันบุหรี่) ตัวใหม่มาประมาณ 1 เดือน พอดีเพื่อนที่ร้านแนะนำก็เลยลังเล กำลังตัดสินใจระหว่าง 1. เคลือบแก้วแบบหนา + พ่นกันสนิม ราคาประมาณ 14000 2. เคลือบเทฟร่อน + พ่นกันสนิม ราคาประมาณ 10000 3. เคลือบแก้วแบบหนา อย่างเด๋ว 10000 4. ไม่ต้องทำอะไรเลย แบบเดิมๆ ขอคำแนะนำหน่อยครับ พอดีเห็นราคามันค่อนข้างสูง เลยอยากขอความรู้หน่อยครับ ว่าควรตัดสินใจยังไงครับ และการเคลือบแก้ว มันดียังไง ข้อเสียยังไงครับ
|
ผู้ตั้งกระทู้ แพนด้าเกริล :: วันที่ลงประกาศ 2012-03-22 09:44:45 IP : unknown, 202.14 |
1 |
ความคิดเห็นที่ 7 (3336579) | |
ผ่านมา | คุณ ขับ estate เก่าๆ น่ารักมาก แสดงความคิดเห็นได้ชัดเจนจนไม่น่าเชื่อว่า เจ้าตัวจะขับแค่ estate เก่าๆ จริง แต่น่าจะมีรถที่ผ่านมือมาแล้วหลายยี่ห้อทั้งรถยุโรปและรถญี่ปุ่นมากกว่า เราไม่ใช่เจ้าของกระทู้ยังติดตามอ่านด้วยความสนใจเลยได้รับความรู้ดีๆไปด้วย ขอบคุณนะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น ผ่านมา วันที่ตอบ 2012-06-16 17:04:43 IP : 223.206.218.8 |
ความคิดเห็นที่ 6 (3329773) | |
ม่อน | มีรถคันแรกเหรอ??
|
ผู้แสดงความคิดเห็น ม่อน (sunchaiya-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2012-03-25 18:41:03 IP : 125.24.182.165 |
ความคิดเห็นที่ 5 (3329509) | |
ขับ estate เก่าๆ | (edit ใหม่ครับ พอดีตัดต่อในnote pad แล้วไม่ได้ใส่แว่น เลยตกหล่น) ทางด้านความเงางาม ฝรั่งเขาเรียก wet look เคลือบแก้วไม่ค่อยให้ความเงางามมากครับ เคลือบแก้วจะดูเงาแบบด้านๆ แต่ถ้าเคลือบน้ำยา ก็เลือกความเงาได้ตามชนิดน้ำยา ความถูกแพงน้ำยา เช่น น้ำยาเคลือบแบบโพลิเมอร์มีความทนระดับหนึ่งแต่ความเงาค่อนข้างสูงและมีความเงาหลายแบบ (ฉ่ำมาก เป็นประกาย ฯลฯ) เรซินมีความเงาน้อยกว่าโพลิเมอร์เล็กน้อย ความคงทนน้อยกว่า คาร์นูบามีความเงางามสูง แต่ไม่ทนเลย ร้อนๆก็ละลาย อย่างพวกรถโชว์ตามที่ต่างๆ ก็คาร์นูบาเสียแทบทั้งสิ้น เพราะเหตุนี้เองเคลือบแก้วบางยี่ห้อจึงโฆษณาว่าแม้ว่าเคลือบของฉันไปแล้วแต่อยากเงาก็เคลือบน้ำยาทับซ้ำได้นะจ๊ะ ไม่ห้าม ไม่หวง |
ผู้แสดงความคิดเห็น ขับ estate เก่าๆ วันที่ตอบ 2012-03-22 14:45:30 IP : 110.77.232.242 |
ความคิดเห็นที่ 4 (3329508) | |
ขับ estate เก่าๆ | ถ้าไม่มีเวลาดูแลรักษารถ หรือใช้รถเดินทางไกลๆ ผมเลือกข้อ 1 (อันนี้ตอบเป็นกลางๆนะครับไม่ได้อยู่บนพื้นฐานรถของคุณ) การเคลืบแก้วเป็นการเคลือบด้วย SiO2 หรือ "แก้ว" ขึ้นมาอีก 10 หรือ 30 ไมครอน แล้วแต่แพคเกจ (เทียบกับเคลียร์โค้ท หรือช่างจะเรียกแลคเกอร์ จะมี 60 ไมครอน) การเคลือบแก้วทำให้น้ำ ฝุ่น เกาะยาก รถจะเป็นรอยได้ยากขึ้น ถึงแม้เกิดก็จะเกิดบนเคลือบเท่านั้น เมื่อครบกำหนดคุณต้องไปขัดผิวและพ่นกระตุ้นทำให้ผิวเคลือบหนาเท่ากัน ผิวก็จะกลับมาสวยเหมือนเดิม ระดับความแข็งของฟิล์มเคลือบจะแข็งและทนทานกว่าน้ำยาเคลือบที่ซื้อมาเองเพราะเป็นแก้ว บางยี่ห้อให้เลือกระดับความแข็งได้อีก ต่างจากน้ำยาเคลือบธรรมดาที่เป็นโพลีเมอร์ เรซิน คาร์นูบา ที่ฟิล์มจะคงทนน้อยกว่า(แต่ราคาก็ต่ำกว่าด้วย) ทางด้านความเงางาม เคลือบแก้วไม่ค่อยให้ความเงางามมากฝรั่งเขาเรียก wet ครับ เคลือบแก้วจะดูเงาแบบด้านๆ แต่ถ้าเคลือบน้ำยา ก็เลือกความเงาได้ตามชนิดน้ำยา ความถูกแพงน้ำยา เช่น น้ำยาเคลือบแบบโพลิเมอร์มีความทนระดับหนึ่ง