@คุณมีสปอร์ตไรเดอร์... ไม่แน่เสมอไปครับ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น

- แรงดัน (บูสต์) และชนิดเทอร์โบ ส่วนใหญ่เครื่องความจุน้อยมักจะบูสต์สูงกว่าเพื่อให้ได้กำลัง

- การออกแบบชื้นส่วนภายในเครื่องยนต์ที่มีแรงเสียดทานไม่เท่ากัน ลักษณะหัวลูกสูบ ขนาดกระบอกสูบและความยาวช่วงชัก

- หน้ากว้างและเส้นรอบวงยางตามที่คุณหนุ่มแนะนำด้วยครับ

- น้ำหนักและความนิ่งของเท้าขวาของผู้ขับขี่น่ะครับ นิ่งๆ เนียนๆ ก็ประหยัดได้เยอะทีเดียว

- ลักษณะเส้นทาง เช่น ทางชันต้องการแรงบิดสูงๆ ถ้าเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ให้แรงบิดมากกว่า 2.5 ลิตรมากเท่าไหร่ การใช้เกียร์ต่ำก็จะน้อยเท่านั้น

ฯลฯ

ท่านอื่นช่วยเสริมด้วยนะครับ

กระทู้นี้ทฤษฏี น่าสนใจดีครับ ได้ความรู้มากเลยครับ

แต่ผม เวลาดูถ้ามองถึงเรื่องประหยัดก็ต้องมองไปถึงขนาดยางด้วยครับนอก จาก เกียร์ และเฟืองท้าย

ส่วนที่ จขกท. ยกตัวอย่างมา มันก็ไม่ใช่ว่าคำนวนแล้ว 3.0 จะประหยัดกว่า 2.5 นะครับยังมีส่วนประกอบอื่นอีกหลายอย่าง

 เกียร์และเฟืองท้าย จะถูกคำนวนมาอย่างเหมาะสมกับรถรุ่นนั้นๆครับ เมื่อนำมาเทียบกับรุ่นต่างกัน ก็ไม่ใช่เป็นตัวบอกว่ารุ่นไหนประหยัดกว่ากันครับ

 ผมมีตัวอย่าง มาให้ดู ว่าผมคำนวนถูกรึเปล่า เป็นรถppv ยี่ห้อเดียวกัน เอามาเทียบสองรุ่น

 รุ่น 2.5 แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 320 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัต 5 สปีด 3.520/2.042/1.400/1.000/0.716 เฟื่องท้าย 3.309 น้ำหนัรถ 1965

คำนวนแรงบิด=ทดเกียร์สุดท้าย 0.716 คูณ เฟื่องท้าย 3.309 คูณแรงบิด 320 ได้ 895.63

เอาน้ำหนักรถ 1965 หาร แรงบิดเกียร์สุดท้าย 895.63 ได้ 2.19 

รุ่น 3.0 แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 380 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด 3.520/2.042/1.400/1.000/0.716 เฟื่องท้าย3.727 น้ำหนักรถ 1985

คำนวนแรงบิด= ทดเกียร์สุดท้าย 0.716 คูณ เฟืองท้าย 3.727 คูณแรงบิด 380 ได้ 1014.04

เอาน้ำหนักรถ 1985 หาร แรงบิดเกียร์สุดท้าย 1014.04 ได้ 1.95 

นั้นเท่ากับว่ารถ เครื่อง 3.0 จะประหยัด ได้กว่า 2.5 ใช้มั้นครับ

งั่นถ้าเราจะดูรถยนต์ที่เป็นแนวเดียวกัน เราก็ใช้ สูตร คุณck กับคุณ นน หาอัตราทดเกียร์สุดท้าย แล้วดูขนาดเครื่อง กับความจุ ของรถ สุดท้ายตกผลึกที่ความพึ่งพอใจของเรา ว่ารับจุดด้อยจุดเด่นของรถแต่ละค่ายได้แค่ใหน แบบนี้happy ครับ ถ้าคุณ ck กับคุณ นน มีอะไรชี้แจง เขียนต่อเลยนะครับ ผมรออ่านอยู่

ขออภัยนะครับ ย่อหน้าแรกให้อ่านทีหลังนะครับ

จากนั้นมาดูน้ำหนักรถเปล่า หารด้วยแรงบิดที่ได้ในเกียร์สุดท้าย (หารเอาเองนะครับ) ถ้าเทียบรุ่นสูงสุด (เกียร์อัตโนมัติ 4x4) FORD Ranger 2.2 XLT หนักราว 2,050 กก. CHEVROLET Colorado หนักราว 1,950 กก. ISUZU D-Max หนักราว 1,800 กก. TOYOTA Vigo 3.0 หนักราว 1,750 กก.

ตามคุณชาว ck เลยครับ แต่ขออธิบายเพิ่มเติมให้เห็นภาพและเสียงนะคร้าบ... ผมจะคำนวณจากสูตรแบบหยาบๆ (ที่จริงต้องดูความยาวเส้นรอบวงของยางด้วย แต่ผมตัดออกเพราะรถประเภทเดียวกันไม่หนีกันเท่าไหร่นัก) คือ แรงบิด x อัตราทดเฟืองท้าย x อัตราทดเกียร์ (กรณีนี้เราดูแค่เกียร์สุดท้าย)

> เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลเทอร์โบ: แรงบิดสูงจะมาที่รอบต่ำ จะทดเฟืองท้ายและเกียร์สุดท้ายได้ต่ำ เช่น

1) FORD Ranger 2.2 XLT แรงบิดอยู่ที่ 375 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รตน.

    - เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ: 375 x 3.55 x 0.794 = 1,057.01 นิวตัน-เมตร

    - เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ: 375 x 3.73 x 0.691 = 966.54 นิวตัน-เมตร

สรุป: เกียร์ธรรมดาจะทำความเร็วปลายได้ดีกว่า เพราะแรงม้าแรงบิดของเครื่องยนต์เท่ากัน แต่เกียร์สุดท้ายได้แรงบิดมากกว่าเกือบ 100 นิวตัน-เมตร

2) CHEVROLET Colorado 2.5 แรงบิดอยู่ที่ 380 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รตน.

    - เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ: 380 x 4.10 x 0.59 = 919.22 นิวตัน-เมตร

    CHEVROLET Colorado 2.8 แรงบิดอยู่ที่ 440/500 นิวตัน-เมตร ( เกียร์ธรรมดา/อัตโนมัติ) ที่ 2,000 รตน.

    - เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ: 440 x 4.10 x 0.59 = 919.22 นิวตัน-เมตร

    - เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ: 500 x 3.42 x 0.67 = 968.31 นิวตัน-เมตร

สรุป: แม้รุ่น 2.8 ลิตรจะแรงบิดมากกว่าเยอะ แต่ด้วยอัตราทดเกียร์และเฟืองท้าย ทำให้แรงบิดในเกียร์สุดท้ายแทบไม่ต่างกันเลย ความเร็วปลายจึงไม่ต่างกันมากนัก

3) ISUZU D-Max 2.5 VGS Turbo แรงบิดอยู่ที่ 320 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,800 รตน.

    - เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ: 320 x 3.727 x 0.745 = 888.52 นิวตัน-เมตร

    - เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ: 320 x 3.909 x 0.716 = 895.63 นิวตัน-เมตร

สรุป: เกียร์อัตโนมัติจะทำความเร็วปลายได้ดีกว่า เพราะแรงม้าแรงบิดของเครื่องยนต์เท่ากัน

    ISUZU D-Max 3.0 VGS Turbo แรงบิดอยู่ที่ 380 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,800 รตน.

    - เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ: 380 x 3.727 x 0.791 = 1,120.26 นิวตัน-เมตร

ตามความเข้าใจผมนะครับ  แล้วแต่ทางผู้ผลิตรถจะออกแบบมาในแนวใหน ถ้าต้องการให้ประหยัดน้ำมัน(แต่ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง) ก็จะทำอัตราทด(อัตราทดเกียร์สุดท้ายคูณกับอัตราทดเฟืองท้าย)ให้น้อย รอบเครื่องก็จะน้อยด้วย  เช่น ซิลฟี่ 1.8 CVT อัตราทดเกียร์สุดท้าย 0.550 อัตราทดเฟืองท้าย 3.517 เมื่อรวมกันก็จะได้เท่ากับ 1.93  แต่มีวิธีแก้จุดด้อยคือแรงปลายตกคือต้องทำเครื่องให้มีกำลังมากๆทดแทน

 ถ้าผู้ผลิตต้องการแรงปลายไม่ตกก็จะทำอัตราทด(อัตราทดเกียร์สุดท้ายคูณอัตราทดเฟืองท้าย)รวมกันแล้วให้มาก แต่จะด้อยในเรื่องความประหยัดเชื้อเพลิงและรอบเครื่องก็จะมากกว่าตามไปด้วย อัลติส 1.8 CVT  อัตราทดเกียร์สุดท้าย 0.396   เฟืองท้าย 5.356  รวมกันได้เท่ากับ  2.12

ขอบคุณครับ คุณนน

เอาเป็นรถ ตลาด แล้วกัน

เครื่องยนต์ดีเซล มีเทอร์โบแปลผัน เครื่อง 2.5 - 3.0

เกียร์อัตโนมัติกับเกียร์กระปุก คืออยากจะทราบว่าเกียร์สุดท้ายต้องอยู่ที่เท่าไรถึงจะประหยัดน้ำมัน แล้วห้าเกียร์กับหกเกียร์การประหยัดต่างกันเยอะมั้ยครับ

ขอโทษครับคำถามอาจจะกว้างไป ถ้าคุณมีเวลาก็ช่วยแจกแจงทีนะครับ

เป็นคำถามที่ตอบยากครับ เพราะ

- เครื่องเบ็นซินหรือดีเซล

- เกียร์ธรรมดาหรืออัตโนมัติ?? กี่จังหวะ?? CVT รึเปล่า??

- มีเทอร์โบหรือซูเปอร์ชาร์จหรือไม่?? ถ้ามีๆ คู่หรือเดี่ยว?? แบบไหน??

- แรงม้าแรงบิดเท่าไหร่?? ที่รอบต่ำ กลาง หรือสูง อัตราส่วนแรงม้าแรงบิดต่อน้ำหนักเท่าไหร่??

ฯลฯ

เท่าที่เห็นเกียร์ 5-6 จังหวะ เกียร์ธรรมดาอยู่ที่ราว 0.700-0.850 : 1 เกียร์อัตโนมัติ อยู่ที่ราว 0.500-0.750 : 1