ของผมไม่ใช่ H-1 นะครับแล้วก็เป็นบริษัทประกันอีกเจ้านึง กระจกแตกรอประกัน 2 อาทิตย์ ทนไม่ไหวโทรเข้าไปแผนกสินไหมทดแทนเพื่อสอบถาม

จากที่คุยผมสรุปเองได้เลยว่าทางบริษัทจัดหาอะไหล่ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย จนผมต้องโทรไปจิกใช้เวลาแค่ 2 วัน รวมวันที่โทรด้วย

คุณเฮงถ้าอยากรู้ว่าอะหลั่ยมีหรือไม่โทรติดต่อศูนย์รัชโยธินได้เลยครับให้เขาตรวจสอบให้

ทำประกันชั้นสามดีที่สุด

ชนซ่อมเอง

ประกันรับเฉพาะฝ่ายถูก

วิริยะนี่ก็เจ้าของเดียวกับธนบุรี

บริษัทมีจรรยาสูงส่งในการทำธุรกิจ

ขายอยู่ที่ราชดำเนิน

วันนึง เยอรมันก็เอาคืน

ธนบุรีอัพเกรดตัวเอง

มาขายซันยอง เกาหลี

เวรกรรมติดจรวดครับ งานนี้

ขอเสริมอาจารย์สักหน่อยคือประกันบริษัทที่คุณเอ่ยชื่อมานี้ มีปัญหาเช่นนี้กับอู่ทั้งระบบครับ ซึ่งทางอู่เองก็พยายามที่จะไม่รับงานจากลูกค้าบริษัทนี้แล้ว เพราะทำให้งานเขาล่าช้ามาก และจะปล่อยให้ลูกค้าไปรับบริการที่อู่ในเครือของบริษัทแทนครับ เท่าที่ทราบ ปัญหาอยู่ที่บริษัท ไม่ได้อยู่กับบริษัทรถ และเขาทำเช่นนี้กับรถทุกยี่ห้อด้วยครับ   

ตอบ....ผมไม่ทราบว่าทางฮุนไดรู้หรือคิดอย่างไร  แต่ถึงฮุนไดจะรู้ก็คงไม่สามารถทำอะไรได้  เพราะเป็นเรื่องของบริษัทประกัน  แต่หากทางฮุนไดไม่มีอะไหล่  นั่นจึงจะเป็นเรื่องของ ฮุนได ที่ต้องแก้ไข  แต่ถ้าอะไหล่เขามี  แต่บริษัทประกันไม่มาเบิก  เขาก็คงไม่สามารถบังคับได้ครับ

เรียน อาจารย์พัฒนเดชที่เคารพครับ ที่อาจารย์แจ้งมาถูกต้องเป็นความจริงทุกประการ เพียงแต่อยากให้เป็นข้อเตือนใจ  2 ประเด็น

1.บริษัทฯ ผู้จำหน่ายรถฮุนได คิดปัญหาที่เกิดกับลูกค้ากรณีนี้บ้างหรือไม่

2. บริษัทฯ ประกันที่จะเลือก  วันหลังคงต้องคิดหนัก ระหว่างซื้อประกันประเภท3 กับประเภท1 (ซ่อมเองเร็วกว่า) 

ขออนุญาตอธิบายวิธีการทำงานของบริษัทประกันภัยให้ทราบ   บริษัทประกันภัยหลายแห่งโดยเฉพาะรายใหญ่ๆ   มักจะมีแผนกจัดหาอะไหล่เป็นของตนเอง  บางแห่งตั้งเป็นบริษัทลูกด้วยซ้ำไป   เพราะเห็นว่าหากมีการจัดหาซื้ออะไหล่เองจะทำให้ได้อะไหล่ที่มีราคาต่ำ  เท่ากับมีต้นทุนการซ่อมต่ำ   อู่ซ่อมในเครือต้องรอเบิกอะไหล่จากแผนกจัดหาเท่านั้น  อู่ที่มีทุนต่ำชอบบริษัทประเภทนี้  เพราะไม่ต้องควักกระเป๋าซื้ออะไหล่ก่อนแล้วไปเบิก ( ยากมาก ) ทีหลัง  ลงทุนแค่ค่าแรง  แม้ได้กำไรน้อยแต่ได้แน่  แต่อู่ใหญ่ๆที่มีทุนดีและมีระบบการหาอะไหล่ได้เองไม่ชอบวิธีการนี้  เพราะถูกตัดรายได้จากส่วนต่างของราคาอะไหล่ไปกินโดยบริษัทประกันภัยด้วย  หากเจ้าของรถอยากรู้ว่าอะไหล่ชิ้นดังกล่าวมีหรือไม่ ลองติดต่อบริษัทผู้ขายรถดูว่ามีหรือไม่  และราคาเท่าไหร่ ก็จะรู้ว่าบริษัทประกันที่ทำนั้นเขาทำไมไม่จัดหาอะไหล่จากบริษัทที่ขายรถ  ทั้งที่เวลาคิดเบี้ยประกัน  บริษัทประกันก็เรียกเก็บเบี้ยสำหรับรถที่มีอะไหล่ไม่แพร่หลายแพงกว่ารถที่มีอะไหล่แพร่หลายอยู่แล้ว  เก็บแพงแล้วไม่ยอมซื้ออะไหล่แท้ในราคาที่สูงกว่าที่ "ตนเองคิดว่าซื้อได้ถูกกว่า" อีก  กรณีอย่างนี้กรมการประกันภัยทำได้เพียงแค่ แบ๊ะๆๆๆๆ  พยักหน้าหงึกๆ หรือไม่อย่างนั้นก็ออกมาอ้างโน่นอ้างนี่    เท่านั้นเองครับ  ที่เล่ามานี้ไม่ได้หมายถึงกรณีของเจ้าของกระทู้เพียงอย่างเดียวนะครับ  ผมเล่าภาพรวมให้ฟังน่ะครับ  ใครจะเถียงก็ดาหน้าออกมาได้