เรซินมีความเงาน้อยกว่าโพลิเมอร์เล็กน้อย ความคงทนน้อยกว่า คาร์นูบามีความเงางามสูง อย่างพวกรถโชว์ตามที่ต่างๆ ก็คาร์นูบาเสียแทบทั้งสิ้น เพราะเหตุนี้เองบางยี่ห้อจึงโฆษณาว่าแม้ว่าเคลือบของฉันไปแล้วแต่อยากเงาก็เคลือบน้ำยาทับซ้ำได้นะจ๊ะ ไม่ห้าม ไม่หวง คราวนี้เรามาดูเรื่องทำความสะอาดกันบ้างรถที่มีการเคลือบแก้วจะทนต่อสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง ทำให้ล้างได้ง่ายเหมือนกับรถที่มีการเคลือบน้ำยา (บางคนเขาว่าล้างง่ายกว่าแบบเคลือบน้ำยานะครับ) เพราะสิ่งสกปรกแทนที่จะติดบนเคลียร์โค้ท(แลคเกอร์) หรือชั้นสี ก็จะติดอยู่บนฟิล์มเคลือบแทน แต่เคลือบแก้วบางยี่ห้อเขาจะให้ล้างเพียงน้ำเปล่า บางยี่ห้อก็สบู่อ่อน ความแตกต่างจะอยู่ที่หลังการล้าง แบบแก้วจะทนทานต่อการล้างมากกว่า(ภายใต้การล้างที่ถูกวิธีตามแต่ละยี่ห้อ) แบบเคลือบน้ำยาจะค่อยๆล่อนออก ละลายน้ำ เร้วช้าต่างกันตามประเภทน้ำยา อาจจะเทียบกันได้ดังนี้ (ความทนต่อการล้าง มาก) เคลือบแก้ว>เทลอน>เรซิน>คาร์นูบ้า (ความทนต่อการล้าง น้อย) งบประมาณและความคุ้มค่า ค่าพ่นแก้วส่วนมากจะแพงครับถ้าแบบได้มาตรฐานเชื่อถือได้ ทำงานละเอียด พ่นแบบบางก็ 20k แบบหนาก็ 35k สำหรับเก๋งสุดแล้วแต่แพคเกจ รถส่วนมากที่พ่นจะเป็นรถยุโรป Supercar หรือรถสะสมมีคุณค่าทางจิตใจ ไม่ก็พวก mania รักรถมากๆ แต่รถตลาดทั่วไปผมไม่ค่อยเห็นคาดว่าผู้บริโภคคงรู้สึกไม่คุ้ม อีกอย่างผมก็รู้สึกว่ามาตรฐานกาทำสีรถญี่ปุ่นทั่วไปมันไม่เท่ากับรถยุโรป ผมเคยเทียบ Camry กับ E class ที่บ้าน คุณภาพสี แลคเกอร์ ต่างกันลิบลับ ความอิ่ม ความหนา ความทน คนละเรื่อง รถญี่ปุ่นบางทีเขาก็ใช้ไปเรื่อยๆ นานๆหน่อยเคลมสีสักทีก็ได้ เพราะสีเดิมมันก็ไม่ค่อยน่าดูแลสักเท่าใด (ความเห็นส่วนตัวผมนะครับ บางคนเขาว่าสีเดิมอาจจะดีกว่าสีพ่นใหม่) คราวนี้เงินก้อนเดียวกันถ้าซื้อน้ำยาแมกไกวร์พร้อมผ้าไมโคร ก็ขัดได้หลายปีดีดักอยู่ แต่จะเปลืองแรงเจ้าของ และขัดบ่อยๆ(กว่าเคลือบแก้ว) แค่นั้นเองครับ สรุป เคลือบแก้ว แพงสุด ทนสุด ดูแลรักษาน้อยสุด ไม่ค่อยเหนื่อย(วิ่งเข้าร้าน) เงาน้อยกว่า เคลือบน้ำยา ถูกกว่า ทนน้อยกว่า เคลือบบ่อยกว่า เหนื่อยกว่า ความเงามากกว่า ให้ข้อมูลเพื่อตัดสินใจตามชอบครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น ขับ estate เก่าๆ วันที่ตอบ 2012-03-22 14:37:59 IP : 110.77.232.242 |
ความคิดเห็นที่ 3 (3329481) | |
สงคราม | เห็นด้วยตามข้างบนไม่ต้องทำครับ ส่วนเคลือบ ซื้อมาครั้งหนึ่งอยู่สองสามปี ทำเองดีกว่า จะได้เห็นว่ารถเราโดนอะไรมาตรงไหน ตำหนิตรงไหน ตั้งแต่โลโก้ฝากระโปรงหน้ารถกระเด็น เมื่อสามปีที่แล้ว ผมไม่เข้าล้างรถที่ปั๊มอีกเลย? ทำเองหมดครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น สงคราม วันที่ตอบ 2012-03-22 10:44:10 IP : 125.25.57.52 |
ความคิดเห็นที่ 2 (3329480) | |
ขจกท | ตังค์ไว้เติมน้ำมันครับ ได้หลายสิบถังเลย |
ผู้แสดงความคิดเห็น ขจกท วันที่ตอบ 2012-03-22 10:39:40 IP : 203.146.189.99 |
ความคิดเห็นที่ 1 (3329476) | |
ลูกบอล | ไม่ต้องทำอะไรเลย 6 เดือน ค่อยว่ากัน |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลูกบอล วันที่ตอบ 2012-03-22 10:25:39 IP : 58.8.10.83 |
1 |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 4867986 |